logo-heading

เรียกว่ามาแรงแซงทางโค้งเหลือเกิน สำหรับ ลิเวอร์พูล ในการไล่ล่าคว้าตัว ติโม แวร์เนอร์ กองหน้าฟอร์มฮอต จาก ไลป์ซิก เพราะก่อนหน้านี้ทำท่าว่าจะย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค แต่จู่ๆก็พร้อมมาหาประสบการณ์บนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทำให้ หงส์แดง ไม่รอช้า หวังจะปิดดีลให้ได้

ไม่รู้ว่าถ้ามาแล้ว จะมีโอกาสยึดตัวจริงสูงขนาดไหน แต่เหตุผลต่อไปนี้ เชื่อว่าทำไม "หงส์แดง" จะต้องลงทุน ไปทุ่มซื้อ แวร์เนอร์ มาให้ได้ ต่อให้มีทีมที่ลงตัวสมบูรณ์อยู่แล้วก็ตาม

  1. ของดี ราคาไม่แพง
ติโม แวร์เนอร์ ดาวยิงตัวท็อปแห่งลีก บุนเดสลีกา เยอรมัน ไม่รู้ว่าชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วยุโรปหรือยัง แต่ที่แน่ๆเข้าตา ลิเวอร์พูล เต็มๆ จริงๆแล้วถ้าเป็นวงการลูกหนังยุคปัจจุบัน หากใครที่ฟอร์มดี มีอนาคต จะถูกตีราคามากกว่า 80 ล้านปอนด์ เผลอๆมีมากกว่า 100 ล้านปอนด์ ด้วยซ้ำ ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วในปัจจุบัน กระนั้นในรายของ แวร์เนอร์ มีค่าฉีกสัญญาแค่ราวๆ 50-55 ล้านปอนด์ ถือว่าเป็นของดี ราคาไม่แพง ที่ ลิเวอร์พูล ควรรีบสอยมาให้ได้ แต่มีข้อแม้ว่าค่าฉีกสัญญาฉบับนี้ จะหมดอายุสิ้นเดือนเมษายน นี้ ถ้าปล่อยผ่านเลยไป ค่าตัวจะอัพกระฉูดทันที อย่าลังเลอะไรให้มากความ เพลงอมตะของไทย ก็เคยกล่าวไว้ "จะขอก็รีบขอ อย่ารอให้ถึงปีหน้า"
  1. แข่งขันในทีมสูงขึ้น
บอกเลยว่าใครจะมาเบียด 3 กองหน้าตัวรุก ลิเวอร์พูล อย่าง ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็นไปได้ยากมากเหลือเกิน เพราะทั้ง 3 คน โชว์ฟอร์มเหยียบคันเร่ง แบบไม่มีตก จนพาทัพ "หงส์แดง" เป็นเจ้ายุโรป และ กำลังไล่ล่าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ขนาด ทาคุมิ มินามิโนะ ที่ย้ายเข้ามาใหม่ ก็ต้องนั่งเป็นสำรองยาวๆ อย่างไรก็ตาม ดีกรีของ แวร์เนอร์ ไม่ธรรมดา เพราะฝากผลงานให้แฟนบอลได้เห็นเป็นขวัญตาบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาแล้วหลายซีซั่น เท่ากับว่าถ้า ลิเวอร์พูล ได้ตัวหัวหอกทีมชาติเยอรมัน จริงๆ จะทำให้การแข่งขันในทีมยิ่งสูงขึ้น และ จะเป็นการรีดศักยภาพนักเตะให้ออกมาดีที่สุด นับว่าเป็นผลดีต่อตัวนักเตะ และ ก็สโมสร อีกด้วย
  1. เผื่อมีใครย้ายทีม
คงได้ทราบข่าวกันแล้วใช่ไหมครับ ว่าบรรดาตัวสำรองหลายๆคนน่าจะย้ายทีมกัน ทั้งหมดสัญญา หรือ ไปหาโอกาสลงสนาม อาทิพวกตัวรุก อดัม ลัลลาน่า หรือ เซอร์ดาน ชากิรี่ ฉะนั้นการซื้อผู้เล่นเข้ามาใหม่เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะการแข่งขันตลอดทั้งซีซั่น เป็นอะไรที่ยาวนาน ยิ่งถ้ามีแชมป์ติดมือ ก็ต้องไปเล่นรายการต่างๆเพิ่มขึ้น หากมองแบบเวิร์สเคส แบบกรณีร้ายแรงที่สุด สมมุติว่า ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครองจริงๆ แล้วพวก มาเน่, ฟีร์มิโน่ หรือ ซาลาห์ ใครสักคน ต้องการย้ายไปหาความท้าทายใหม่ๆ เพราะอาจจะอิ่มตัวกับการได้โทรฟี่ และ เกมลีก อย่างที่เห็นกันในข่าวว่า เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า กำลังจ้องตาเป็นมัน การได้ แวร์เนอร์ มาร่วมทีม ก็อาจจะทำให้ไร้รอยต่อเรื่องผลงานการเล่น
  1. ผลงานกระฉูด ยิงกระจาย
ถ้าฟอร์มไม่ดีจริง ก็คงไม่เนื้อหอมขนาดนี้ จริงไหมครับ ? ฤดูกาลนี้ แวร์เนอร์ ซัดให้กับ ไลป์ซิก ในศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน ไปแล้ว 20 ประตู จากการลงสนามแค่ 21 นัด เป็นรองแค่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กองหน้าจาก บาเยิร์น มิวนิค เพียง 2 ประตู เท่านั้น เรียกว่าเป็นการยกระดับมาตรฐานการเล่นขึ้นมาสูงมาก เพราะฤดูกาลก่อนซัดไปเพียง 16 ประตู และ มีสิทธิ์ทำลายสถิติตัวเองที่เคยทำไว้กับ ไลป์ซิก 21 ตุง ในซีซั่นแรกกับทีม ไม่เพียงเท่านั้น แวร์เนอร์ ยังพังตาข่ายคู่แข่งบนเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว 3 ลูก จากการลงเล่น 6 นัด แสดงให้เห็นว่าไม่ดีเก่งเพียงแค่ในประเทศ แต่ระดับนานาชาติ เขาก็พร้อมที่จะพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นเป็นขวัญตา
  1. เล่นได้หลากหลายตำแหน่งในเกมรุก
ปกติแล้ว พวกกองหน้าตัวเป้า จะสวมหมายเลข 9 หรือ หมายเลข 10 เพื่อประกาศศักดาว่า "ข้านี่แหละจอมถล่มประตู" แต่ ติโม แวร์เนอร์ เลือกใส่เบอร์ 11 ให้กับ ไลป์ซิก เพราะเขาเป็นนักเตะที่ยืดหยุ่นกับการเล่นเกมรุก เล่นได้หลายหลายตำแหน่ง ไม่ได้จำเจอยู่แค่พื้นที่เดียว แวร์เนอร์ มีความสามารถในการเล่นศูนย์หน้าตัวเป้า 20 ประตู ที่ซัดไปคือคำตอบอยู่แล้ว แต่ยังสามารถถ่างออกมาเล่นในตำแหน่งปีก หรือ ถอยลงมาเป็นมิดฟิดล์ตัวรุก ยืนอยู่หลังกองหน้าก็ได้ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ แวร์เนอร์ โดดเด่นเป็นพิเศษ และ สไตล์แบบนี้แหละ เป็นที่ชื่นชอบของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล นักหนา เหมือนอย่างที่ไปซื้อ มินามิโนะ หรือ การให้อิสระกับ ฟีร์มิโน่ ในการเล่นเกมรุก แบบฉบับกองหน้า ฟอลส์ไนน์ ยุคใหม่แห่งวงการลูกหนัง
logoline