ผมถวิลหาและเฝ้ารอการฉายหนังเรื่องนี้ในบ้านเรามายาวนาน นับตั้งแต่หนังออกฉายในต่างประเทศครั้งแรกช่วงเดือนตุลาคม 2019 เหตุผลง่ายๆคือหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังตลาด แต่เป็นหนังทางเลือกที่มีวิธีการเล่าเรื่องที่นำความซีเรียสมาตีแผ่ในมุมสนุกสนาน กัดจิกเสียดสีการเมืองพวกเผด็จการให้ดูน่ารักไม่น่ากลัว โดยมีเด็กน้อยมาเป็นตัวชูโรง แน่นอนละว่าเสียงสรรเสริญมากมายที่เมืองนอก ยิ่งยกระดับให้หนังถูกพูดถึงในมากในวงการเมนสตรีม ซึ่งมันก็พิสูจน์ได้จากการที่ Jojo Rabbit พิชิตรางวัลออสการ์ ในสาขาดัดแปลงบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
ข้อดี
การที่ ไทก้า ไวทีติ ใช้เวลาบ่มเพาะบทหนังเรื่องนี้ยาวนานเกือบ 9 ปี มันทำให้เขาศึกษาและพิถีพิถันที่จะปรับเปลี่ยนบทต้นฉบับจากหนังสือ Caging Skies ที่มีเนื้อหาหดหู่ลดทอนความน่ากลัวความโหดร้าย ใส่มุมมองใหม่ๆลงไป เด็กน้อยยุวชนนาซีถูกโฆษณาชวนเชื่อในความเผด็จการ รักชาติแบบไม่รู้ข้อเท็จจริง มองคนยิวเป็นศัตรู แบบไม่มีที่มาที่ไป เด็กก็หลงเชื่อในความเผด็จการ มันคือนิทานหลอกเด็กใสซื่อ ทว่าเด็กชายโจโจ้ กลับไปเจอเด็กสาวชาวยิวปริศนาที่แม่ของตัวเองซุกซ่อนอยู่ในบ้าน จากคนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนแท้กัน นโยบายนาซีไล่ฆ่าปลิดชีพพวกยิว ไม่มีเว้นแม้แต่เด็กผู้หญิง
เด็กชายโจโจ้ กลับเลือกที่จะปกป้องเด็กสาวยิว ทั้งที่มันขัดแย้งกับชนชาติและนโยบายบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองแท้ๆ ไม่อยากให้คนบริสุทธ์ต้องตายแบบไม่มีสาเหตุทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด จากนั้นไทก้าก็ค่อยๆปรุงแต่งหนังโดยการนำความรู้ด้านประวัติศาสตร์ ความรุนแรงไฟสงคราม, อุดมการณ์ ชาติพันธ์ ออกมาเล่าที่แฝงด้วยข้อความดีๆเอาไว้เพียบ มุกตลกกัดจิกเสียดสีคอมมิวนิสต์ไว้ได้คมคาย มอบรอยยิ้มเสียงหัวเราะไปพร้อมๆกัน โดยช่วงท้ายของเรื่องมีซีนเศร้าซิ้งที่เล่นเอาเสียน้ำตาแถมด้วยซีนเรียกเสียงฮาส่งท้ายซึ่งใครไปดูคงมีอมยิ้มแน่ๆ
นักแสดง
นอกจาก ไทก้า ไวทีติ จะกำกับแล้วพี่แกก็ถูกสั่งมาให้เล่นเป็นฮิตเลอร์ในจินตนาการ ยอมรับว่าการปรากฏตัวในหนังของพี่แก ช่วยให้หนังมีความบันเทิงทวีคูณ ยิ่งตอนบทพูดที่คุยกับเจ้าหนูโจโจ้ มันอร่อยเหาะ หลอกด่าแบบมีชั้นเชิงได้สะใจคนดูอย่างผมมากๆ
สการ์เล็ต โจแฮนสัน คุณแม่โจโจ้ ที่ปกป้องลูกชายสั่งสอนในสิ่งที่ถูกที่ควร เธอถ่ายทอดบทบาทการเป็นแม่ได้อย่างเหลือเชื่อ สามารถสอดประสานได้อย่างลงตัวเมื่อแสดงร่วมกับเจ้าหนู โรมัน กริฟฟิน เดวิส ในการช่วยเหลือให้พี่พักเด็กสาวชาวยิวไม่ให้ถูกฆ่า
โรมัน กริฟฟิน เดวิส ถ้าหากไม่มีเจ้าหนูรายนี้หนังเรื่องนี้คงไม่อาจเกิดขึ้นได้ ไทก้าตามหาคนมาเล่นเป็นเด็กชายโจโจ้นานอยู่ 3-4 เดือน จนทอดใจจะไม่ทำ แต่เมื่อได้โรมัน มาแสดงแม้จะเป็นเรื่องแรกแต่ไม่เคอะเขินอะไรเล่นได้เป็นธรรมชาติ
ส่วนนักแสดงคนอื่นๆไทก้า พยายามเกลี่ยบทให้แต่ละตัวละครในเรื่องมีภาพจำในสายตาคนดู แซม ร็อคเวลล์, แก๊งนาซี หรือยุวชนนาซี แม้ออกไม่เยอะก็ตาม
ข้อเสีย
ฉากไคลแม็กซ์ที่เรียกน้ำตาของเจ้าหนูโจโจ้เนี่ยแหละที่ถูกตัดออกไป เขาร้องไห้ให้กับความสูญเสียในชีวิตของเขา ที่ไม่ได้จากลาคนที่รัก ซึ่งถ้ามีฉากนี้เชื่อเถอะมันจะสะเทือนอารมณ์คนดูหนังแน่ๆ
สรุป : นี่คือการกัดจิกเสียดสีพวกบ้าอำนาจที่หลงไหลฮิตเลอร์ที่แสบสันเข้าขั้นเฉียบขาด นำความโหดร้ายมาตีความใหม่โดยใช้เด็กน้อยมาเล่าเรื่องทำให้หนังน่ารัก สนุกหรรษา หดหู่ ต้องกราบงามๆไทก้า ที่ปรุงแต่ง Jojo Rabbit ให้กลมกล่อมจากหนังนอกกระแสธรรมดาให้กลายเป็นหนังดีกรีออสการ์ไปแล้ว
หนังเข้าไทยวันพรุ่งนี้
แจกคะแนนรีวิว 9.5/10
