logo-heading

เป็นที่ฮือฮาเหมือนกัน ที่ ลิเวอร์พูล ไปคว้าตัวไอ้หนุ่มจากแดนปลาดิบ อย่าง ทาคุมิ มินามิโนะ แนวรุกตัวเก่งจาก เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ด้วยค่าตัวแค่ราวๆ 7 ล้านปอนด์ เท่านั้น เมื่อตลาดหน้าหนาว

แน่นอน คุมิซัง มาพร้อมกับความคาดหวังเหมือนกัน เพราะด้วยฟอร์มที่เขาเคยแสดงให้เห็นตอนเจอ "หงส์แดง" ครั้งดวลกันในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มันต้องตาโดนใจเหลือเกิน

แต่ทว่านับตั้งแต่ปิดตลาดหน้าหนาว ชื่อของ มินามิโนะ เริ่มจางหายลงไป ไม่ได้เปรี้ยงปร้างแบบที่แฟนบอลอยากเห็น ยังทำประตูไม่ได้ แอสซิสต์ก็ยังไม่มี สาเหตุเป็นเพราะอะไรทำไมแนวรุกชาวอาทิศอุทัย ถึงยังไม่ฉายแสงออกมาได้

- ได้ลงสนามน้อยเกินไป

เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล หล่นวาทะไว้เองว่า การเสริม มินามิโนะ เข้ามานั้น คือการวางระบบทีมระยะยาว ไม่ได้หวังที่จะต้องมาเปรี้ยงปร้างยกระดับทีมทันที และ แน่นอนการเก็บข้าวของเข้ารั้วแอนฟิลด์ กลางฤดูกาล ที่กำลังเป็นว่าที่แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แบบนี้ เป็นอะไรที่สอดแทรกยึดตัวจริงยากเหลือเกิน นอกจากจะต้องปรับตัวสไตล์การเล่นให้เข้ากับ "หงส์แดง", ให้เข้ากับความดุเดือดเลือดพล่านบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แล้วนั้น ครั้นจะไปเบียด 3 ประสานกองหน้า อย่าง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นับว่ายากยิ่งหนัก หากวิทยายุทธยังไม่กล้าแกร่งพอ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ มินามิโนะ ต้องนั่งข้างสนาม มากกว่าได้ลงเล่น เขาได้โอกาสสัมผัสเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพียงแค่ 3 นัด และ เป็นตัวสำรองทั้งหมด รวมกันแค่ 77 นาที นั่นทำให้การจูนให้เข้ากับเพื่อนร่วมทีมเป็นอะไรที่ยากมาก จะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงก็แค่ เอฟเอ คัพ ซึ่งส่วนใหญ่รายการนี้ ก็เป็นสำรองเกือบทั้งทีม

- เพื่อนร่วมทีมไม่ค่อยส่งบอล

น่าสงสารเหมือนกันนะครับ หากใครได้ดูเวลาที่ มินามิโนะ มีโอกาสลงสนาม เห็นได้ชัดว่า หนุ่มเลือดญี่ปุ่น วัย 25 ปี เล่นบอลง่าย, ออกบอลง่าย, วิ่งหาช่อง และ ขยันวิ่งไล่ นับเป็นนักเตะที่เล่นเพื่อทีม ไม่ต้องโชว์เทคนิคหวือหวาอะไรมากมาย แต่ปัญหาที่มันทำให้เขาไม่แจ้งเกิด ต่อให้ลงเล่นเป็นตัวจริง นั่นก็คือเพื่อนไม่ยอมจ่ายบอล ! อย่างเกมที่ ลิเวอร์พูล แพ้ เชลซี 0-2 ตกรอบ เอฟเอ คัพ มินามิโนะ วิ่งหาช่อง มีพื้นที่ว่าง และ โบกไม้ผายมือตะโกนขอบอลอยู่ตั้งนาน หากมีพลุสีบอกตำแหน่ง คงจุดให้เห็นไปแล้ว แต่เพื่อนก็ไม่ยอมส่งให้เลย โดยเฉพาะ เนโก้ วิลเลี่ยมส์ แบ็กขวาดาวรุ่ง ถึงขั้นที่ "เดอะ นอร์มอล วัน" ออกมาติงว่า ควรมอง มินามิโนะ บ้าง เพราะอาจจะแผลงฤทธิ์ได้มากกว่านี้ ซึ่งมันอาจเป็นเรื่องของความไว้เนื้อเชื่อใจ เพราะ มินามิโนะ ก็เพิ่งย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ไม่นาน และ เมื่อบอลมาไม่ถึงเขา การจะฉายแสงมันก็เป็นอะไรที่ยากเหลือเกิน ฉะนั้นเรื่องนี้คือการบ้านของ มินามิโนะ อีกอย่าง ว่าจะต้องพิสูจน์ตัวเองอย่างไร ให้เพื่อนร่วมทีมไว้เนื้อเชื่อใจ

- เรื่องภาษา

ย้อนกลับไปช่วงที่ มินามิโนะ ย้ายจากญี่ปุ่น ไปผจญภัยในลีกออสเตรีย กับ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก เขาต้องเรียนภาษาเยอรมัน หนักมาก และ ปรับตัวการใช้ชีวิตใหม่หมด ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องอาหารการกิน ทำให้ฤดูกาลแรกเป็นเหมือนการปรับตัว เพราะการสื่อสารคือปัญหาสำคัญ แต่พอหลังจากลงหลักปักฐานได้แล้ว เขาก็สามารถฉายแววอย่างที่เห็น เช่นเดียวกัน เมื่อดาวเตะรายนี้ ต้องย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เขาเองก็ต้องปรับตัวใหม่ทั้งหมด หนึ่งในนั้นคือ ภาษาอังกฤษ เป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อสปีคกับเพื่อนๆยามลงสนาม ต่อให้ ลิเวอร์พูล จะมีคนพูดภาษาด๊อยช์ อย่าง คล็อปป์, นาบี เกอิต้า และ ซาดิโอ มาเน่ ก็ตาม บางที ที่เพื่อนๆ หรือ น้องๆ ไม่ค่อยส่งบอลให้ มินามิโนะ เวลาหาช่องว่างได้แล้ว ก็อาจจะมีสาเหตุมาจากเรื่องภาษาเช่นกัน ฉะนั้นการเรียน และ การศึกษาคำศัพท์เฉพาะยามบุก ยามตั้งรับ เป็นสิ่งที่เขาต้องพัฒนาให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

- เล่นตำแหน่งที่ไม่ถนัด

จริงอยู่ที่ มินามิโนะ มีความสามารถหลากหลาย เล่นได้หลายตำแหน่งในแผงแนวรุก แต่ระบบที่ดูจะเข้ากับเขามากที่สุด ก็คือตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ หรือ หน้าต่ำ เรียกว่าเฉิดฉายมาก ยามเล่นกับ ซัลซ์บวร์ก และ เป็นตำแหน่งที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ยอมจ่ายเงินเพื่อดึงตัวมาเสริมทัพ แต่ทว่าแผนการเล่นของ ซัลว์บวร์ก กับ ลิเวอร์พูล ต่างกันสิ้นเชิง เพราะระบบที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ค้นพบก็คือ 4-3-3 โอกาสที่ มินามิโนะ จะได้ไปเล่นตำแหน่งหน้าต่ำนั้นยากเหลือเกิน โดยส่วนใหญ่ที่ คล็อปป์ จัดให้ลงสนามนั้น คือตำแหน่งเดียวกับ ฟีร์มิโน่ คือเป็นหน้าเป้าแบบ ฟอลส์ ไนน์ และ มีการสลับขยับถ่างออกไปทางขวาบ้าง ต่อให้ มินามิโนะ สามารถเล่นได้ แต่ก็ต้องปรับตัวกับตำแหน่งนี้มาก เพราะการเป็นหน้าเป้าแบบ ฟอลส์ ไนน์ มันไม่ได้มีอิสระเกมรุก เหมือนกับ เพลย์เมกเกอร์มากนัก และ ต้องปะทะกับเซ็นเตอร์แบ็กคู่แข่งโดยตรง ฉะนั้นก็ต้องเห็นใจ มินามิโนะ ตรงนี้เช่นกัน แต่เชื่อว่าพอเวลาผ่านไป ให้โอกาสเขาได้พัฒนาและปรับตัว ทุกอย่างมันจะดีขึ้นกว่าเดิม
logoline