logo-heading
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำทีมประกาศความพร้อมไทยเจ้าภาพมอเตอร์สปอร์ต  โมโตจีพีปีที่ 3 ภายใต้ชื่อรายการ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2020”   ดวลความเร็ว 20-22 มี.ค. ปีหน้า  ชูแนวคิด ยกระดับมาตรฐานการจัดการแข่งขันให้ยั่งยืน  นำไทยไปสู่สายตาชาวโลกอย่างเต็มภาคภูมิ ตามแนวคิด Thailand to the World ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก  พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา เป็นประธานแถลงข่าวความพร้อมการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันและการเปิดขายบัตร เข้าชมอย่างเป็นทางการ   การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือโมโตจีพี 2020 สนาม 2 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่อรายการ “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2020”  (OR THAILAND GRAND PRIX 2020)   แข่งกันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต  จ.บุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 20-22 มี.ค. 63 ในการแถลงข่าว มีตัวแทนผู้สนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมคับคั่ง นำโดย การกีฬาแห่งประเทศไทย, จังหวัดบุรีรัมย์, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์, บริษัท บุรีรัมย์ยูไนเต็ดอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จำกัด, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) โดยเครื่องดื่มตราช้าง , บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน), บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท แพลนบี มีเดีย จำกัด (มหาชน), บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า  โมโตจีพี 2019 ที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั้งชาวไทยและทั่วโลก พร้อมรักษาแชมป์เป็นสนามที่มีผู้ชมสูงที่สุดของฤดูกาลเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยมียอดผู้ชมสูงสุดกว่า 226,655 คน และมีสถิติชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นมากกว่า 52.8% โดยสามารถสร้างรายได้และมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ถึง 3,457 ล้านบาท ซึ่งการเป็นเจ้าภาพปีที่ 3 ในปี 2020  เป้าหมายไทยคือ พยายามยกระดับมาตรฐานการจัดการแข่งขันให้ยั่งยืนตามมาตรฐานสากล รวมถึงนำเสนอเอกลักษณ์และวัฒนธรรมไทยสู่สายตาคนทั้งโลก เพื่อให้ประเทศไทยเป็นสนามชมโมโตจีพี ที่มีความสุขที่สุดในโลก   เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่สายตาชาวโลกอย่างเต็มภาคภูมิ ให้สมกับแนวคิด Thailand to the World   ตลอดจนเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงกีฬา หรือ Sport Tourism Destination ของโลก และมั่นใจว่าการเป็นเจ้าภาพจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากผลการศึกษาจากกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา โมโตจีพี 2019สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและเงินหมุนเวียนให้กับประเทศหลายพันล้านบาท และเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นกว่า 5,584 ตำแหน่ง ภาพของประเทศไทยได้ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนที่ร่วมทำข่าวกว่า 483 ชีวิต จาก 32 ประเทศทั่วโลก และสามารถสร้างมูลค่าทางการประชาสัมพันธ์ให้ประเทศไทยกว่าหลายพันล้านบาท นับเป็นความคุ้มค่าอย่างยิ่งกับการลงทุนและลงแรงจากภาครัฐและภาคเอกชนที่ร่วมมือกัน เพราะนอกจากจะสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดียิ่งให้กับประเทศไทยในสายตาชาวโลกแล้ว ยังเป็นการใช้งานกีฬาระดับโลกในการสร้างเม็ดเงินให้คนในประเทศโดยเฉพาะบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียงได้อย่างมหาศาล  เชื่อมั่นว่าจะเป็นผลดีสูงสุดกับเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และกีฬาโดยเฉพาะมอเตอร์สปอร์ต รวมไปถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศอย่างแน่นอน ดำรงชัย เนรมิตตกพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า บุรีรัมย์ขณะนี้พร้อมเกิน 100% แล้ว แม้จะมีเวลาการเตรียมงานไม่มากนัก  เมื่อเทียบกับทุกปีที่ผ่านมา แต่ไม่มีความกังวลแต่อย่างใด เนื่องจากได้เรียนรู้ข้อผิดพลาด และมีประสบการณ์จากการจัดการแข่งขันมาแล้วถึง 2 ปี ดังนั้น จึงมีหน่วยงานโดยตรงที่รับผิดชอบในทุกๆ จุดอยู่แล้ว ซึ่งบุคคลเหล่านี้มีความเข้าใจ และมีประสบการณ์เป็นอย่างดี อีกหนึ่งเรื่องสำคัญสำหรับการจัดงานระดับโลกที่มีผู้เข้าร่วมงานหลักแสนคน คือ การมีอาสาสมัครที่ร่วมแรงร่วมใจดูแลและอำนวยความสะดวกด้านต่างๆให้นักท่องเที่ยวในฐานะเจ้าบ้าน รวมทั้งการที่เพิ่งจัดการแข่งขันไปนั้น ในเดือนตุลาคม ถือเป็นข้อได้เปรียบ  กับการเตรียมการ ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณูปโภค ที่พัก การรักษาความปลอดภัย การคมนาคม ชุมพล สุรพิทยานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ธุรกิจหล่อลื่น บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ กล่าวว่า โมโตจีพีถือเป็นมอเตอร์สปอร์ตอันดับ 1 ของโลกที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย โออาร์ ในฐานะผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของการแข่งขันต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ซึ่งในปี 2020 จะจัดขึ้นภายใต้ชื่อรายการ  “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2020” โดย โออาร์ ยังคงสนับสนุนการจัดงานและเตรียมกิจกรรม และสิทธิพิเศษมากมาย ไว้ต้อนรับแฟน ๆ กีฬามอเตอร์สปอร์ตจากทั่วโลก โดยมั่นใจว่า จากความสำเร็จของการจัดการแข่งขันโมโตจีพีในประเทศไทยใน 2 ปีที่ผ่านมา  “โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2020” จะสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจให้แก่ผู้ร่วมงาน  รวมทั้งส่งเสริมเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น  และจะเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญบนหน้าประวัติศาสตร์ของคนไทยที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ “Pride of Thailand” ตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า โมโตจีพี 2020 ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันสนามที่ 2 ของปี จากทั้งสิ้น 20 สนาม โดยได้มุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานการจัดการแข่งขันให้ดียิ่งขึ้นทุกปี รวมถึงยังคงนำเสนอเอกลักษณ์และวัฒนธรรมไทยสู่สายตาคนทั้งโลก พร้อมจัดกิจกรรมเสริมเพื่อต้อนรับแฟนๆ จากทั่วโลก  ส่วนด้านการแข่งขันในสนามนั้นก็ยังมั่นใจว่าปีนี้จะมีไฮไลท์อีกแน่นอน เพราะตลอด 2 ปีที่ผ่านมานั้น ไทยถือเป็นสนามแข่งขันที่สนุก ตื่นเต้น และเร้าใจที่สุดสนามหนึ่งของโลก   รมว.ท่องเที่ยวแถลงโมโตจี 2020  เป้าหมายสานต่อความสำเร็จเป็นปีที่ 3   รมว.ท่องเที่ยวแถลงโมโตจี 2020  เป้าหมายสานต่อความสำเร็จเป็นปีที่ 3   รมว.ท่องเที่ยวแถลงโมโตจี 2020  เป้าหมายสานต่อความสำเร็จเป็นปีที่ 3 รมว.ท่องเที่ยวแถลงโมโตจี 2020  เป้าหมายสานต่อความสำเร็จเป็นปีที่ 3   รมว.ท่องเที่ยวแถลงโมโตจี 2020  เป้าหมายสานต่อความสำเร็จเป็นปีที่ 3     รมว.ท่องเที่ยวแถลงโมโตจี 2020  เป้าหมายสานต่อความสำเร็จเป็นปีที่ 3  
logoline