logo-heading

กลายเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่น่าสงสารแบบสุดขั้วหัวใจคนหนึ่งในช่วงเวลานี้สำหรับ เอเด็น อาซาร์ ที่ล่าสุดต้องมาพบเจอกับอาการบาดเจ็บอีกครั้ง หลังจากที่เพิ่งสลัดอาการเดี้ยงกลับมาลงสนาม ทำให้ต้องพลาดลงสนามให้กับ เรอัล มาดริด ไปอีกครั้ง

ซึ่งนับตั้งแต่ที่เจ้าตัวย้ายมาสวมเสื้อของ "ราชันชุดขาว" ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเป็นใจสักเท่าไหร่ ว่าแล้ววันนี้ ขอบสนาม ของเราเลยจะพาไปชม 4 เหตุการณ์พังๆ ของนาย อาซาร์ นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทัพ เรอัล มาดริด ว่ามีอะไรกันบ้าง น้ำหนักขึ้นกระฉูด ย้อนกลับไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาในห้วงเวลาที่ เอเด็น อาซาร์ ย้ายมาร่วมทัพ เรอัล มาดริด ใหม่ๆ เจ้าตัวโดนแฟนบอล และสื่อวิจารณ์เป็นอย่างมากเกี่ยวกับรูปร่างของตนเองที่ดูจะท้วมๆ มากขึ้นกว่าตอนเล่นให้กับ เชลซี ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าช่วงปิดฤดูกาลเจ้าตัวเลือกที่จะซัดของกินแบบไม่ยั้ง ทำให้น้ำหนักตัวขึ้นไปแตะหลัก 80 กิโลกรัมเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นในช่วงปรีซีซั่นเราจึงได้เห็น อาซาร์ ในเวอร์ชั่นอุ้ยอ้าย สมกับฉายา 'ต้าวอ้วน’' ยิ่งหนัก ซึ่งเรื่องดังกล่าวเจ้าตัวได้ออกมาสารภาพเองเลยว่าน้ำหนักขึ้นจริง เพราะช่วงเวลาพักผ่อนก็อยากใช้เวลาให้คุ้มค่า แต่ทั้งหมดเขาคือคนที่รู้ตัวเองที่สุดว่าควรกินแบบไหน และใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ในการทำให้ร่างกายกลับมาสมบูรณ์แบบตามเดิม "เป็นความจริง ผมไม่ต้องการที่จะปิดบัง เพราะปรัชญาส่วนตัวเมื่อผมพักผ่อน มันก็คือการพักผ่อนจริงๆ น้ำหนักมันเกินไป 5 กิโลกรัม แต่โดยส่วนตัวเป็นคนประเภทน้ำหนักขึ้นเร็ว-ลงเร็วอยู่แล้ว หากควบคุมร่างกายแบบจริงจัง" อาซาร์ กล่าวยอมรับแบบแมนๆ เกี่ยวกับน้ำหนักของตัวเอง อาการบาดเจ็บ แน่นอนแหละครับว่าอาการบาดเจ็บกับนักฟุตบอลมักเป็นของที่คู่กัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวกำลังรุมเร้าชายที่ชื่อ เอเด็น อาซาร์ อย่างหนักนับตั้งแต่ที่พลีกายย้ายมาสวมเสื้อ "ราชันชุดขาว" ไล่เรียงตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณแฮมสตริงทำให้ต้องพลาดการลงสนามในศึกลาลีกาในช่วง 3 นัดแรก และมาเจ็บอีกครั้งที่บริเวณข้อเท้าเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2018 ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มที่ เรอัล มาดริด เปิดบ้านเสมอกับ เปแอสเช 2-2 ซึ่งการบาดเจ็บในครั้งนั้นส่งผลให้เจ้าตัวพลาดการลงสนามไปเกือบ 3 เดือน ก่อนที่จะกลับมามีชื่อในทีมในช่วงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่ทว่าการกลับมาครั้งนี้เจ้าตัวก็ได้โอกาสลงสนามไปเพียง 2 นัด รวมเวลาทั้งสิ้น 140 นาที ก่อนที่จะได้รับบาดเจ็บหนักอีกครั้ง ในเกมที่ "ราชันชุดขาว" ออกไปพ่ายให้กับ เลบันเต้ 0-1 เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยครั้งนี้เจ้าตัวบาดเจ็บกระดูกข้อเท้าแตก ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการพักรักษาตัว โดยนับมาถึงตรงนี้ อาซาร์ พลาดการลงสนามให้กับ เรอัล มาดริด ในฤดูกาลนี้ไปแล้วทั้งสิ้น 20 นัด ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วเกิดจากอาการบาดเจ็บ ! การยิงประตู สืบเนื่องจากเหตุผลข้อด้านบนที่อาจเป็นส่วนสำคัญทำให้ อาซาร์ สามารถผลิตสกอร์ได้น้อยในฤดูกาลนี้ โดยในซีซั่น 2019-20 แข้งชาวเบลเยี่ยมเพิ่งมีโอกาสลงสนามในทุกรายการไปเพียง 15 นัด เป็นตัวจริงทั้งสิ้น 14 นัด สังหารประตูได้เพียงตุงเดียวเท่านั้น โดยเกิดขึ้นในเกมที่ เรอัล มาดริด เปิดบ้านถล่ม กรานาด้า 4-2 เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2018  ซึ่งส่วนนึงแน่นอนมันมาจากอาการบาดเจ็บ และความฟิตของเจ้าตัวที่ยังไม่ขึ้นไปแตะ 100% ได้เลย แต่อีกหนึ่งสิ่งคือการปรับตัวให้เข้ากับทีม และปรับจังหวะฟุตบอลให้เข้ากับลีกแดนกระทิงดุ เพราะมันกลายเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าตัวยังไม่สามารถทำได้ ทำให้เมื่อครั้งได้โอกาสลงสนาม อาซาร์ ยังคงไร้พิษสงในการคุกคามคู่ต่อสู้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่า อาซาร์ จะปรับตัว และปรับเปลี่ยนได้รวดเร็วขนาดไหน และเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้อีกเมื่อไหร่ สูญเสียความมั่นใจ แน่นอนว่าการโยกย้ายมาตามความฝันยัง เรอัล มาดริด เจ้าตัวต้องถูกแรงกดดันถาโถมเข้ามาใส่ตัวอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการถูกจับตามองว่าจะเป็นผู้เข้ามากอบกู้ และทดแทนการขาดหายไปของสตาร์คนเก่าอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และเมื่อเจ้าตัวยังไม่อาจรีดฟอร์มเก่งออกมาได้ บวกกับต้องมาพบเจอกับความบาดเจ็บอีก มันเหมือนเป็นแรงบวกคูณสอง ทำให้ความมั่นใจที่เคยมีสมัยค้าแข้งกับ เชลซี นั้นขาดหายไปแบบแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิมเลย เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเลยที่เรามักจะไม่ค่อยเห็นการลากเลื้อย หรือยิงประตูที่เฉียบคมจากปลายสตั๊ดของเขา เพราะความมั่นใจที่เคยมีมันได้หล่นหายไป และก็เป็นหน้าที่ของเขาเองที่จะเป็นคนตามหา เรียกบรรยากาศเก่าๆ กลับมาเพื่อเติมเต็ม และสร้างความมั่นใจให้ตนเองกลับมาเป็น "เดอะ แบก" คนเดิมให้ได้
logoline