logo-heading

ตอนแรกผมมีความคิดอยู่ในหัวว่า นี่คงต้องเป็นหนังย้อนเวลา ตามหาความรัก โดยมีวงดนตรีเป็นสื่อกลาง แนวทางเดิมๆแน่ๆ ผมจึงไม่ได้คาดหวังอะไรมากในทีแรก แต่เมื่อหนังออกสตาร์ทผ่านไป 20 นาที ความคิดความรู้สึกผมเปลี่ยนไป .

โซตะ นักศึกษาหนุ่มขี้อายและต่อต้านการเข้าสังคม แต่อยู่มาวันหนึ่งเขาพบเทปคาสเซ็ทปริศนาไร้เจ้าของถูกทิ้งเอาไว้ เขาเก็บขึ้นมาแล้วก็กดเทปม้วนนั้น ร่างของเขาจะถูกสลับกับวิญญาณของอากิ หนุ่มนักดนตรีหน้าหล่อ ผู้ที่จากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร ทำให้เขาไม่ได้มีโอกาสตามหาความฝันในการเล่นดนตรีในเทศกาลดนตรีกับเพื่อนๆในวงตัวเองและวงก็ต้องยุบตัวลงไป แม้จะเป็นแค่ช่วง 30 นาที ที่สลับร่างกัน แต่มันก็ทำให้ทั้ง โชตะ และอากิ ได้เรียนรู้ชีวิตของอีกฝ่ายๆไปพร้อมๆกัน ทั้งเรื่องการเล่นดนตรี มิตรภาพกลุ่มเพื่อน ได้รู้จักผู้หญิงที่สนิทใจ หรือผ่านสัมภาษณ์งานทั้งที่หลายๆอย่างก็ไม่ทำมาก่อน . ข้อดี ผมคิดว่ามันต้องมาแบบอารมณ์ Kimi to 100-kaime no koi หนังญี่ปุ่นโทนเรื่องวงดนตรีซึ้งๆเรียกน้ำตา แต่พอเราได้ดูเต็มๆ สิ่งที่ทำให้รู้สึกว่ามันไม่ใช่แนวทางเดิมๆ คือ หนังเลือกที่จะใช้ความทรงจำผ่านเทปคลาสเซ็ตเป็นสื่อกลางให้ตัวละครหลัก 2 คน ได้มาเจอกันนี่แหละ แล้วก็เอาเรื่องสลับร่างกันเข้ามาใส่ให้ดูมีสีสัน ไม่ต้องย้อนเวลา . บอกตามตรงว่ายุคสมัยใหม่ เทปเป็นอะไรที่หายาก เด็กยุค 2020 แทบไม่มีใครฟัง เพราะสมัยนี้ไป Youtube, Spotify สตรีมมิ่งมากมาย แต่หนังก็ไปหยิบเทปและเครื่องอัดมาเชื่อมโยงเนื้อหาในยุคสมัยใหม่ได้ ถือเป็นความธรรมดาที่ยอดเยี่ยมไม่เบาเลยละคุณ . ผมเชื่อว่าคนที่เคยมีประสบการณ์เล่นดนตรีกับเพื่อนมีวงในช่วงชีวิตมัธยมอยากเท่ห์ อยากร้องเพลงโชว์หญิงสาระพัดเหตุผล ถ้าดูเรื่องนี้คุณต้องนึกถึงความคิดการฝึกกีตาร์ ความคิดอยากประกวดดนตรีตามงานต่างๆ ความรู้สึกตอนฟังเพลงผ่านเทปแล้วอยากเป็นร็อคสตาร์ไอดอลที่เราชอบตอนวัยเยาว์แน่ๆ ความรู้สึกผมออกมาเป็นแบบนั้น . หนังนำเรื่องราวการทำวงดนตรีที่มันก็ต้องมีปัญหาอุปสรรค แรงจูงใจทุกสิ่งทุกอย่าง ที่หลายๆคนต้องเจอ เมื่อไร้เสาหลัก วงดนตรีก็ไปต่อไม่ได้เรื่องนี้ก็ตีแผ่แง่มุมตรงนี้ บางคนเล่นดนตรีเก่งแต่ไม่เหมาะเป็นนักร้อง แต่บางคนพร้อมและก้าวกระโดดขึ้นมาร้องเพลง ดึงดูดความสนใจจากคนฟังได้ไม่ยากเย็นเหมือนพระเอก . นอกจากเล่าเรื่องวงดนตรีและเทปคลาสสิกได้ดีมาก หนังก็นำพาตัวละครที่รักสันโดษไม่กล้าแสดงออกพบเจอผู้คนมาพบเจอโลกอีกใบ ได้เจอความรัก มิตรภาพกับผู้คนหมู่มาก ได้อรรถรสหนังวัยรุ่นที่แม่งโรแมนติก ดราม่า ตลก เรียกน้ำตา ไปในห้วงเวลาเดียวกัน หนังไม่ได้ทำให้เรารู้สึกงง หนำซ้ำบทเพลงในหนังก็เพราะและเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Our 30 Minute Sessions พีคในหลายๆฉากที่เป็นไคลแมกซ์ของเรื่อง ซึ่งผมก็เชื่อว่าหากใครดูเรื่องนี้จบบางทีอาจต้องหาSoundtrack มาฟังแน่นอน . นักแสดง อาราตะ แมคเคนยู ไอ้หนุ่มหน้าหล่อลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่น กลายเป็นคนที่มีเสน่ห์ขึ้นมาซะอย่างนั้น เป็นตัวละครที่ใช้พลังงานเยอะนะ ต้องเล่นในสภาพที่ไม่มีใครเห็นตัวเอง เป็นอะไรที่ยากแต่ยอดเยี่ยมมาก เขาคือกุญแจสำคัญที่ทำให้ คิทามุระ ทะคุมิ ตัวละครเอกของเรื่องอีกคน ได้พบโลกใบใหม่ ได้พบปะเจอผู้คนได้เสวนามากขึ้น ได้พบผู้หญิงที่อยากรู้จักผู้คุย ได้พบเพื่อนที่จะมาเล่นดนตรีด้วยกัน . ข้อเสีย จริงๆอยากให้ คิทามุระ ทะคุมิ โชว์เท่ห์จริงๆโดยปราศจาก อาราตะ แมคเคนยู ผมมองว่าเขามีเสน่ห์เวลาเล่นดนตรีนะ . สรุป นี่คือหนังวัยรุ่นที่ดูแล้วละมุนละไม ใช้ไอเดียยุคเก่ามาผสมผสานกับบริบทยุคใหม่ทำให้ดูร่วมสมัย นำเสนอเรื่องราวหลากหลายแง่มุมของการมีวงดนตรีที่ต้องเจออุปสรรค นักแสดงนำทำให้เราเอ็นจอยมากๆ เพลงเพราะและพีคในหลายๆฉาก คอหนังญี่ปุ่นไม่ควรพลาด แจกคะแนนรีวิว 8.5/10 หนังเข้าฉายวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ครับ
logoline