logo-heading

สถานการณ์ของ เชลซี ในยุคของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เริ่มไม่แน่แล้วว่าในฤดูกาลหน้าจะคว้าโควต้าไปตะลุยในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้หรือไม่

เพราะทั้งฟอร์มและทรงบอลตอนนี้เห็นแล้วมันช่วงชวนให้รู้สึกปวดกบาลเหลือเกิน และวันนี้สิ่งที่ 'ขอบสนาม' อยากนำเสนอก็คือการพาทุกท่านไปเจาะลึกถึงปัญหาของ เชลซี ที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้กัน

มือยังไม่ถึง

จริงอยู่ที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ได้ชื่อว่าเป็นมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลก แต่เขายังคงเป็นมือใหม่สำหรับเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฐานะกุนซือ จะเรียกว่ามือยังไม่ถึงก็ได้นะ เพราะการรับมือกับเกมในรูปแบบต่างๆ แรกๆ ก็ดูไปได้ดี รักษามาตรฐานได้โอเคอยู่ แต่เรื่องของเกมรับกลับยังแก้ตรงจุดนี้ไม่หาย ตลอดจนการลงเล่นในเกมใหญ่ๆ เพราะถ้าย้อนไปดูจนถึงตอนนี้ เชลซี เจอกับทีม Top 6 มาแล้วทั้งหมด 8 เกม แต่เก็บชัยชนะได้แค่ 3 นัดเท่านั้น และแพ้ไปถึง 4 เกม มันแสดงให้เห็นว่าการวางแท็คติกในแต่ละนัดและกลยุทธ์ในการแก้เกมยังมีไม่มากนัก มันทำให้ศัตรูสามารถอ่านทางออกได้

นักเตะขาดสมาธิ

ที่ เชลซี ยังคงเกาะอยู่หัวตาราง พรีเมียร์ลีก ได้ตอนนี้ก็นับว่ามีดวงด้วยเหมือนกัน เพราะเหล่าบรรดาทีมที่ลุ้นพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ต่างก็นัดกันสะดุดทำแต้มหล่นกันอยู่บ่อยๆ และที่ เชลซี มันเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นเหมือนกันก็เป็นเพราะนักเตะไม่ค่อยมีสมาธิและขาดความนิ่งแบบเห็นได้ชัด หลายๆ เกมที่พวกเล่นได้ดีในฤดูกาลนี้ แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถรักษาผลการแข่งขันไว้ได้ อย่างเกมเจอ เชฟฯ ยูไนเต็ด นำก่อน แต่สุดท้ายจบ 2-2, เจอ แมนฯ ซิตี้ ก็นำก่อนแต่สุดท้ายแพ้ 1-2, เจอ ไบร์ทตัน ก็นำเขาก่อนสุดท้ายเจ๊า 1-1 และการเจอ อาร์เซน่อล, เลสเตอร์ ซิตี้ และ บอร์นมัธ ก็นำเขาก่อนแต่สุดท้ายจบ 2-2

ขาดนักเตะระดับเวิลด์คลาส

การโดนแบนจากตลาดซื้อขายนักเตะก็ถือเป็นปัญหาใหญ่ข้อหนึ่งเลยของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เพราะมันทำให้เขาไม่สามารถหาตัวแทนของ เอแด็น อาซาร์ ได้ ถ้าจะเถียงว่าก็ได้ คริสเตียน พูลิซิช มาแล้วไง ? แต่นั่นก็ยังไม่นับว่าเป็นนักเตะระดับเวิลด์คลาส จริงอยู่ที่ 'ซูเปอร์แฟร้งค์' ปั้นนักเตะดาวรุ่งขึ้นมาได้ดีพวก แทมมี่ อบราฮัม, เมสัน เมาท์ และ ฟิกาโย่ โทโมรี่ แต่สิ่งที่จำเป็นที่สุดอย่างหนึ่งที่ทีมใหญ่ๆ ต้องมีก็คือนักเตะระดับเวิลด์คลาสไม่ว่าจะในตำแหน่งก็ตามมันต้องมี เพราะนักเตะประเภทนี้สามารถหวังผลได้ทั้งหมด

เกมรับ

ใครที่เป็นแฟนบอล เชลซี ในช่วงราวๆ 10-20 ปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เป็นจุดแข็งมากที่สุดของพวกเขาก็คือเกมรับที่แข็งแกร่ง และมีค่าเฉลี่ยการเสียประตูที่น้อยมากๆ ต่อ 1 ซีซั่น แต่ปัจจุบันถ้านับแค่ พรีเมียร์ลีก ลงเล่นไป 28 นัดแต่เสียไปแล้ว 39 ประตู จะโทษว่านักเตะในแผงแนวรับไม่เวิร์คอันนี้มันก็ถูก เพราะแต่ละตัวเห็นแล้วปวดหัวจริงๆ อันเดรียส คริสเตนเซ่น ก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ที่ว่ากันว่าเป็นเซ็นเตอร์แบ็กที่ดีที่สุดตอนนี้ก็เจ็บไปนานเพิ่งจะกลับมา ส่วน เคิร์ท ซูม่า นี่ไม่ต้องสาธยายถึงความเห่ย พลาดแล้วพลาดอีก ช้าก็ช้า ดูเหม่อๆ แต่ แลมพาร์ด ก็ยังทนใช้มาได้ตั้งนานช่วงต้นซีซั่น ส่วนฟูลแบ็กก็มีแต่พวกเติมเกมบุกจ๋าๆ แต่ยามช่วยเกมรับหวังผลไม่ได้จริงๆ หลุดตำแหน่งบ้าง ลงมาไม่ทันบ้าง มันกลายเป็นว่าตอนนี้จุดเด่นของ เชลซี ในยุค แลมพาร์ด คือเกมรุก สร้างสรรค์โอกาสได้ดี แต่ก็ไม่เด่นที่สุดเพราะยังคงเจอกับปัญหาด้านการปิดสกอร์

มนต์ขลังที่ เดอะ บริดจ์

ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา สแตมฟอร์ด บริดจ์ ถือว่าเป็นสังเวียนที่ขลังมากๆ ของ เชลซี และก็เป็นนรกสำหรับผู้มาเยือนทุกทีม ใครมาที่นี่แทบต้องสยบแทบเท้าทุกครั้ง ไม่ว่า ณ ช่วงเวลานั้นพลพรรค 'สิงโตน้ำเงินคราม' จะฟอร์มดีหรือไม่ แต่พวกเขาก็มักเก็บผลที่ต้องการได้เสมอๆ และแทบจะไม่เจอกับความปราชัยเลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับยุคของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด มันเริ่มจะกลายเป็นรีสอร์ทและสปาไปแล้ว เพราะ ณ ตอนนี้ เชลซี แพ้คาบ้านไปแล้ว 8 นัดซึ่งเป็นสถิติที่แย่ที่สุดในรอบ 34 ปี และในยุค 'เสี่ยหมี' โรมัน อบราโมวิช ก็ไม่คอยพ่ายเท่านี้มาก่อน แล้วอย่าลืมนะว่าการแข่งขันมันยังเหลืออีกหลายนัด มันมีโอกาสที่สถิติอันไม่น่าจดจำนี้จะบวกเพิ่มขึ้นไปอีก

จับ ก็องเต้ ไปเล่นตำแหน่งเดิม

ตัวอย่างดีๆ ก็มีให้เห็นแล้วกับ เชลซี ในยุคของ เมาริซิโอ ซาร์รี่ กับสไตล์กรเล่นแนว 'ซาร์รี่บอล' เพราะมันไม่มีความเข้ารูปเข้ารอยเลยแม้แต่นิดเดียวจนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย โดยเฉพาะเรื่องบทบาทของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ และ จอร์จินโญ่ ซึ่ง แลมพาร์ด อาจจะไม่ได้อยากยึดระบบของ ซาร์รี่ หรอก แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบสไตล์จ่ายบอลออกข้างก็เลยทำให้ ก็องเต้ ไปยืนแนวริมเส้น และพยายามจะให้มีส่วนร่วมกับเกมรุกมากขึ่นด้วย โดยปล่อยให้ จอร์จินโญ่ เป็นคุมจังหวะตรงกลาง แต่นั่นมันดูเป็นเรื่องที่ผิดธรรมชาติของ ก็องเต้ หลายๆ คนรู้ดีว่าไอ้หมอนี่เป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในโลก บทบาทของเขาควรจะได้เป็นตัวดักตัวตัดเกมและทำลายเกมของคู่แข่งซึ่งมันพิสูจน์ตัวเองมาแล้วกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ยุคสร้างตำนานนิยายจิ้งจอก, เชลซี ยุคของ อันโตนิโอ คอนเต้ และ ฝรั่งเศส ชุดคว้าแชมป์โลก ถ้าเกิดคืนตำแหน่งนี้ให้ ก็องเต้ เชื่อว่ารูปทรงเกมรับของ เชลซี คงดูดีขึ้นกว่าตอนนี้
logoline