logo-heading

หลังจากได้คู่ชิงฟุตบอลลีโอ ปรีซีซั่น 2020 ซึ่งได้แก่ การท่าเรือ เอฟซี พบกับ เอสซีจี เมืองทองฯ ในวันที่ 4 ก.พ.63 โดยเมื่อวานนี้ (30 ม.ค.61) ในรอบตัดเชือก ทั้งคู่ผ่านคู่แข่งมาด้วยการยิงจุดโทษ ซึ่งเราจะมาผ่าฟอร์มของทั้ง 4 ทีมกัน ว่าทีมไหนเล่นเป็นยังไงกันบ้าง

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าสาเหตุที่มาผ่าฟอร์มของ 4 ทีมนี้ ได้แก่ การท่าเรือ เอฟซี ที่เมื่อวานพบกับ สิงห์ เชียงราย และอีกคู่ เอสซีจี เมืองทอง ที่พบกับ พีที ประจวบ ก็เพราะว่าเมื่อวานมีโอกาสได้ชมเกมทั้งสองคู่ และได้เห็นความพร้อมของแต่ละทีม ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง เลยอยากจะมาขยายความกันสักหน่อย เริ่มที่คู่แรก สิงห์เจ้าท่า กับ กว่างโซ้งมหาภัย ซึ่งผลการแข่งขันเสมอกันใน 90 นาที 2-2 ก่อนที่การท่าเรือ จะมาชนะจุดโทษแบบมาราธาน 12-11 ประตู สกอร์รวม 14-13 ยิงกันจนครบรอบกว่าจะตัดสินได้ ซึ่งก็เป็นสิงห์เจ้าท่า ที่ได้ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ผ่าฟอร์มการท่าเรือ กับ กว่างโซ้ง หลังได้ดูในรอบตัดเชือกปรีซีซั่น แต่พูดถึงฟอร์มโดยรวมของเกมนี้ ต้องบอกว่าสิงห์ เชียงราย อาจจะดูโชคร้าย เพราะนำก่อน 2-1 แต่มาโดนจุดโทษในช่วงทดเจ็บ ทำให้เสมอกัน และต้องมาดวลจุดโทษตัดสิน แต่นั่นก็เป็นเรื่องของการแข่งขันก็ว่ากันไป แต่ถ้าดูที่ฟอร์มแล้ว ทีมแชมป์ไทยลีก ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะช่วงที่ใช้นักเตะตัวหลัก ก่อนจะทยอยเปลี่ยนตัวในครึ่งหลัง แม้ทีมกว่างโซ้งจะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งกุนซือมาใช้ ทากิ มาซามิ ชาวญี่ปุ่น แต่ดูรูปเกมแล้ว ไม่แตกต่างจากปีที่แล้ว อาจจะด้วยแกนหลักยังเป็นผู้เล่นชุดเดิมเกือบทั้งหมด ซึ่งแต่ละคนก็ทำผลงานได้ตามมาตรฐาน โดยเฉพาะที่ผมชอบในเกมวานนี้ก็มีอย่าง อภิรักษ์ วรวงษ์ นายทวารที่ยังคงเหนียวหนึบ บรินเนอร์ เอ็นริเก้ กองหลังชาวบราซิล อันนี้ดีอยู่แล้ว, สุริยา สิงห์มุ้ย ก็โอเค แดนกลางที่ชอบมากๆ เลยคือ อี ยอง แร ที่ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้อยู่กับทีมแล้ว แต่เมื่อเห็นฟอร์มการเล่นก็ต้องบอกว่าขาดไม่ได้ อีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ชัยวัฒน์ บุราณ ที่ยิงประตูสุดสวยและเล่นได้ดีในเกมนี้ ส่วนนักเตะใหม่ที่น่าสนใจอย่าง ศนุกรานต์ ถิ่นจอม ก็ถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐาน แต่ก็ไม่ได้เด่นมาก ส่วนที่ยังไม่โอเคเลยก็คือ มาอิลซอน ปีกชาวแซมบ้า ที่ลงมาสำรองช่วง 10 นาทีสุดท้าย โอเคเวลาในสนามอาจจะไม่เยอะ แต่ก็น่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้ เท่าที่ดีมันยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยิ่งตอนยิงจุดโทษ เจ้าตัวได้ยิงสองรอบ ปรากฏว่าไม่เข้าทั้งสองครั้ง แต่เรื่องการยิงจุดโทษไม่เข้า 2 ครั้ง ไม่ใช่ประเด็น ใครๆ ก็พลาดได้จุดโทษ แต่แค่ผมเห็นลีลาท่าทางการยืน การยิงบอล จังหวะเท้าถูกลูกบอล มันดูแปลกๆ เหมือนจะไม่ใช่ของจริงยังไงไม่รู้ แต่ก็นั่นแหละครับ มันแค่แว๊บแรกที่ผมเห็นฟอร์มของเขา อาจจะยังตัดสินอะไรไม่ได้ และไม่แน่ ถ้าเขาปรับตัวได้อาจจะเทพก็ได้ใครจะไปรู้ ไว้ดูของจริงในไทยลีกดีกว่า ส่วนสิงห์ท่าเรือ เอาตรงๆ ก็ยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ เหมือนกับตอนลงเตะรอบคัดเลือกเอเอฟซี ชปล. ที่แพ้ให้เซเรซ เนกรอส มันยังดูติดๆ ขัดๆ จังหวะยังไม่ไหลลื่นเท่าไหร่ โดยเฉพาะเฮแบร์ตี้ ที่ก็ยังดูเหมือนจะปรับตัวเข้าสไตล์การเล่นของทีมใหม่ไม่ได้ แต่เกมนี้ก็ได้เห็นนักเตะสำรองหลายๆ คนที่ได้มีโอกาสลงสนาม ธนาสิทธิ์ ศิริผลา นักเตะใหม่เกมนี้ก็มี 1 แอสซิสต์ให้กับ อดิศักดิ์ ไกรษร นักเตะใหม่อีกคนที่ก็โหม่งจ่อๆ เข้าไป ส่วนคนอื่นๆ ก็ยังไม่ได้เห็นอะไรมากนัก แต่ถ้าเทียบกับเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทีมชุดนี้ยังดีไม่เท่า แต่มันก็ต้องแบบนั้นแหละ เพราะอยู่ในช่วงปรีซีซั่น และทีมอย่างการท่าเรือ ก็ยังมีเวลาที่จะได้แก้ไข จุดบกพร่องต่างๆ ซึ่งเดี๋ยวเราจะได้ดูคู่นี้เจอกันอีกครั้งในออมสิน ไทยแลนด์ ชปค.2020 ที่จะเตะกันวันที่ 2 ก.พ.นี้ และท่าเรือ ก็จะลงชิงชัยลีโอ ปรีซีซั่น กับเมืองทอง ในวันที่ 4 ก.พ.ก่อนจะเปิดฤดูกาลต่อไป
logoline