logo-heading

จำได้ว่าครั้งแรกที่หนังเรื่องนี้ออกฉายเมื่อ 15 ปีที่แล้ว มันเป็นช่วงที่ผมเปิดเทอมม.3 ที่สวนกุหลาบ ผมเองมีความลังเลมากพอสมควรว่าหนังเรื่องนี้จะออกมาเป็นทิศทางไหน เพราะว่า Batman หายไปจากจอภาพยนตร์นานมากแล้ว และเนื้อหาแบบเก่าๆก็ดูน่าเบื่อไม่มีอะไรแปลกใหม่ ทำให้เวลานั้นผมเลือกมองข้ามหนังเรื่องนี้ไปตอนที่ฉายในเวลานั้น

ผมมีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้จริงๆหลังผ่านพ้นช่วงม.ปลาย ซึ่งยอมรับว่าเราพลาดโอกาสดูของดีในเวลานั้นไปเลย เพราะ Batman Begins ที่ได้รับการปรุงแต่งโดย คริสโตเฟอร์ โนแลน กอบกู้อัศวินรัตติกาลกลับมาสู่จอภาพยนตร์ พร้อมมุมมองและความเชื่อที่แปลกใหม่ จนกลายเป็นใบเบิกทางให้สตูดิโอผู้สร้างหนังเลือกที่จะยึดเป็นอย่างและเจริญรอยตามในเวลาต่อมา . ข้อดี หากไม่มองเรื่องของรายได้หนังที่ทำกำไรได้ไม่มาก มันคงเป็นจุดเปราะบางพียงอย่างเดียวของหนังภาคนี้เท่านั้น Batman Begins เปรียบเสมือนใบเบิกทางที่พาคนดูไปรู้จักชีวิตของ บรูซ เวนย์ ในแบบที่หนังภาคอื่นๆไม่เคยทำมาก่อน คริสโตเฟอร์ โนแลน เลือกที่จะหามุมมองใหม่ๆมาเล่าเรื่อง โดยสะท้อนชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริงใส่ลงไปในหนัง . หนังบอกเล่าถึงชีวิตที่ดูหดหู่ ใครว่ามหาเศรษฐีลูกคนมีเงิน จะไม่มีความทุกข์ละ ครึ่งทางของหนังเราไปเห็นตัวละครหลักเผชิญหน้ากับหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง เรียนรู้วิชา ซึมซับคุณธรรม เก็บงำตัวตนไม่บอกความรู้สึกให้ใครรับรู้ การต่อสู้ในโลกอีกมุมหนึ่งเพื่อให้ได้รับรู้ชีวิตในแบบที่เขาไม่เคยสัมผัส นั้นคือมุมมองของพวกอาชญากร เมื่อซึมซับหลากหลายแง่มุมของพวกคนเลวมากพอแล้ว มันก็ถึงเวลาที่จะไปรับรู้ถึงการก้าวมาเป็น Batman . ในสภาพก็อธแธมซิตี้ เมืองที่บรูซ เติบโตมา มีแต่อบายมุข ความเลวทรามเต็มไปหมด เขาจึงต้องการที่จะปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง และโทนหนังมันก็ดู ฉูดฉาดแปลกใหม่มากพอสมควร โนแลน วางโครงสร้างได้พอเหมาะพอเจาะ เมื่อเกริ่นนำมากพอแล้ว หนังก็ตามมาด้วยประเด็นการต่อสู้ ที่ทำให้ดูร่วมสมัย ในเมื่อฮีโร่ไม่มีพลัง เขาก็ใช้ความรวย มาสร้างและหาอุปกรณ์มาสู้กับคนร้าย ทุกอย่างถูกปรับสู่ความสมจริง มุ่งเน้นไปจนถึงแง่มุมจิตวิทยาและปรัชญา เข้าใกล้การเป็นหนังอาชญากรรม และไอเดียจากหนังเรื่องนี้ก็ส่งอิทธิพลต่อหนังซูเปอร์ฮีโร่ในทุกวันนี้ ส่วนสำคัญของหนังภาคนี้คือโครงสร้างที่เข้มข้นปูทางให้ โนแลน สร้าง The Dark Knight ออกมาได้อย่างเหนือชั้นสร้างอารมณ์ร่วมให้คนดูในเวลาต่อมา . อีกสิ่งหนึ่งที่อยากชื่นชมในเวลานั้น โนแลน คือผู้กำกับโนเนม ไม่มีใครรู้จักเขามาก แต่เขาให้ความสำคัญในเรื่องการออกแบบการสร้างเน้นการถ่ายทำจริง ไม่พึ่งพาซีจี เพราะมันทำให้ให้งานดูไม่เนี๊ยบ ถ่ายแอ็คชั่น โลเคชั่นงานสร้างของก็อธแธมซิตี้ คือมันดูจริงจังและเสื่อมโสมมากๆ ทั้งที่ความจริงทุกอย่างในหนังถูกเนรมิตขึ้นมาเพื่อการสร้างหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ . ข้อเสีย จริงๆถ้าหากใครย้อนมาดูหนังเรื่องคุณจะรู้สึกมามันดีมากๆ แค่เสียดายฉากแอ็คชั่นและตัวร้ายแม่งมาน้อยเหลือเกิน แต่ก็พอเข้าใจได้ว่านี่คือหนังที่เปรียบเสมือนการแนะนำตัวต้น บรูซ เวนย์ และ แบทแมน . นักแสดง ผมว่า จอช ฮาร์ทเน็ต ผิดพลาดครั้งสำคัญในการไม่ตอบรับบท บรูซ เวนย์ และมันเป็นการทำให้แจ็คพ็อตต์ มาตกลงที่ คริสเตียน เบล เขาตอบโจทย์ในสิ่งที่คริสโตเฟอร์ โนแลนต้องการได้หมด เป็นตัวละครที่วิ่งหนีอดีต ตามหาชีวิตอีกแบบ และตัดสินใจครั้งสำคัญเพื่อมาเป็นฮีโร่ในความมืด นี่คือบทที่เปลี่ยนชีวิตนักแสดงชาวบริทติชไปโดยปริยาย . ฝากนักแสดงรายอื่นๆ ไมเคิล เคน, มอร์แกน ฟรีแมน , แกรี่ โอลด์แมน, คิลเลี่ยน เมอร์ฟี่, เลี่ยม นีลสัน, เคธี โฮลมส์ ทุกคนมีความสำคัญไม่แพ้ คริสเตียน เบล โดยที่โนแลน สร้างคาแรกเตอร์ให้พวกเขามีความสำคัญและเป็นที่จดจำในหนัง . สรุป นี่คือหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่ดูสมจริงที่สุดเรื่องนี้ ได้ไปดูชีวิตทุกซอกทุกมุมของ Batman มันเปรียบเสมือนใบเบิกทางที่ผู้สร้างมากมายเจริญรอยตามในเวลาต่อมา หนังฉายในระบบ IMAX ในโรงหนังเครือเมเจอร์ หากใครไม่อยากชมในโรงสามารถหาดูได้ผ่านแพลตฟอร์ม NETFLIX
logoline