ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงที่ย่ำแย่สุดๆ ของสาวก "ไก่เดือยทอง" เลยก็ว่าได้ เพราะเพิ่งจะกระเด็นตกรอบ 5 เอฟเอ คัพ ทำให้ไม่ชนะใครมาแล้ว 4 นัดติด ส่วน แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายเลกแรกก็ดันพ่าย ไลป์ซิก คาบ้านไปก่อน 1-0 ต้องลุ้นหนักในเลก 2 ขณะที่ในลีกก็แต้มตามหลัง เชลซี อันดับ 4 อยู่ถึง 5 แต้ม
จะว่าไปนับตั้งแต่ สเปอร์ส ได้ มูรินโญ่ มาคุมทีม ช่วงแรกๆ ก็เหมือนจะดีนะ แต่ทำไมอยู่ไปอยู่มายิ่งสาละวันเตี้ยลง มันเกิดอะไรพังๆ ขึ้นบ้าง แล้วมันใช่ความผิดของ น้ามู ฝ่ายเดียวหรือไม่ วันนี้เราไปดูไทม์ไลน์ความพังของ น้องไก่ นับตั้งแต่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทีมกันหน่อยว่ามีอะไรบ้าง (ย้ำนะครับว่าเอาแค่เรื่องพังๆ!)พฤศจิกายน 2019
20 พ.ย. โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามารับงานคุมทัพ "ไก่เดือยทอง" แทนที่ของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่เพิ่งถูกเด้งพ้นเก้าอี้ไปหมาดๆ และถือเป็นกุนซือที่มีดีกรีดีที่สุดคนนึงในประวัติศาสตร์สโมสรเลยก็ว่าได้ พร้อมรับค่าจ้างมหาศาล 15 ล้านปอนด์ต่อปี มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองแค่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เท่านั้น โดยมีเป้าหมายยกระดับ สเปอร์ส ที่กำลังจมดิ่งอยู่ช่วงครึ่งล่างของตารางกลับมามีลุ้นพื้นที่ท้อปโฟร์อีกครั้ง ซึ่งทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้สวย น้ามู พา สเปอร์ส เก็บชัย 3 นัดซ้อน ตลอดเดือนพฤศจิกายน แบ่งเป็น พรีเมียร์ลีก 2 นัด และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 นัด ทว่าพอเข้าเดือนธันวาคมเท่านั้นแหละ ความพ่ายแพ้นัดแรกของ มูรินโญ่ ในการคุม น้องไก่ ก็มาเยือนจนได้ธันวาคม 2019
สเปอร์ส ต้องเปิดซิงเกมแรกในเดือนสุดท้ายของปีด้วยการบุกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมเก่าของ น้ามู ถึง โอลด์ แทรฟฟอร์ด แต่ "ปีศาจแดง" ตอนนั้นก็ผีเข้าผีออก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเหี้ยห่าอะไรไม่รู้ ฉะนั้น น้ามู ไม่มีกลัวอยู่แล้ว แถมน่าจะแอบพกความแค้นที่สุมลึกอยู่ในอกมาด้วย เนื่องจากโดน ผีแดง เขี่ยพ้นเก้าอี้ไปจะครบปีพอดี ทว่าสุดท้ายแล้วก็เป็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่พาทัพ "ปีศาจแดง" เก็บสามคะแนนไปได้สำเร็จ ด้วยสกอร์ 2-1 ประตู ยัดเยียดความพ่ายแพ้นัดแรกในการคุมทีม สเปอร์ส ให้ มูรินโญ่ ได้เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งหลังจากนั้นก็เหมือนทองจะเริ่มลอก 6 นัดถัดมาหลังแพ้ แมนฯ ยู "น้ามู" พา สเปอร์ส เก็บชัยได้ 3 นัด เสมอ 1 แพ้ 2 รวมผลงานตลอดเดือนธันวาคม 7 นัด ชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 3 ซึ่งแม้อันดับตารางคะแนนจะกระเตื้องขึ้นมาอยู่ท่อนบนของตาราง แต่มันก็ยังไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ กับการที่บอร์ดบริหารอุตส่าห์ทุ่มทุนเอา น้ามู มาคุมทีมมกราคม 2020
ขึ้นศักราชใหม่ ก็ถือเป็นโอกาสดีที่ น้ามู จะปลุกเร้าเหล่าแข้งดังให้กลับมาคืนฟอร์มเก่งกันอีกครั้ง ทว่าพวกเขากลับเปิดฉากปีใหม่ได้ไม่ดีเอาเสียเลย บุกไปพ่าย เซาธ์แฮมป์ตัน ต่อด้วย ลิเวอร์พูล ที่สกอร์เดียวกันคือ 1-0 จากนั้นก็ยังมาเสมอ วัตฟอร์ด อีก ทำให้รวมจากปีที่แล้ว น้ามู หาชัยในลีกไม่ได้มา 4 นัดติดเข้าไปแล้ว นอกจากเรื่องฟอร์มการเล่นในสนามแล้ว มูิรินโญ่ ก็ยังมีเรื่องนอกสนามให้ปวดสมองด้วย นั่นคือการที่ คริสเตียน อีริคเซ่น เพลย์เมกเกอร์คนสำคัญแสดงเจตนารมย์ชัดเจนว่าไม่ต้องการต่อสัญญาฉบับใหม่ จนถูก น้ามู ดรอปเป็นตัวสำรองถาวร ซึ่งสุดท้ายเมื่อนักเตะไร้ใจ ก็คงต้องปล่อยไป และแล้ว อีริคเซ่น ก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน ทิ้งช่องโหว่รูเบ้อเริ่มในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกไว้ให้ น้ามู ต้องหาทางแก้ แต่ตลาดนักเตะก็ใกล้ปิดตัวลงเต็มที สุดท้ายก็ต้องยอมทุ่มเงินก้อนโตคว้าตัว เจดสัน แฟร์นันเดส มาร่วมทีมก่อนตลาดจะวาย ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่ได้โชว์ฟอร์มอะไรให้น่าประทับใจเท่าไหร่นัก ไอ้ 2 เรื่องที่ว่า หากคุณคิดว่าหนักแล้ว คุณคิดผิดครับ!! เพราะเรื่องที่หนักหนาและบัดซบกว่าคือการที่ กองหน้าตัวหลักคนสำคัญหัวใจของทีมอย่าง แฮร์รี่ เคน มีอันต้องเจ็บหนักพักยาวตั้งแต่ต้นปี เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ ถือเป็นส่วนสำคัญยิ่งที่ทำให้ฟอร์มของ สเปอร์ส สาละวันเตี้ยลง แถมพวกเขาก็ไม่ได้ซื้อกองหน้าตัวเป้าเข้ามาใหม่ด้วย ทั้งที่มีเวลาอยู่เกือบเดือนกุมภาพันธ์ 2020
เข้าเดือนแห่งความรัก สาวก "ไก่เดือยทอง" กลับมาตีปีกผงาดปังๆ ได้อีกครั้ง เพราะประเดิมเริ่มเดือนได้สวยงาม เปิดบ้านอัดแชมป์เก่า แมนฯ ซิตี้ 2-0 ต่อด้วยชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-2 ทะยานเข้าสู่รอบ 5 ของศึก เอฟเอ คัพ อังกฤษ ได้สำเร็จ ทว่าหลังกลับจากพักเบรกหนีหนาวไป 10 วัน ฟอร์มก็เริ่มฝืดอีกครั้ง เริ่มจากเกือบสะดุดเสมอ แอสตัน วิลล่า โชคดีที่มาได้ ซน เฮือง-มิน เป็นฮีโร่ยิงประตูชัยในช่วงทดเจ็บช่วยให้ ไก่ ชนะไปหวุดหวิด 3-2 ประตู แต่ไอความมั่นใจที่กำลังจะกลับมาหลังชนะรวด 3 เกมในเดือนกุมภาพันธ์ ก็ถูกทำลายลงดื้อๆ เริ่มจากการที่ตัวความหวังอย่าง ซน เฮือง-มิน ดันมาได้รับบาดเจ็บหนัก ต้องพักยาวตาม แฮร์รี่ เคน ไปอีกคน ความชิพหายก็เริ่มเข้ามาเยือนอีกครั้งทันที เพราะพี่แกไม่เหลือกองหน้าอาชีพแท้ๆ ให้ใช้งานเลยสักคน ต้องดัน สตีเว่น เบิร์กไวน์ กับ ลูคัส มูร่า มาเล่นแทน ซึ่งจริงๆ ทั้งคู่มันคือปีก ส่วนเด็กดาวรุ่งวัยแค่ 18 ขวบอย่าง ทรอยน์ แพร์ร็อท ก็ยังไม่ได้รับโอกาสจาก มูรินโญ่ หลังขาดทั้ง แฮร์รี่ เคน และ ซน เฮือง-มิน ไปพร้อมกัน สเปอร์ส ก็พบกับความปราชัยอีกครั้ง พวกเขาเปิดบ้านพ่ายให้ ไลป์ซิก ไป 1-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เลกแรก มีโอกาสร่วงตกรอบค่อนข้้างสูง จากนั้นก็แพ้ในลีก 2 นัดติดให้กับ เชลซี และ วูล์ฟแฮมป์ตัน เท่านั้นไม่พอล่าสุดก็ร่วงตกรอบ 5 เอฟเอ คัพ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังแพ้การดวลจุดโทษต่อ นอริช หลังเสมอกันในเวลา 120 นาที 1-1 ประตูและทั้งหมดนี้คือความพังและความซวยของ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ นับตั้งแต่ โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทีม ต่อจากนี้ไปก็ไม่รู้ว่า น้ามู จะปลุก น้องไก่ ให้กลับมากระต๊ากได้อีกครั้งหรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป
ชิน ชินพัฒน์