logo-heading

ปิดดีลเปิดตัวกันเรียบร้อยสำหรับ ดิเอโก้ คอสต้า ที่ล่าสุดเจ้าตัวกลับไปค้าแข้งกับ แอตเลติโก มิไนโร่ ทีมชื่อดังในลีกบราซิล ภายหลังกลายเป็นแข้งฟรีเอเยนต์ในช่วงก่อนหน้านี้

ซึ่งชื่อของ คอสต้า ดูเหมือนจะเริ่มๆ หายไปจากสารบบที่แฟนบอลจำได้ไปพอสมควรภายหลังย้ายออกจาก เชลซี เมื่อช่วงปี 2017 แม้จะยังคงค้าแข้งกับทีมใหญ่อย่าง แอต.มาดริด แต่พื้นที่ทางหน้าสื่อของเขาถือว่าเงียบหายไปพอสมควร ว่าแล้ว ขอบสนาม ของเราเลยจะพาไปสอดส่องดูชีวิตของ คอสต้า กันหน่อยว่านับตั้งแต่โบกมือลาทัพ "สิงห์บลูส์" ไป ผลงานของเขาในเส้นทางสายลูกหนังนั้นเป็นอย่างไรบ้าง

ช่วงชีวิตที่ เชลซี

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ 2014 ในช่วงขณะนั้นต้องยอมรับว่าชื่อเสียง และฝีเท้าของ ดิเอโก้ คอสต้า กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น และเป็นตัวความหวังในการจบสกอร์ให้กับ แอต.มาดริด เป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นในซีซั่นสุดท้ายกับพลพรรคทัพ "ตราหมี" ดาวยิงผู้นี้จัดการกระซวกตาข่ายไปได้มากถึง 36 ตุง จากการลงเล่นทุกรายการ 52 เกม พร้อมพาต้นสังกัดเข้าวินคว้าแชมป์ลาลีกา สเปน ได้สำเร็จ อีกทั้งยังกรุยทางเข้าสู่รอบชิงชนะศึก แชมเปี้ยนส์ลีก แม้จะพลาดท่าให้คู่ปรับอย่าง เรอัล มาดริด ก็ตาม ฉะนั้นทำให้เนื้อตัวของเขานั้นค่อนข้างหอมฉุยก่อนที่จะเป็น เชลซี ที่เดินหน้าคว้าลายเซ็นเขามาครองได้สำเร็จด้วยค่าตัว 38 ล้านยูโร ถือว่าไม่ได้มากมายนักกับกองหน้าที่หวังพึ่งพาการยิงประตูในขณะนั้น ซึ่งเพียงขวบปีแรก คอสต้า ก็ประสบความสำเร็จกับทัพ "สิงห์บลูส์" ได้ทันทีด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาเชยชม ซึ่งเขาคือกำลังสำคัญที่จัดการซัดไปได้มากถึง 20 ประตู ในฤดูกาลดังกล่าว ที่ถึงแม้จะมีอาการบาดเจ็บเข้ามารบกวน แต่ก็ไม่อาจหยุดความร้อนแรงของเขาได้ โดยนอกจากแชมป์ลีกแล้ว ทีมยังคงกวาดโทรฟี่ลีก คัพ มาครองได้อีก 1 ถ้วย เรียกได้ว่าเป็นดับเบิ้ลแชมป์ตั้งแต่ปีแรกที่ย้ายไปอังกฤษของ คอสต้า เลยทีเดียว ตามดูชีวิต คอสต้า หลังย้ายออกจาก เชลซี อาชีพค้าแข้งเป็นยังไงบ้าง ? กับซีซั่นถัดมาอย่าง 2015-16 ดูเหมือนผลงานของ คอสต้า จะดรอปลงไปเล็กน้อย รวมไปถึงตัวเลขการทำประตูที่ลดลงจากเดิมมาเหลือเพียง 16 ตุงเท่านั้น ในทุกรายการ ส่วนเรื่องแชมป์เป็นขวบปีที่พวกเขามือเปล่าไปไม่ถึงฝั่งฝันแม้แต่รายการเดียว ภายหลังมือเปล่าไม่มีแชมป์ รวมไปถึงผลงานไม่เป็นอย่างที่คาดคิด คอสต้า ก็เหมือนดีดตัวเองขึ้นมาจากความผิดหวังได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการยกระดับฝีเท้าของตัวเองพร้อมพาทีมเข้าป้ายคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษมาครองได้อีก 1 สมัย ส่วนตัวของดาวยิงผู้นี้ก็ซัดไปทั้งซีซั่น 22 ประตู  แต่ทว่าใครจะคาดคิดว่านี่คือฤดูกาลสุดท้ายของเขากับ เชลซี เพราะภายหลังจบเกมเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศที่ทีมพ่ายให้กับ อาร์เซน่อล 1-2 คอสต้า ก็ไม่ได้ลงเล่นให้กับทัพ "สิงห์บลู" อีกเลย แม้ในฤดูกาล 2017-18 เจ้าตัวจะอยู่กับ เชลซี ถึงครึ่งฤดูกาล แต่ทว่าก็ไม่ได้โอกาสลงสนามเลยสักวินาทีเดียว ส่วนเรื่องเหตุผลมีการออกมาเปิดเผยจาก คอสต้า เองว่าเรื่องปัญหานอกสนามกับกุนซือของทีมในตอนนั้นอย่าง อันโตนิโอ คอนเต้  โดยเฉพาะเรื่องของทัศนคติที่ไม่ตรงกัน ทำให้ไม่อาจร่วมงานกันได้ บวกกับ เชลซี ไปนำเข้า อัลบาโร่ โมราต้า กองหน้าจาก เรอัล มาดริด ที่ค่าตัว 60 ล้านปอนด์ ทำให้นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2017 ถึง 30 ธันวาคม 2017 คอสต้า ไม่ได้ลงเล่นในเกมอย่างเป็นทางการให้กับ เชลซี เลย

ย้ายกลับรังเก่าที่ แอต.มาดริด

ภายหลังห่างเกมการแข่งขันไปนานกว่า 7 เดือน คอสต้า ก็กลับไปสู่อ้อมอกของอดีตต้นสังกัดอย่าง แอต.มาดริด อีกครั้ง ซึ่งการกลับมาสเปนคราวนี้ทุกอย่างค่อนข้างเปลี่ยนไปมากทั้งเรื่องของสภาพร่างกายของเจ้าตัวที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน รวมไปถึงความเฉียบขาดที่แลดูจะหายไปเยอะพอสมควร ครึ่งซีซั่นแรกกับทัพ "ตราหมี" คอสต้า ผลิตประตูไปได้เพียง 7 ลูก กับอีก 6 แอสซิสต์ แต่ทว่าเขาก็คือฟันเฟืองสำคัญการพาทีมพุ่งชนความสำเร็จในถ้วยยูโรปา ลีก โดยเฉพาะประตูชัยที่ซัดใส่ อาร์เซน่อล ในรอบรองชนะเลิศก่อนพาทีมต่อยอดถึงเอื้อมไปหยิบโทรฟี่แชมป์ได้สำเร็จ ถัดมาซีซั่น 2018-19 เป็นฤดูกาลที่เจ้าตัวต้องเผชิญกับปัญหาอาการบาดเจ็บอยู่เรื่อยๆ ทั้งเอ็นร้อยหวาย, กล้ามเนื้อ หรือ บริเวณเท้า และที่สำคัญคือการโดนแบนยาวถึง 8 เกม จากกรณีที่เขาไปสบถคำหยาบคายด่าถึงบุพการีของผู้ตัดสินในเกมที่ แอต.มาดริด พ่าย บาร์เซโลน่า 0-2 ทำให้นี่เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ไม่น่าจดจำของชายที่ชื่อ ดิเอโก้ คอสต้า ส่วนฤดูกาลถัดมาแม้จะได้ลงสนามเยอะขึ้น แต่ทว่าก็ไม่มีอะไรน่าจดจำ เพราะเป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่เขาได้รับบาดเจ็บ และต้องพักยาวร่วมๆ 3 เดือน เฉกเช่นเดียวกับฤดูกาลล่าสุดที่เขาอยู่กับสโมสรได้เพียงครึ่งฤดูกาลก็ถูกยกเลิกสัญญาไปเนื่องด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บ และสัญญาที่เหลือเพียง 6 เดือน ทำให้การร่วมงานกันเป็นครั้งที่ 2 ระหว่าง คอสต้า กับ แอต.มาดริด จบลงแต่เพียงเท่านี้ ตามดูชีวิต คอสต้า หลังย้ายออกจาก เชลซี อาชีพค้าแข้งเป็นยังไงบ้าง ?

แข้งฟรีเอเยนต์

ภายหลังยกเลิกสัญญากับ แอต.มาดริด ทำให้ คอสต้า กลายเป็นนักเตะฟรีเอยนต์สามารถย้ายไปร่วมทัพสโมสรไหนในโลกก็ได้ แต่ทว่าสิ่งสำคัญคือเมื่อตอนแยกทางกับทัพ "ตราหมี" ดูเหมือนเขาเองก็ยังไม่ได้มีสโมสรไหนมารองรับ และพร้อมจะพูดคุยเจรจาคว้าตัวเขาไปร่วมทัพเลย แม้จะมีข่าวออกมาตามสื่อบ้างว่ามีหลายสโมสรให้ความสนใจโดยเฉพาะ เบนฟิก้า ยอดทีมจากโปรตุเกสที่แลดูจะถูกสื่อโหมกระหน่ำมากที่สุดถึงขั้นข่าวรายงานว่าเจรจาตกลงเรื่องค่าเหนื่อยกันได้แล้ว แต่แต่ทว่าสุดท้ายทาง เบนฟิก้า ก็มาแถลงเองเลยว่ายังไม่ได้บรรลุข้อตกลงกับนักเตะ และยังไม่ได้มีการเซ็นสัญญากันแต่อย่างใด ก่อนที่ข่าวของทั้งคู่จะค่อยๆ เงียบหายไป จนกระทั่งฤดูกาล 2020-21 รูดม่านปิด เลยมาจนถึงซีซั่่นใหม่เปิดฉาก คอสต้า ก็ยังคงหาสโมสรใหม่ในยุโรปไม่ได้เสียที จนกระทั่งล่าสุดเจ้าตัวตกลงกลับไปค้าแข้งในบ้านเกิดอย่างบราซิล กับสโมสร แอตเลติโก มิไนโร่ โดยเซ็นสัญญากันถึงเดือนธันวาคม 2020 ซึ่งการกลับไปครั้งนี้เจ้าตัวจะได้ประสานงานกับ ฮัลค์ กองหน้าชาวบราซิลที่ทีมเพิ่งคว้าตัวมาเช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น คอสต้า ในวัย 32 ถือว่ายังสามารถเค้นศักยภาพของตัวเองออกมาได้ และการกลับไปบราซิลครั้งนี้น่าจะทำให้โอกาสลงสนามของเขามากยิ่งขึ้น และเป็นการเรียกความมั่นใจปลุกวิญญาณเพชฌฆาตในตัวให้กลับมาเฉียบขาดอีกครั้ง

- Paolinho -

logoline