logo-heading

ย้อนเวลาไป 4 ปีที่แล้วหนังอย่าง Train to Busan คงเป็นหนังอีกเรื่องที่ยกระดับและเปลียนความคิดหลายๆคน เกี่ยวกับวงการอุตสาหกรรมของหนังเกาหลีใต้ ว่าพวกเขาเก่งจังวะ หนังเกาหลีใต้ มันไม่ได้ดีแค่หนังรักเหรอเนี่ย คือพวกคุณทำหนังซอมบี้ ได้ดุและเดือดขนาดนี้เลยเหรอเนี้ย!! .

มาวันนี้หนังเรื่องนั้นได้มีภาคต่อแล้ว ที่ยกระดับให้ใหญ่มากขึ้น จัดหนักมากขึ้น และเปลียนแนวทางของหนังจากการเอาตัวรอด เป็นหนังแอคชั่นฆ่าซอมบี้แบบเต็มตัวกับ Peninsula . โดย Peninsula เป็นเรื่องราวหลังจากภาคแรก 4 ปี เมื่องเกาหลีใต้กลายเป็นประเทศปิดตายจากโลก เนื่องด้วยการระบาดหนักของเหล่าซอมบี้ ในขณะที่ประเทศอืนๆในโลกยังอยู่ในสภาวะปกติ ทำให้ประชากรเกาหลีใต้ที่เหลือรอดต้องอพยพไปอาศัยตามประเทศต่างๆทั่วโลก แต่แล้วกลุ่มตัวเอกที่เป็นคนเกาหลีใต้ ก็ได้รับภารกิจอะไรบางอย่าง ให้กลับไปยังเกาหลีใต้อีกครั้ง ซึ่งมันก็ทำให้เกิดความมันส์ของหนังเรื่องนี้ . ปล. แม้ภาคนี้เป็นภาคสองก็ตาม แต่ไม่ต้องดูภาคแรกก็รู้เรื่องนะ เพราะตัวละครไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย ความดีงามของ Peninsula ก็คงเป็นการเปลียนแนวแบบเดิมๆจากภาคแรก คือภาคนี้ ผู้กำกับเขาต้องการทำให้มันเป็นหนังฆ่าซอมบี้แบบเต็มตัวจริงๆ เราจะได้เห็นฉากยิงปืนของหนังเรื่องนี้เยอะมาก ทั้งทีภาคที่แล้ว ไม่มีการยิงปืนใส่ซอมบี้เลยแม้แต่นัดเดียว . แล้วแบบคิว GUN FIGHT ที่ใช้ในเรื่องนี้ มันดูดี เหมือนถอดแบบมาจาก JOHNWICK เลย ยิงๆเปลียนกระสูน ขึ้นลำ ทางทีมงานคือทำการบ้านตรงนี้ดีมาก . กับอีกจุดที่ตรงชืนชมก็คงเป็นฉากไล่ล่าการขับรถ ที่เรื่องนี้จัดเต็มมาก มีฉากที่เราจะได้เห็นการไล่ล่าขับรถจริงๆ แบบต่อเนื่องยาวเกือบ 20 นาทีเต็ม ไม่แปลกที่ผู้กำกับเขาบอกว่า ได้แรงบันดาลใจในการทำฉากพวกนี้มาจาก Mad Max: Fury Road เพราะมันเหมือนมาก แบบอาจจะไม่ได้ดีเท่า แต่ก็เดือดและแตกต่างในแบบเฉพาะที่ไม่เหมือนเรื่องไหนๆ . ส่วนฝั่งนักแสดง อยู่ในระดับที่ดีแบบมาตราฐาน โดยทั้งเรื่องมีเด่นจริงๆ ประมาณ 6 คนเท่าๆกับภาคที่แล้ว โดยคนตัวเอกที่แสดงโดย คังดงวอน จะเด่นสุด มันอาจไม่ได้เห็นพัฒนาการของตัวละครได้ดีเท่า กงยูในภาคที่แล้ว แต่การยิงปืนของพี่ คังดงวอน ก็เท่แบบเกลียดไม่ลงจริงๆ . ในสิ่งที่ไม่ชอบ และคิดว่าทำได้แย่กว่าภาคที่แล้วพอสมควร นั้นก็คือการให้หนังมันดูสเกลใหญ่ แต่มันดูไม่ใหญ่นี่แหละคือปัญหาใหญ่ เพราะแม้หนังจะมีโลเคชั่นเป็นเมื่องเกาหลีใหญ่ๆเลย แต่ผมรู้สึกว่าตัวหนังถ่ายทอดออกมาได้เล็กนิดเดียว ไม่เหมือนกับภาคที่แล้ว ที่เจาะแค่รถไฟอย่างเดียว แล้วมันเอาเราได้อยู่หมัด รวมถึงปมดราม่าต่างๆ คือมีความยืดจนยานเกินความจำเป็น โดยเฉพาะช่วงสุดท้าย ที่รู้สึกว่าเป็นจุดที่น่ารำคาญที่สุดในเรื่อง สรุป ช่วงนี้ใครหาหนังแอคชั่นใหม่ๆ ในโรงหนัง เรื่องนี้แหละครับ เหมาะที่สุดแล้ว หนังมันครบรสไปหมดทุกอย่างเลย และถ้าจะให้นิยามมันก็คือ MADMAX + JOHNWICK + Train to Busan = Peninsula แจกคะแนนรีวิว 8/10 หนังเข้าฉายในสัปดาห์นี้ครับ
logoline