logo-heading

ไม่มีใครอยากเกิดมาด้อยกว่าเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่เมื่อเกิดมาเป็นเช่นนั้นแล้ว เราก็ต้องมีหนทางที่เลือกให้กับชีวิต เลือกที่จะอยู่รอด เลือกที่จะมีชีวิตต่อ และเลือกที่จะเดินต่อไป

ทางเดินที่ตัวละครในเรื่องนี้เผชิญหน้าอยู่อาจจะมีไม่มากนัก แต่ก็เป็นทางเดินที่เปลี่ยนโลกของเขา และทำให้เขาได้สัมผัสถึงความจริงหลายๆอย่างที่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อน เป็นความจริงที่แสนโหดร้ายในโลกที่เต็มไปด้วยความอยุติธรรม, ในโลกที่คนขาวมีอำนาจถือครองในสังคมของมนุษย์เหนือกว่าคนดำ, โลกที่ยังมีการใช้แรงงานทาสประหนึ่งดังสัตว์หมูหมาวัวควาย, โลกที่เงินยังเป็นพระเจ้าสูงสุดในการดำรงชีวิต โซโลมอน นอร์ทอัพ คือชายหนุ่มที่กลายเป็นเหยื่อในระบอบความ "อยุติธรรม" ที่ต้องต่อสู้เพื่อเรียกคืนอิสรภาพของตนเอง เขาคือตัวแทนของผู้คนมากมายที่เข้าไปพบกับเรื่องราวเหตุการณ์จริงที่อยู่ในโลกของ "ทาส" การใช้ความรุนแรงกับเพื่อนมนุษย์อย่างเหี้ยมโหดอำมหิต การพบกับโลกในมุมมืดภายใต้ความเจ็บปวด รวดร้าวที่ถูกสร้างขึ้นด้วยผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่า เช่นเดียวกันนั้นก็ยังมีมุมสวยงามสะท้อนขึ้นมาให้เห็นเป็นครั้งคราว 12 Years A Slave คือหนังที่เจาะเข้าไปในตัวตนของผู้เป็นทาส ซึมลึกเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครทาสแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ หนังไม่ได้ออกมามองเพียงโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายและการขายค้ามนุษย์ แต่ยังเราเข้าไปสำรวจถึงสภาพความเป็นอยู่ การดำรงชีวิต ความรู้สึกนึกคิด และการเอาตัวรอดของพวกเขาในสภาวะที่ตนเองถูกเรียกว่า "ทาส" นั่นเอง ซึ่งตัวละครของนอร์ทอัพก็คือผู้เปลี่ยนทัศนคติเดิมๆที่มีต่อ "ทาส" หรือ "การเป็นทาส" ให้ดูแตกต่างและมีความหวัง อีกทั้งยังเป็นการตีแผ่เรื่องราวจริงที่เกิดขึ้นในผู้ชมได้รับรู้และไม่เคยจินตนาการออกมาได้ด้วยมุมมองของเขาด้วยเช่นกัน ผู้กำกับ สตีฟ แม็คควีน ยังคงเน้นการเล่าเรื่องนิ่งๆ เนิบๆ แต่เข้าถึงอารมณ์ตัวละครได้ในระดับที่น่าประทับใจ สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์ที่ตัวละครต่างๆกำลังเผชิญได้อย่างเข้าถึง และต้องยกย่องในส่วนของการแคสติ้งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ทรงพลังมากขึ้น เพราะนักแสดงที่เข้ามารับหน้าที่ในบทต่างๆนั้น สามารถตีบทออกมาได้แตกละเอียดกันทุกคน นำมาโดย ชิเวเทล เอจิโอฟอร์ นักแสดงหนุ่มผิวสีนอกสายตาที่ใช่ว่าจะมีหนังให้เราดูกันบ่อยนัก แต่พอมาจับงานหนังเต็งรางวัลเรื่องนี้แล้ว ก็สามารถถ่ายทอดการเป็นตัวละคร "นอร์ทอัพ" ได้อย่างไร้ที่ติ ทั้งสีหน้า แววตา และการแสดงออกทางอารมณ์ต่างๆ แม้จะไม่ต้องมีไดอะล็อกใดๆ มารองรับก็ตาม เขาก็สามารถทำให้ผู้ชมเข้าใจได้ว่า ณ ห้วงเวลานั้นเขารู้สึกนึกคิดอย่างไร นับเป็นนักแสดงที่อัจฉริยะในการถ่ายทอดพลังอารมณ์ออกมาได้ตามเป้าที่วางไว้ และทำให้ผู้ชมเชื่อในตัวละครได้ในทันที ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ ขึ้นจอในบทร้ายสุดขั้ว ชั่วสุดขีด อีกหนึ่งตัวละครที่ส่งให้เรื่องราวของหนังมีน้ำหนักไปในทิศทางที่เข้มข้น และจริงจังมากยิ่งขึ้น เพราะตัวละครของเขาคือต้นกำเนิดแห่งความชั่วร้าย เป็นตัวแทนของระบอบอำนาจที่เป็นใหญ่เหนือกว่าการเป็นมนุษย์ด้วยแคแรกเตอร์นายทาสใจเหี้ยม และเต็มไปด้วยกามตัณหา แน่นอนว่าฟาสเบนเดอร์ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาขจัดภาพลักษณ์เดิมในทุกแคแรกเตอร์ที่เล่นมาด้วยการสวมวิญญาณที่แสนร้ายกาจและเข้าถึงได้อย่างน่าประทับใจ อีกหนึ่งบทที่น่าประทับใจมากๆก็รับรองได้ว่าเกิดบนเวทีออสการ์ปีนี้แน่นอนก็คือ บทนางทาสของสาว ลูปิต้า เอ็นยอง ที่แม้จะเป็นเจ้าของฉากบนจอที่ค่อนข้างน้อยกว่าใครเพื่อน แต่ก็โดดเด่นกว่าด้วยซีนกระชากอารมณ์ บีบเค้น กดดัน และสะเทือนใจ ที่แม่หนูมหัศจรรย์รายนี้เล่นออกมาได้สุดพลัง ในแบบที่เพื่อนร่วมซีนต้องขนลุกกันบ้างล่ะ ส่วนนักแสดงรับเชิญอย่าง แบรด พิตต์ และ เบเนดิตก์ คัมเบอร์แบทช์นั้น แม้จะมาเพียงไม่กี่นาที แต่ก็คือบทสำคัญที่ส่งให้เรื่องราวเดินต่อไปได้ถึงฝั่ง และถือเป็นบทที่จะทำให้ผู้ชมรู้สึกดีได้ไม่แพ้กันทั้งคู่ เพราะท่ามกลางตัวละครคนขาวที่แสนร้ายกาจในหนังเรื่องนี้ สองแคแรกเตอร์นี้แหละ ที่จะทำให้เราได้เห็นด้านดีที่แอบซ่อนอยู่ และทำให้เราเริ่มมีความหวังเช่นเดียวกันกับที่ตัวละครในหนังรู้สึก โดยรวมแล้ว 12 Years A Slave คืองานที่เน้นสำรวจสภาพจิตใจของตัวละคร ความเป็นอยู่ และอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของคนที่ถูกเรียกว่า "ทาส" ไม่ได้เป็นงานที่นำเสนอออกมาใหญ่โต เหมือนกับที่หนังทาสเรื่องอื่นๆ โดยได้สไตล์การเน้นงานทางด้านภาพของ แม็คควีน มาเป็นตัวช่วยในการส่งเสริมเรื่องราวให้ออกมาดูนิ่งและหดหู่ เงียบแต่สะเทือนใจมากขึ้น เป็นหนังกรณีศึกษาสำหรับใครที่อยากจะดูหนังเน้นการแสดงที่ถ่ายทอดออกมาทางสีหน้า อารมณ์ได้อย่างเด็ดขาด และทำได้ออกมาน่าประทับใจ แต่ถ้าหากจะนึกถึงข้อบกพร่องของหนังเล็กน้อย ในมุมมองส่วนตัวแค่อยากจะให้มีซีนขยี้ใจในช่วงท้ายมากกว่านี้เล็กน้อย เพราะอารมณ์ก็ยังนิ่ง และไหลเอื่อยไปแบบเป็นเส้นตรงไม่ได้ทำให้เราถึงขนาดเสียน้้ำตาได้อย่างที่คาดหวังเอาไว้ หนังรับชมแบบถูกลิขสิทธิ์ผ่านทาง Itunes และ Amazon
logoline