logo-heading

Late Night . เคยไปเจอคำนิยามในเว็ปไซต์ต่างประเทศถึงหนังเรื่องนี้ว่า ไม่น่าดูหนังคนแก่แสดงนำ ไม่น่าดึงดูดคนตีตั๋วเข้าไปดู และมันคงไม่น่าเวิร์คแน่ๆ ในทีแรกก็คิดแบบนั้น

แต่สิ่งที่สะดุดตาตัวเอง ก็คือคะแนนรีวิวจากเว็ปมะเขือก็ไปเข้าไป 80 % และตัวหนังก็อยู่ในชาร์ต 182 ของหนังที่น่าดูปี 2019ในลำดับ 155 พูดกันตามความจริงผมมานั่งดู Late Night มันก็เป็นการสะท้อนวิธีคิดวิธีการทำงานสื่อเบื้องหลังทีวี ที่มันต้องมีการพลิกแพลงออกไอเดียใหม่ ให้คนดูผู้ชมรู้สึกสนุกได้สาระ ซึ่งคนทำงานสื่อก็รู้ดีว่า มันต้องแข่งขันกับหลายๆช่องเพื่อนำข้อมูลดีๆไปสู่คนดู ตัวละครนำผู้หญิง 2 คน ที่ไลฟ์สไตล์ชีวิตต่างกันสุดขั้ว ทำให้หนังหรรษากว่าที่คาดคิด   ข้อดี . ด้วยความที่ตัวผมทำงานข่าวทีวีเบื้องหลังมาก่อน พอมาดู Late Night เราจึงเข้าใจเลยว่าการคิดงานประเด็นที่จะนำเสนอออกมาสู่หน้าจอ มันต้องตกผลึกความคิดพอสมควร การทำงานเป็นทีมมันสำคัญ ตัวละครหลักผู้หญิงที่เล่นโดย Emma Johnson เป็นผู้หญิงสูงวัยเจ้านายคนที่ทำหน้าที่พิธีกรหัวรั้น ไม่สนใจลูกน้องตัวเองเลย นอกจากหน้าจอของตัวเอง มันเลยทำให้เธอไม่ค่อยได้รับความเคารพเมื่ออยู่หลังฉากสักเท่าไหร่ มันก็คงคล้ายๆกับองค์กรที่ คนทำงานเบื้องหลังเกลียดหัวหน้าตัวเอง มีอย่างที่ไหนทำรายการทีวีโชว์มานาน แต่ดันไม่รู้จักลูกน้องตัวเอง ไม่ได้ดั่งใจจะไล่คนออกมันลูกเดียว แถมยังอุดมคติไม่ทำงานกับผู้หญิงอีก จนเหมือนทุกอย่างมาถึงจุดอิ่มตัว เรตติ้งตกจนโดนช่องสั่งให้มีการเปลี่ยนพิธีกร โอกาสสุดท้ายก็จึงลองเปิดใจรับทีมงานผู้หญิงเข้ามาเขียนบท Mindy Kaling ที่ดูหน้าเหมือนคนอินเดีย โดนเพื่อนร่วมงานผู้ชายแอนตี้ในทีแรก ว่าไร้คุณสมบัติจะมาทำให้รายกการทอล์คโชว์ดีขึ้นได้ สาวอวบไร้ประสบการณ์ทีวีทำงานในโรงผลิตสารเคมี กลับมานั่งวิเคราะห์ถึงปัญหาเกิดดอะไรบ้าง ก่อนจะพบคำตอบ คือช่องว่างระหว่างพิธีกรและลูกน้อง ตามมาด้วยความน่าเบื่อของบทพูดในแต่ละซีนที่ออกอาการมันดูไม่แมตซ์กับสถานการณ์หลายๆจุด เธอจึงนำไอเดียมาปรับแก้ให้รายการมันน่าดู เข้าถึงคนดูได้ง่ายขึ้น ประเด็นนี้แหละคนชอบยิ่งพยายามหาเรื่องราวที่มันกัดจิกเสียดสีสังคม พยายามทำให้คนดูคิดตามประเด็นที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความรู้สึกจับต้องได้ ตัวหนังค่อนข้างสะท้อนความจริงออกมา ผมรู้สึกว่าดูสนุกกว่าที่คิดเอาไว้ในทีแรก นึถึงสังคมทำงานทีวีที่มันต้องหันหน้าคุยกัน จะแย่งกันชิงดีชิงเด่นไม่ได้ ไม่งั้นก็ยากที่จะทำงานประสบความสำเร็จ นักแสดง  . Emma Thompsonและ Mindy Kaling ยอมรับว่าเคมีนักแสดง 2 คนนี้ช่วยหนังได้เยอะมาก ตัวประกอบในเรื่องไม่มีผลเลย เพราะ Emma และ Mindy คือตัวแบกให้หนังไปในทิศทางเชิงบวก การต่อบทพูดแทบทุกฉากทุกซีนที่เจอหน้ากันใส่กันไม่ยั้ง คนหนึ่งไม่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองว่าตกยุคแล้ว อีกคนหนึ่งก็มีพลังงานพิเศษที่จะมาช่วยให้พิธีกรหัวรั้นเจ้านายตัวเองกลับมายืนหยัดในฐานะพิธีกร หนังจึงออกมาในเชิงคอเมดี้ที่ดูมีสาระเพราะหญิง 2 คนนี้แหละ ข้อเสีย . ถ้าจะหามุมไม่ชอบคงไม่มีเพราะการเล่าเรื่อง 102 นาทีมันได้สรุปทุกแง่มุมของคนทำงานเบื้องหลังทีวี ที่ต้องเจอปัญหาอุปสรรค ทั้งเรื่องเรตติ้งความนิยมของคนดูที่มีต่อรายการ หรือแม้กระทั่งสังคมการทำงาน ที่เราไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมงานคิดอะไรบ้าง เหยียดอะไรบ้าง สรุป : ผมรู้สึกเอ็นจอยกับตัวหนังมากๆ ตัวละครหลัก Emma และ Mindy เหมือนขั้วบวกขั้วลบที่ทำให้หนังมีสีสัน มันคือการสรุปเบื้องหลังชีวิตคนทำงานสื่อที่ครบเครื่องเรื่องหนึ่ง วิธีคิดวิธีการสื่อสารค่อนข้างเรียบง่ายตรงไปตรงมา สมควรแล้วที่ตัวหนังถูกลิสต์ไว้เป็นหนึ่งในหนังน่าดูปี 2019 มอบคะแนนรีวิว 9. /10 สำหรับใครที่ต้องการดู Late Night เวลานี้หนังมีฉายใน Netflix แล้ว
logoline