logo-heading

มีโอกาสดูงานของเดนเซล วอชิงตัน หลายเรื่องและรอบนี้ก็ได้ดีใน Netflix ก่อนที่ลิขสิทธิ์หนังจะหมดไป ถือว่าโชคดีมากๆที่ได้เห็นการกลับมาเป็นครั้งที่สองที่เปลียนจากลุงโฮมโปรสู่ลุงอูเบอร์ แต่ยังคงเต็มอิ่มความเดือดไว้เช่นเดิม

จุดเด่น *เดนเซล วอชิงตัน ลุงเดนเซล ที่ตอนนี้อายุปาเข้าไป 64 ปีเข้าไปแล้วน่าจะเป็นดาราผิวสีที่ผมคิดว่าแม่งเท่ที่สุดคนหนึ่งของวงการและ ลุงอาจไม่ได้หล่อแบบทำให้สาวๆต้องใจละลายแต่ทุกท่วงท่าของลุงพร้อมด้วยวาจาคำพูดลุง มันมีเสน่ห์แบบที่ดาราคนไหนก็ไม่สามารถเทียบลุงได้จริงๆ ยิ่งบทบาทของ Robert McCall ที่มาในมาดนิ่งๆที่กินเรียบ มันส่งให้ลุงพีคขึ้นไปอีกลำดับจริงๆ *ฉากแอคชั่นและไฟนอลซีนของเรื่อง หากคุณชืนชอบการโชว์ฉากแอคชั่นสวยๆเหมือนใน The Equalizer ภาคแรกคุณน่าจะต้องฟินแตกกับฉากเหล่านั้นในภาคนี้แน่นอน ความดิบ ความเถือนพร้อมฉากslow สวยๆ ตามด้วยไฟนอลซีนของเรื่อง ยังคงเป็นลายเส้นอย่างชัดเจนของ Antoine Fuqua คือผมรู้สึกว่าผู้กำกับคนนี้เขาเก่งนะเรื่องการบิวคนดูเพื่อไปสู่ฉากแอคชั่นซีนไฟนอลของเรื่อง เหมือนผลงานเก่าๆตัวแกไม่ว่าจะเป็น The Magnificent Seven หรือ Olympus Has Fallen คือ30 นาทีสุดท้ายนี้แบบว่ามันส์จนลืมหายใจได้เลย อารมณ์ทุกอย่างแม่งมาหมด จุดด้อย หนังมีหลายจุดที่ยังไม่รู้ว่าใส่มาทำไม มันเหมือนมีภารกิจย่อยๆเยอะจนพาคนดูมึนงงได้ ยิ่งช่วงแรกๆเรารู้สึกว่ามีการอ้อมโลกของ MAIN หลักเนื้อเรื่องไปหน่อย แถมเอาจริงๆ หนังก็ขาดความสดใหม่ไปหน่อย หนังเรื่องนี้มันให้อารมณ์เหมือน taken 1 ไป 2 มันไม่ใช่การยกระดับแบบ JOHNWICK1 ไปภาค 2 อย่างที่ทำให้คนดูต้องว้าวกัน สรุป ถ้าถามว่าชอบภาค 1 กับ 2 ชอบอันนั้นมากกว่ากัน ก็คงบอกว่าภาค 2 และ คือหนังมีอะไรให้เราเห็นเยอะขึ้น แจกคะแนนรีวิว 7.5 หนังหาชมแบบถูกลิขสิทธิ์ผ่านทาง Itunes และ Google play
logoline