logo-heading

หลังจบงานฉาย Lineup หนังของ GDH ในปี 2021 ผมมานั่งรอดูผลงานเรื่องใหม่ของ Gerard Butler พร้อมความคาดหวังว่าน่าจะปลุก Adrenaline ให้พลุ่งพล่านได้บ้าง ปรากฏว่ามันผิดคาดไปจากที่เราคิดไว้เลย เป็นช่วงเวลา 2 ชั่วโมง ที่ดูหนังภัยพิบัติหนีอุกกาบาตถล่มโลกที่หลักใหญ่ใจความสำคัญคือ การตามหาครอบครัวที่หลงกันไปซะอย่างนั้น

.
ข้อดี
หนังภัยพิบัติแทบทุกเรื่องเหมือนภาพที่สะท้อนให้เห็นความเป็นจริงของมนุษย์ ย้ำเตือนว่าทุกคนมีความเห็นแก่ตัวอยู่ในตนเอง แต่ชอบสร้างภาพว่าเป็นคนดีเลิศ แต่สุดท้ายดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด พล็อตเรื่องสร้างให้หนังจำลองเรื่องราวอุกาบาตถล่มโลกที่กำลังจะแตก อยู่ดีๆตัวละครนำได้รับข้อความจากภาครัฐว่าได้รับการคัดกรองให้ได้ออกนอกอเมริกา ในระหว่างทางคนรอบข้างเขาคิดว่าทางการรับมือได้ไม่มีความแตกตื่นอะไรเลย จนเหตุการณ์จริงเกิดขึ้น ถึงมาตื่นตัวกัน คนเราชอบประมาทเลินเล่อ ชอบให้เรื่องจริงเกิดก่อนถึงจะมาตื่นตัว ตัวละครทำอาชีพที่เป็นประโยชน์กับทางการ จึงถูกเลือกให้ได้ออกนอกอเมริกาและเขาหอบหิ้วครอบครัวไป
.
จากนั้นเรื่องราวภับพิบัติก็พาคนดูเจอกับสถานการณ์กลั่นแกล้งตัวละครให้แยกออกจากกัน ด้วยอุปสรรคที่ละเล็กละน้อย ทั้งในสนามบิน, ร้านสะดวกซื้อ หรือคนแปลกหน้าที่ไว้ใจไม่ได้ หวังใช้ผลประโยชน์เป็นเครื่องมือ จนได้เห็นความตรึงเครียด ความโกลาหลในหนังทันที แม้ว่าหนังจะเห็นความเลวร้ายของมนุษย์ด้วยกัน แต่มันก็สะท้อนอีกแง่มุมถึงสถานบันคำว่าครอบครัว พ่อแม่ทำเพื่อลูก เมื่อรู้ว่ามีกฏเกณฑ์มากมาย ก็ยอมที่จะไม่ทอดทิ้งจนกว่าลูกจะปลอดภัย
.
ข้อเสีย
เป็นหนังภัยพิบัติที่ไม่ได้สร้างไคลแม็กซ์จุดเปลี่ยนอะไรเลย หนังเหมือนหลงประเด็นกลับกลายเป็นว่า ตามหาครอบครัวที่พลัดหลงคือเรื่องราวหลัก ครึ่งเรื่องหมดเวลาไปกับตามหาตัวละคร ระหว่าง Gerard Butler และ Morena Baccarin บอกเลยไม่ไหวจะเคลียร์
.
สรุป
นี่คือผลงานฆ่าเวลาที่น่าผิดหวังของ Gerard Butler การวางพล็อตเรื่องภัยพิบัติที่ผิดแปลกไปจากหนังอื่น ไม่ตื่นเต้นเลย กลายเป็น Family Man ตามหาครอบครัวไปซะอย่างนั้น
แจกคะแนนรีวิว 4/10
logoline