logo-heading

เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ นวนิยายแฟนตาซี ที่ได้รับการยกย่องว่าเรื่องที่ดีสุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 และถูกนำไปแปลเป็นภาษาต่างๆไม่น้อยกว่า 38 ภาษา แถมเรื่องราวที่สนุกเกี่ยวกัยดินแดนแห่งจินตนาการ มิดเดิลเอิร์ธ จนเป็นแรงบันดาลใจให้ ปีเตอร์ แจ็คสัน เดินหน้าสานโปรเจ็คเป็นรูปเป็นร่างจนกลายเป็นหนังใหญ่ฟอร์มยักษ์ถึง 3 ภาค ในปี 2001,2002,2003 แต่น้อยคนจะรู้ว่ากว่าที่ จอห์น โรนัลด์ รูล ทอลคีน หรือ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน เจ้าของบทประพันธ์เขียนงานชุดนี้ถึงมาได้ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องในช่วงชีวิตเขาแทบทั้งสิ้น .

ข้อดี . หนังเรื่องนี้ค่อนข้างมีเนื้อหาตรงไปตรงมา คือใช้วิธีการเล่าเรื่อง 2 พาร์ทที่ตัดสลับภาพกันคือเหตุการณ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งตัว เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ถูกเกณฑ์ไปรับใช้ชาติให้แก่กองทัพ อังกฤษโดยเข้ารับการฝึก 11 เดือน พร้อมกับติดยศเป็นนายร้อยตรี แล้วจึงย้ายไปเป็นนายทหารสื่อสาร กองพันที่ 11 ทัพหน้า ที่ประเทศฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1916 ในตอนนี้เราจะได้เห็น โทลคีน อยู่ในสมรภูมิรบ ซึ่งเราจะเห็นเขาอยู่ในสภาพสบักสบอมในการเอาตัวรอดพ้นจากความตาย ในขณะเพื่อนที่ถูกเกณฑ์ไปรบแทบจบชีวิต เขากลับรอดและใช้ภาพจินตนาการการสู้รบสงครามจริงมาขีดเขียนเป็นเรื่องราวการต่อสู้ในโลกมิดเดิลเอิร์ธ โทลคีนได้เขียนนิยายเรื่องแรกของเขา คือ The Book of Lost Tales เริ่มต้นด้วยการล่มสลายของกอนโดลิน กับอีกพาร์ทหนึ่งคือช่วงชีวิตของโทลคีน ตั้งแต่เป็นเด็ก ต่อยอดมาถึงมัธยม และเข้าเรียนมหาวิทยาลัยให้อ็อกซ์ฟอร์ด ในสาขาวิชาประวัติศาสตร์ภาษา ด้วยการที่เขามีความเพียรพยายามที่จะศึกษาหาความรู้ภาษาอื่นเพิ่มเติม เช่นบาลี, เยอรมัน, ฟินแลนด์ ภาษาโบราณหลากหลายชนิด มันจึงเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ โทลคีนแต่งบทกวีขึ้นบทหนึ่ง ตั้งชื่อว่า การผจญภัยของเออาเรนเดล ดวงดาวสายัณห์ (The Voyage of Earendel the Evening Star) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปกรณัมชุดมิดเดิลเอิร์ธของโทลคีน นอกจากนี้ คือมันร้อยเรียงให้คนดูเข้าใจในแต่ละเหตุการณ์แบบง่ายๆ ไม่สับสนปนเปกัน นอกจากนี้สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเริ่นต้นการเขียนเรื่องราวของเดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ ของ โทลคีน คือการเล่านิทานการสู้รบของเหล่าเทพ ซึ่งเกิดจาก มาเบล แม่ผู้ให้กำเนิดของเขานั้นเอง และการที่เขาเสียแม่ไปตั้งแต่12 ขวบ เลยทำให้เขาเริ่มสนใจการเขียนเรื่องราวในศาสตร์ด้านนี้อย่างจริงจัง นักแสดง . นิโคลัส เฮาลต์ ตัวเอกของเรื่องเราคงติดภาพพี่แกจากการเป็นแฮงก์ แม็คคลอยในหนังเอ็กซ์เมนมาเกือบ 8 ปีเต็ม และบทบาทซอมบี้หน้าหล่อจากหนัง Warm Bodies แต่เมื่อมารับ ผู้มารับบทเป็น เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ทำให้ผมสลัดภาพเดิมๆออกไป หมอนี่ดูหนุ่มหล่อเท่ห์สุขุมเป็นบ้าชะมัดเลย ยิ่งการแต่งกายเสื้อผ้าหน้าผมคือรู้สึกเหมือนพี่แกอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ ส่วนในเรื่องการแสดงบทดราม่าที่อ้างอิงจากบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ คือรู้สึกว่าแกจริงจังที่จะเข้าให้ถึงบทบาทนี้ ซึ่งตลอดทั้งเรื่องไม่มีอะไรให้ตำหนิ ดูทรงพี่แกน่าจะเหมาะกับหนังสไตล์แบบนี้จริง ยิ่งในซีนที่เขาใช้จินตนาการเขียนนิยายที่เกี่ยวข้องกับโลก มิดเดิลเอิร์ธ คือมันใช่เลยกับการถูกเคสติ้งมารับบทนี้ ข้อเสีย . มันน่าเสียดายที่เรื่องราวของ โทลคีน น้ำหนักอยู่ในช่วงวัยหนุ่ม แต่กลับไม่ได้มีการเล่าต่อในส่วนของบั้นปลายชีวิต คือหลังจบสงครามโลกหนที่ 1 เขาได้กลับมาทำงานให้มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด จนได้กลายเป็นอาจารย์ และย้ายไปทำงานที่มหาวิทยาลัยลีดส์ ด้วยความเชี่ยวชาญในเรื่องงานเขียนวรรณกรรม ทำให้เขาแทบไม่ได้มีงานเขียนในเชิงวิชาการเลย น่าจะมีการเล่าที่มาที่ไปถึงเหตุผลต่างๆในประเด็นนี้ ซึ่งมันขาดหายไป อีกสิ่งหนึ่งคือการนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเดอะฮอบบิทและเดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ ในช่วงที่เขาเขียนงานชิ้นนี้กลับไปอยู่ท้ายๆเรื่องซะงั้น . สรุป . นี่คือหนังที่มีการเล่าเรื่องง่ายดูเพลิน ช่วงชีวิตของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ถูกถ่ายทอดลงไปเกิน 80% เนื้อเรื่องแทบจะสมบูรณ์ครบถ้วน กว่าที่คนทั้งโลกจะได้รู้จักเดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ มันเกิดจากความเพียรพยายามชายคนหนึ่งที่นำความชอบในวัยเยาว์ผสมผสานกับเรื่องราวที่เขาประสบพบเจอมาทั้งชีวิต น่าเสียดายที่เรื่องจริงที่ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์สไตล์แบบนี้ไม่ถูกจริตกับคนไทย แถมกระแสความน่าใจที่ไม่น่าดึงดูด ทำให้โรงหนังใหญ่และค่ายที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เลือกเมินเฉยที่จะหยิบหนังเรื่องนี้มาฉาย ใครอยากดูยังมีอีก 2 รอบที่ bangkok screening room ในวันเสาร์ที่ 24 และวันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 7.5/10

logoline