logo-heading
“ วรวีร์”  ชิงเก้าอี้นายกส.ลูกหนัง ....อยากนำยุค"บูม"ฟุตบอลไทยกลับมา

การเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย  ที่จะมีขึ้นในวันพุธที่  12 กุมภาพันธ์    หลังสมัครกันไป 7-10 มกราคม  ที่ผ่านมา    ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฯ   มีด้วย  3 รายคือ   พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง   นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ( ปัจจุบัน)  , วรวีร์ มะกูดี  อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ( ชื่อสมาคมฯเดิม)  เจ้าของตำแหน่งนายกสมาคมฯ 4 สมัย ( 2550-2558 ) , และ ภิญโญ นิโรจน์   ส.ส.   นครสวรค์ เขต1  พรรรคพลังประชารัฐ  อดีตอุปนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย  ในสมัย  วรวีร์ ดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย

ถึงขณะนี้แล้วในขั้นตอนการรับรองคุณสมบัติผู้สมัคร ปรากฏว่าในรายของ   วรวีร์  มะกูดี ไม่ผ่านการพิจารณา   จากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ได้กำหนดคุณสมบัติ ผู้สมัครเอาไว้  กล่าวคือ    ผู้สมัครในตำแหน่งต้องไม่เคยมีคดีฟ้องร้อง กับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ    และไม่เคยถูกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่าลงโทษใดๆ  กรณีดังกล่าวที่ทำให้   อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ไม่สามารถลงรับเลือกตั้งได้และกลายเป็นประเด็นที่ทำให้ วรวีร์  มะกูดี  ทำหนังสือไปถึง  ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย   ( กกท. ) เพื่อขี้ขาดกับเรื่องนี้ว่าผิดคุณสมบัติหรือไม่

อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย  วรวีร์ มะกูดี   ได้ให้สัมภาษณ์ ก่อนหน้าที่จะมีการประกาศตัดสิทธิไม่ให้ลงรับเลือกตั้ง  ให้มุมมองด้านต่างๆ ต่อวงการฟุตบอล   ทั้งแนวคิดในการหวนคืนสู่บทบาทผู้นำองค์กร ,  แนวทางการพัฒนาลีกฟุตบอลอาชีพ  หรือแม้แต่กระทั่ง  ข้อเท็จจริงในประเด็นไม่ลงรอยกับ   เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

กลับมาคราวนี้กับการลงชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล แรงผลักดัน ที่ทำให้กลับมา , ความเชื่อมั่นว่าจะได้รับการสนับสนุน

 000ความจริงแล้ว ความมั่นอก มั่นใจ ผมคิดว่าขึ้นอยู่กับสโมสรสมาชิก ที่เป็นผู้มีสิทธิออกเสียง  ผมพยายามที่จะพูดคุยว่า    ตอนนี้ฟุตบอลมันตกต่ำมาก   ความจริงแล้ว เรียนด้วยความสัตย์จริง  ผมอยากจะให้กรรมการบริหารชุดใหม่ ที่เขามาแทนผม   เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว   ให้ทำงานให้เต็มที่ไปเลย    เพราะเราทำมาเยอะแล้ว    เราประสบความสำเร็จมามากมาย   เผื่อว่าเขาจะทำได้ดีขึ้นไปอีก  แต่ว่า เอาเข้าจริงๆ แล้ว ปรากฏว่าคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ที่มีคุณสมยศ เป็นนายกสมาคมฯ ทำไปทำมา  แฟนฟุตบอล  คนที่มีใจรักในฟุตบอล  เขาดูรู้สึกว่า  ทำไมผู้นำไม่ค่อยรู้ในเรื่องฟุตบอล  และบางครั้งบางคราว    เขาก็พูดเองว่า   เขาไม่ได้รู้เรื่องฟุตบอล มันก็ทำให้คนยิ่งคิดมากกันไปใหญ่    ในเมื่อคุณไม่รู้เรื่องฟุตบอล  แล้วคุณขึ้นมาเป็นผู้บริหารสูงสุดในวงการฟุตบอลทำไม เอาล่ะ ผมไม่อยากไปวิพากษ์  วิจารณ์ เขา  ผมพูดหลายครั้งหลายหน  ผมไม่อยากพูดลับหลัง   ไม่อยากพูดฝ่ายเดียว  เป็นไปได้คุณโสภณ เชิญ  มาคุยพร้อมๆกัน ไม่ต้องกลัวว่าจะมีความขัดแย้งอะไร  ถ้าเราเอาความจริงมาเปิดเผยให้สาธารณชนรับรู้ รับทราบ   ผมคิดว่า  คนเขาอยากฟัง คุณตั้งใจทำงานอย่างไรก็ว่าไป  คุณจะผิดพลาดอย่างไรก็ว่าไป

ปัจจุบันนี้ คนกลาง คนที่เขาดูฟุตบอล  เป็นแฟนฟุตบอล  สาธารณชนที่รักในกีฬาฟุตบอลเขารู้สึกว่า  มันเกิดอะไรขึ้นกับวงการฟุตบอล  ผมยกตัวอย่างง่ายๆเลย   ตอนนี้ ทีมฟุตบอลมีสโมสรใหญ่ๆ เริ่มถอนทีมออกไป  เริ่มยุบทีม  มันเกิดอะไรขึ้น  ไม่ต้องไปพูดถึงระดับลีกรากหญ้า

มีทั้งพักทีม ถอนทีม เขาไม่อยู่ในสภาพที่จะบริหารจัดการทีมต่อไปได้ อันนี้คนที่เขาเป็นแฟนฟุตบอล เขาก็ไม่เข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้น   ผมขอเล่าแบบนี้ ในสมัยผมและคณะ ที่เราช่วยกันทำงาน กว่าจะพิจารณาเอาทีมเข้าแข่งขันได้ เราคิดกันแล้ว  คิดกันอีก  ทุกคน ทุกจังหวัดอยากเข้ามา   เข้ามาสู่ฟุตบอลลีกของเรา  ซึ่งตอนนั้นเรามีไทยพรีเมียร์ลีก  , ดิวิชั่น1  , และ ลีกภูมิภาค  ซึ่งถือว่าเป็นลีกพัฒนา ลีกรากหญ้า  เรามีแค่นี้  ไม่ใช่ว่าผมไม่ดู  ผมเป็นกรรมการบริหารฟีฟ่า ผมเห็นมาทั่วโลก ผมไปดูมาทุกที่  เอาสิ่งที่ดีๆมาใช้ มาบริหารกับบ้านเรา  ไม่ใช่ไปลอกเขามาทั้งหมด

เราทำให้การแข่งขันลีก  เป็นลีกอาชีพ   สมัยก่อนพ่อ –แม่ เราไม่อยากให้เล่นฟุตบอล เพราะมันไม่มีอนาคต   แต่มาในยุคผมไม่ใช่    เราทำให้นี่คือกีฬาอาชีพ   คณะของพวกวกผมที่ทำ เราพูดได้เต็มปากว่า   ฟุตบอล กลายเป็นอาชีพในยุคเรา นักฟุตบอล ในยุคผม  ในยุคไทยพรีเมียร์ลีก  บางคนได้เงินเดือนสูงสุด  7 แสน  เพราะอะไร  เพราะลีกมันมีคนสนใจมาก บริษัทห้างร้าน เขาอยากมาเป็นผู้สนับสนุน คนที่เป็นนักลงทุน นอกจากคนในวงการ  คนนอกเขาก็อยากมาลงทุน เห็นสัญญาณที่ดี เพราะมันเป็นกีฬามวลชน   ถ่ายทอดสด มีคนเต็มสนาม เขาก็สามารถที่จะคิดในเชิงธุรกิจได้ มันก็กลายเป็นการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งในเชิงกีฬา ซึ่งเราต้องการเห็น   การลงทุนในธุรกิจกีฬาบ้านเรานั้นน้อยมาก   ไม่มีใครอยากลงทุน

เท่ากับว่าการกลับมาในครั้งนี้ ต้องการที่จะดึงเอาบรรยากาศในแบบที่เคยเกิดขึ้น ให้กลับคืนมา

000 ผมมั่นใจ เพราะอะไร  เพราะผมทำสำเร็จมาแล้ว   ถ้าผมเข้ามาใหม่ๆ เป็นผู้สมัครใหม่ว่าไปอย่าง   ผมมีผลงานมาแล้ว ผมก็จะเรียกทีมทั้งหมด มาพูดคุยกัน ผมเห็นใจเขามาก เขาเป็นคนทำทีม ขาดทุน 1ปี 2 ปี ก็พอทน แต่นี้ขาดทุนจนต้องถอนทีมออกไป โดยเฉพาะลีกเล็กมันไม่เป็นข่าว ไม่มีใครทราบ  ต้องรวมลีกรวมโซน ทีมในไทยลีก 4 ต้องเอามารวมกัน   ถ้าผมกลับมา เราต้องช่วยกันกอบกู้  จะเอารูปแบบที่เคยทำแล้วนำมามาใช้   ต้องเอาบรรยากาศ   แบบที่เคยคึกคักให้กลับคืนมา  ผมทำแบบนี้มานานแล้ว เอาไปทีมไปฝังในชุมชน ทำให้เกิดบรรยากาศแห่งความรักความผูกพัน ระหว่างท้องถิ่น  รักจังหวัด รักเมือง   เพราะฉะนั้นตรงนี้ชัดเจน

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากพูด เพราะอะไรผมอยากกลับมา  คือ การทำให้เกิดความมั่นใจกับผู้ลงทุน  โดยที่ผมจะเอาสิทธิประโยชน์ มากระจาย ในการบริหารสิทธิประโยชน์ จะต้องเชิญสโมสรในทุกลีก  ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ   เพราะปัจจุบันไม่มี  ปัจจุนกลายเป็นว่ารับรู้กันเพียงไม่กี่คน  ไทยพรีเมียร์ลีกสำคัญมาก เพราะเขาลงทุนกันเป็นร้อยล้าน  ต้องให้เขาเข้ามา  เขาคือเจ้าของสมาคมฯ  ถ้าไม่มีสโมสรสมาชิกสมาคมฯจะอยู่ได้อย่างไร  หาสิทธิประโยชน์กันได้อย่างไร สมาคมต้องตระหนัก   ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ  ทุกสโมสรในนั้น คือกรรมการ  เขาต้องมีส่วนได้ส่วนเสีย ส่วนรับร็  ปีนี้ได้สิทธิประโยชน์เท่าไหร่  ก็ต้อง แบ่งจัดสรรกันอย่างเป็นธรรม บ้านเราไม่มี  เทอมสุดท้ายในการป็นนายกสมาคม  ผมเซ็นสัญญาถ่ายทอดสด  กับทรูวิชั่น 4 ปี   มูลค่า 4,200  ล้านบาท  แบ่งจ่ายเป็น  ปีแรก 900  ล้าน  ปีที่สอง 1,000 ล้าน   ปีที่สาม  1,100 และ ปีที่4 คือ ปีนี้ 1,200   ล้านบาท  คุณโสภณคิดดู เรามีเงินกันขนาดนี้  ทำไมไม่ดูแลกัน  ทำไมทีมต้องถอนกันออกไป นี่ยังไม่นับรวมกับผู้สนับสนุนรายอื่นๆ  เรื่องพวกนี้ต้องแบ่งให้เขาอย่างยุติธรรม  เมื่อเขามาอยู่ในฝ่ายสิทธิประโยชน์    เข้ามาเป็นกรรมการ  เขาก็จะรู้ว่าเรามีรายรับกันเท่าไหร่   เขาก็จะมีส่วนร่วม   กำหนดชะตาชีวิตของเขาเอง ต้องแบ่งกันอย่างเป็นธรรม เขาจะได้มีเงินไปพัฒนาทีม ไปพัฒนาอคาเดมี   เงินพวกนี้ไม่ใช้เงินสมาคม  มันมาจากสิทธิประโยชน์ของเขาเอง  ดังนั้นเราจึงต้องให้ความเป็นธรรม  สมาคมฯต้องตระหนักกับการทำหน้าที่ บริหารสิทธิให้มันเป็นไปด้วยความเป็นธรรม

( จบตอนที่ 1 )

“ วรวีร์”  ชิงเก้าอี้นายกส.ลูกหนัง ....อยากนำยุค"บูม"ฟุตบอลไทยกลับมา “ วรวีร์”  ชิงเก้าอี้นายกส.ลูกหนัง ....อยากนำยุค"บูม"ฟุตบอลไทยกลับมา “ วรวีร์”  ชิงเก้าอี้นายกส.ลูกหนัง ....อยากนำยุค"บูม"ฟุตบอลไทยกลับมา
logoline