"ขอนแก่น เอฟซี 2020" ก้าวที่ท้าทายของ "กษม ชนะวงศ์"

ผศ.ดร. กษม ชนะวงศ์  ประธานสโมสรฟุตบอลขอนแก่น  เอฟซี  ไทยลีก 2    

เข้าสู่ฤดูกาล 2020 สำหรับ ขอนแก่น เอฟซี ทีมในไทยลีก 2 นี่คือการก้าวเข้าสู่ปีที่ 16 ในเส้นทางฟุตบอลอาชีพ ของสโมสรฟุตบอลจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และอาจกล่าวได้ว่า นี่คือทีมฟุตบอลทีมหนึ่งที่ได้สัมผัสประสบการณ์ในทุกมิติกับระบบอาชีพ  

ความทรงจำที่สวยงามที่สุด นั่นก็คือ การที่ “ขอนแก่น เอฟซี” ประสบความสำเร็จ ด้วยการได้เลื่อนชั้น ไปเล่นอยู่ในลีกสูงสุด “ไทยพรีเมียร์ลีก” ประจำฤดูกาล 2010 แต่ก็เป็นช่วงระยะเวลาอันสั้น เพราะถัดจากนั้นในฤดูกาล 2011 ก็กลับลงไปยังดิวิชั่น 1 และวนเวียนไปแทบทุกลีก จนถึงปัจจุบัน ที่เป็นการเล่นอยู่ในไทยลีก 2

เส้นทางของ ขอนแก่น เอฟซี ในรอบ 3 ปีให้หลัง ถือว่าเป็นช่วงที่น่าตื่นเต้นและท้าทาย เพราะเป็นการเติบโตในแบบก้าวกระโดด คือ การทำผลงานในฐานะแชมป์ไทยลีก 3 กลุ่มบน จนได้สิทธิ์เลื่อนชั้นมาเล่นไทยลีก 2 การจบผลงานในฤดูกาล 2018 ด้วยอันดับ 4 ของตาราง แบบมีลุ้นที่จะได้เลื่อนชั้นไปยังไทยลีก 1 หรือฤดูกาลล่าสุด 2019 ที่จบผลงานในเดือนตุลาคม ด้วยอันดับ 8 ของตาราง จากทั้งหมด 18 ทีม

ก้าวเดินของเดอะทีเร็กซ์ ในรอบ 4 ปีหลัง พลังหนุนสำคัญคือ การเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในฐานะผู้สนับสนุนของทีม ที่เปลี่ยนจากสปอนเซอร์ มาเป็นพันธมิตร หรือผู้ร่วมทุน ของกลุ่ม บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด ซึ่งก็ส่งผลให้พลังในการขับเคลื่อนทีมเป็นไปในแบบที่เห็นผลของความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก กระทั่งฤดูกาล 2019 ที่ผลงานของทีม ในไทยลีก 2 จบที่อันดับ 8 ของตาราง ซึ่งก็ถือว่าไม่น่าพอใจนัก เมื่อเทียบกับฤดูกาล 2017 และ 2018

อย่างไรก็ตาม มุมหนึ่งที่ต้องให้น้ำหนักก็คือ ในฤดูกาล 2019 มีทีมฟุตบอลจากไทยลีก ลงมาเล่นในไทยลีก 2 ถึง 5 ทีม ไม่ว่าจะเป็น บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, โปลิศ เทโร เอฟซี, ราชนาวี เอฟซี, อุบล ยูไนเต็ด และแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี ซึ่งก็ทำให้การต่อสู้ในไทยลีก 2 ประจำฤดูกาล 2019 ยากลำบากมากยิ่งขึ้น เพราะแรงกดดันของบรรดาทีมจากไทยลีก 1 ที่ตกชั้นลงมา เป้าหมายอยู่ที่การเลื่อนชั้นคืนสู่ลีกสูงสุดในปีเดียว และความสำเร็จก็เกิดขึ้นกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ โปลิศ เทโร เอฟซี ที่สามารถจบผลงานด้วยการเลื่อนชั้นคืนสู่ไทยลีก ภายในระยะเวลา 1 ปี เท่านั้น

ฤดูกาล 2020 ขอนแก่น เอฟซี จัดทัพใหม่ 

 สำหรับฤดูกาล 2020 ความท้าทายครั้งสำคัญของ ขอนแก่น เอฟซี อยู่ที่การจัดทัพครั้งใหม่ ในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน เพราะการได้ตัว ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ที่มีโปรไฟล์ ทั้งการคุมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในรอยต่อที่ มิโลวาน ราเยวัช เฮดโค้ชสัญชาติเซอร์เบีย แยกทางกับทีมชาติไทย รวมทั้งการสร้างประวัติศาสตร์ให้แก่ โรงเรียนเทพศิรินทร์ ด้วยการเป็นแชมป์ฟุตบอลจตุรมิตร ครั้งที่ 29 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562

บทบาทของ “โค้ชโต่ย” ในการคุมทีมคือ การร่วมงานกับโอสถสภา ในฐานะผู้ช่วยหัวหน้าผู้ฝึกสอน นานร่วม 15 ปี หลังปลดระวางตัวเองในฐานะนักฟุตบอล กระทั่งไปรับงานให้แก่ ไทยฮอนด้า ลาดกระบัง เอฟซี และสร้างประวัติศาสตร์กับต้นสังกัดแห่งนี้ เมื่อใช้เวลาเพียง 1 ปี พาทีมเลื่อนชั้นจากไทยลีก 2 ไปยังไทยลีก 1 แต่ต่อมาก็ต้องแยกทางกับ ไทยฮอนด้า ลาดกระบัง เอฟซี เมื่อผลงานในไทยลีก 1 ฤดูกาล 2017 ออกมาไม่ดี

ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ ศิริศักดิ์ ได้รับประสบการณ์ที่ท้าทาย เมื่อก้าวเข้าไปเป็นผู้ช่วยเฮดโค้ชทีมชาติไทย มิโลวาน ราเยวัช กระทั่งเมื่อ มิโลวาน ราเยวัช แยกทางกับทีมชาติไทย จึงเป็นโอกาสให้ “โค้ชโต่ย” และ “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ ได้มีโอกาสแสดงฝีมือการคุมทีมชาติกับทัวร์นาเมนต์เอเชี่ยนคัพ 2019 แม้ว่าจะเป็นระยะเวลาอันสั้น แต่ก็ถือว่าเป็น “เครดิต” ที่สร้างชื่อให้แก่ ”โค้ชโต่ย” ในระดับหนึ่ง และเมื่อรวมเข้ากับผลงานการพาทีม โรงเรียนเทพศิรินทร์ กลับมาคว้าแชมป์ฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี ในรอบ 20 ปี นั่นก็ทำให้ชื่อเสียง “โค้ชโต่ย” กลับมาอยู่ในกระแสวงการฟุตบอลอีกครั้ง

 ชู “โค้ชโต่ย” คือคนที่ใช่

สำหรับนัยยะของการร่วมงานระหว่าง ขอนแก่น เอฟซี ที่มี ผศ.ดร.กษม ชนะวงศ์ อธิการบดีวิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย จ.ขอนแก่น ในฐานะประธานสโมสรฟุตบอลขอนแก่น เอฟซี กับ ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ที่เข้ามารับหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอน จึงเป็นการเปิดเกมรุกที่ท้าทายสำหรับ ขอนแก่น เอฟซี ด้วยการเลือกเอาโค้ชที่มีผลงานโดดเด่นในการพัฒนานักฟุตบอลระดับเยาวชน หรือนักฟุตบอลดาวรุ่ง ให้เข้ามาทำหน้าที่คุมทัพขอนแก่น เอฟซี เพื่อสู้ศึกไทยลีก 2

ขอนแก่น เอฟซี และ ผศ.ดร.กษม ชนะวงศ์ ประธานสโมสร มีความเป็นเนื้อเดียวกัน ตลอดระยะเวลา 15 ปี ของการปลุกปั้นทีมฟุตบอลทีมนี้ ผ่านประสบการณ์ในทุกรูปแบบกับฟุตบอลมาแล้ว ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน หรือเลือกที่จะใช้บุคลากรให้สอดคล้องกับงานภาคสนาม จึงเป็นการถอดบทเรียนที่ ผศ.ดร.กษม กล้าที่จะเทเดิมพันหมดหน้าตัก ด้วยความเชื่อมั่นว่า “โค้ชโต่ย” คือ บุคคลที่ใช่ สำหรับขอนแก่น เอฟซี กับ ไทยลีก 2 ฤดูกาล 2020

สำหรับ ขอนแก่น เอฟซี เมื่อปี 2019 คือ การหวนมาร่วมงานของ “ทามะซัง” มาซายูกิ มิอุระ เฮดโค้ชสัญชาติญี่ปุ่น ที่ได้รับการสนับสนุนจากสโมสรฟุตบอล คอนซาโดเล ซัปโปโร ทีมในเจลีก เพราะ “ทามะซัง” เคยสร้างผลงานให้แก่ขอนแก่น เอฟซี เมื่อครั้งเล่นอยู่ในลีกภูมิภาค หรือไทยลีก 4 จนพาทีมขอนแก่น เอฟซี ทำผลงานจนได้สิทธิ์มาเล่นไทยลีก 3 จากนั้นจึงแยกทางกับทีม และหวนมาร่วมงานกันอีกครั้งในฤดูกาล 2019 กระทั่งหมดสัญญา จึงเป็นที่มาของการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน

บิ๊กเซอร์ไพรส์กับตำแหน่งเฮดโค้ช

การรุกครั้งนี้ของ ขอนแก่น เอฟซี ด้วยการเริ่มจากโครงสร้างในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน โดยได้ “โค้ชโต่ย” มาเสริมทัพ ถือเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ในวงการฟุตบอล เพราะดีลการเจรจาจนทำให้ทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงกันได้ คือ การมองไปถึงการสร้างความท้าทายครั้งสำคัญระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย โดยมีผลงานกับเกมในสนามเป็นเดิมพัน ทั้งนี้หากเปรียบเทียบการย้ายจากศรีสะเกษ เอฟซี ทีมในไทยลีก 2 ของ ”น้าฉ่วย” สมชาย ชวยบุญชุม ที่ไปรับงานกับ “พญาไก่ชน” หนองบัวพิชญ เอฟซี ทีมในไทยลีก 2 ด้วยกัน อาจจะเป็นเซอร์ไพรส์ในวงการฟุตบอลระดับหนึ่งแล้ว เพราะเป็นการเลือกที่จะหันหลังให้ ศรีสะเกษ เอฟซี ที่ สมชาย ชวยบุญชุม คุมทีมมานาน 2 ฤดูกาล แต่การที่ขอนแก่น เอฟซี สามารถดึงตัว “โค้ชโต่ย” มาได้ นั่นก็ทำให้สปอตไลท์ฉายไปยังทีมฟุตบอลขอนแก่น เอฟซี ทันที

 จากทีมฟุตบอลบ้านนอกสู่ภารกิจสู้เพื่อแฟนบอล

แม้ว่าที่ผ่านมา คำจำกัดความของ ผศ.ดร.กษม ที่ให้นิยามขอนแก่น เอฟซี ว่า นี่คือ ทีมฟุตบอลทีมเล็ก หรือทีมฟุตบอลบ้านนอกที่เจียมตัว และพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ทั้งในสนามและนอกสนาม เพื่อให้เป็นความหวังหรือเป็นตัวอย่างให้เยาวชนในขอนแก่น หรือสังคมในวงการฟุตบอลได้เห็นถึงความมุ่งมั่น แต่การแต่งตั้ง “โค้ชโต่ย” ในครั้งนี้ ได้กลายเป็นภาพสะท้อนถึงการเอาจริงและมุ่งมั่นที่จะสร้างผลงาน หรือปฏิวัติระบบทีม ของ ”เดอะทีเร็กซ์” ที่ต้องการประสบความสำเร็จในฤดูกาล 2020

“ขอนแก่น เอฟซี ก่อตั้งมา 14-15 ปี ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ในเส้นทางการต่อสู้ เราใช้เด็กท้องถิ่นเป็นกำลังหลักให้ทีม จนมาถึง 2017-2018 ที่ทำให้เราเห็นถึงโอกาสมากที่สุดในการเลื่อนชั้น สำหรับประธานสโมสร การเรียนรู้ในสนามที่ผมตระหนักคือ ความสำคัญกับการพัฒนาทีมเพื่อทำผลงาน ขณะที่นอกสนาม สิ่งที่ผมเรียนรู้คือ การเข้าใจถึงความรู้สึกของแฟนบอล ที่อยากเห็นทีมประสบความสำเร็จ สำหรับคำว่าทีมฟุตบอลในมุมของผม ถ้าไม่มีแฟนบอลทีมอยู่ไม่ได้ ผมไม่รู้จะทำทีมไปเพื่ออะไร ดังนั้นกับฤดูกาลนี้ ในมุมของผมคือ การที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมประสบความสำเร็จ” ผศ.ดร.กษม กล่าวกับ “คมชัดลึก”

นำความสุขมอบให้สาวก "เดอะทีเร็กซ์”

ผศ.ดร.กษม ย้ำว่า อยากสร้างความสุขให้แก่แฟนฟุตบอลขอนแก่น เอฟซี ทั้งแฟนฟุตบอลในจังหวัด รวมไปถึงแฟนฟุตบอลที่มีอยู่ทั่วประเทศ ที่อยากเห็นทีมประสบความสำเร็จ ฤดูกาล 2020 ขอนแก่น เอฟซี ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด, โรงพยาบาลราชพฤกษ์, ฟิตเนสเอ็มโซไซตี้, ช.ทวี ที่ดูแลเรื่องการเดินทาง รวมไปถึงพันธมิตรในท้องถิ่น พันธมิตรในส่วนกลาง ความช่วยเหลือเหล่านี้ คือแรงผลักดันที่ทำให้ทีมมุ่งมั่นที่จะทำผลงานในฤดูกาล 2020 ทราบดีว่าฤดูกาลนี้ ทุกทีมต่างปรับตัว ต่างมีเป้าหมายเดียวกันที่จะทำผลงาน ปัจจัยเหล่านี้ ล้วนเป็นแรงส่งให้ขอนแก่น เอฟซี ยิ่งต้องทำงานหนักมากยากยิ่งขึ้น และการดึงเอา “โค้ชโต่ย” มาร่วมงาน ก็คือ หนึ่งในกลไกที่ต้องการทำให้ขอนแก่น เอฟซี ไปถึงปลายทาง

“ผมเชื่อว่าปีนี้ แฟนบอลจะสนุก ได้เห็นสไตล์ฟุตบอลที่เป็นเอนเตอร์เทน การทำงานของโค้ชโต่ยและทีมงาน ทั้งสตาฟฟ์โค้ชชุดใหม่ และโค้ชชุดเดิมที่ยังอยู่ร่วมกับทีม จะทำให้การสร้างทีมในฤดูกาล 2020 เป็นไปอย่างเร้าใจ ผมให้หลักประกันได้ว่า แฟนบอลจะได้เห็นฟุตบอลที่สร้างความสนุก ความเร้าใจ นักเตะทุกคนจะทุ่มเทกับ 90 นาที ในสนาม ทั้งหมดก็เพื่อสร้างความสุขให้แก่แฟนบอล และแน่นอนว่าหากทุ่มเทขนาดนี้ ผมก็มองไปถึงโอกาสที่ทีมจะทำผลงานด้วยการได้เลื่อนชั้น จริงอยู่อาจจะไม่ใช่งานที่ง่าย แต่ถ้ามุ่งมั่นทุ่มเทขนาดนี้ เชื่อว่าจะสร้างโอกาสให้แก่ขอนแก่น เอฟซี ในอย่างที่ทุกคนต้องการ” ผศ.ดร.กษม กล่าว

ด้วยแนวทางของการต่อสู้ ที่พร้อมเทหมดหน้าตัก วางยุทธศาสตร์แบบหวังผลสัมฤทธิ์ ก็น่าที่จะทำให้ฤดูกาล 2020 เป็นความท้าทายสำหรับ “ขอนแก่น อฟซี“ ภายใต้การคุมทัพของประธานสโมสร ผศ.ดร.กษม ชนะวงศ์ โดยมีทีมงานร่วมสนับสนุนภารกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย   หัวหน้าผู้ฝึกสอน  ( ซ้าย )  - ผศ.ดร.กษม  ชนะวงศ์ ประธานสโมสรฟุตบอลขอบแก่น  เอฟซี ไทยลีก 2