logo-heading

ลิเวอร์พูล ว่าที่แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นี่คือคำไม่ได้ยกยอจนเกินไปเลยครับ เพราะต่อให้ฤดูกาลเหลือถึง 9 นัด แต่ "หงส์แดง" ยุค เจอร์เก้น คล็อปป์ ฟอร์มร้อนแรงเกินห้ามใจ มีแต้มนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองจ่าฝูง ถึง 25 คะแนน แม้จะแข่งมากกว่า 1 นัด

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล เหมือนต้องคำสาปในการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่รอคอยมานานถึง 30 ปี เพราะซีซั่นนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนสักอย่าง จากสถานการณ์โลก ที่เชื้อร้าย "โควิด-19" ระบาดไปทั่วทุกแห่งหน จนล่าสุดการแข่งขันต้องเลื่อนออกไป 3 สัปดาห์

การเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของ ลิเวอร์พูล มีเรื่องให้พูดถึงอยู่ตลอด และ มันเป็นเช่นนั้นเสมอ เพราะฤดูกาลที่พวกเขากำลังจะได้แชมป์ มันจะต้องมีเหตุการณ์น่าจดจำเสมอ และ เรื่องราวต่อจากนี้เหมือนเป็นคำสาปที่ทำให้ "หงส์แดง" ได้แค่เฉียด และ ต้องนั่งเช็ดน้ำตากับความผิดหวัง

ซีซั่น 1996-97

เชื่อว่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล ยุคเก๋า ต้องจำเหตุการณ์นี้ได้บ้าง ถ้าหากปัดฝุ่นความทรงจำกันเล็กน้อย โดยฤดูกาล 1996-97 เรียกว่า ลิเวอร์พูล ควบคู่เบียดแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อเข้าถึงช่วงนัดที่ 32 ขอแค่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านชนะ โคเวนทรี ซิตี้ ที่กำลังหนีตาย จะขึ้นนำเป็นจ่าฝูงทันที เพราะ "ปีศาจแดง" เล่นชิงพ่ายให้กับ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ไปก่อนแล้ว 2-3 แต่ไม่รู้ไปทำอีท่าไหน ลิเวอร์พูล ดันทะลึ่งแพ้คาบ้านต่อ โคเวนทรี 1-2 และ นั่นคือจุดเปลี่ยนทันที โดยฟอร์มเป๋ยาวๆ ทั้งเสมอ เอฟเวอร์ตัน, ปราชัย "ปีศาจแดง", แพ้ วิมเบิลดัน และ จบซีซั่นด้วยการเจ๊า เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ จากจะมีโอกาสคว้าแชมป์ในอีก 6 นัดที่เหลือ กลายเป็นร่วงมาจบอันดับ 4 ในซีซั่น 1996-97 โดนทั้ง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล แซงขึ้นมา เป็นความผิดหวังครั้งแรก ที่ใกล้เฉียดกับคำว่าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 

ซีซั่น 2001-02

ตั้งแต่เปลี่ยนชื่อ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นั้น ลิเวอร์พูล ก็อยู่ภายใต้อาณัติของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาโดยตลอด ไม่เคยจบซีซั่นที่มีอันดับดีกว่า "ปีศาจแดง" ได้เลย แต่กระนั้นฤดูกาล 2001-02 ยุคที่ หงส์แดง กำลังก๋ากั่น หลังจากเพิ่งคว้าทริปเปิ้ลแชมป์เมื่อฤดูกาลก่อน โดยมี เบบี้ โกล ไมเคิ่ล โอเว่น เป็นผู้นำทัพ ฤดูกาลนั้น ลิเวอร์พูล ทำได้สำเร็จครับ กับการทำคะแนนให้เหนือกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคที่ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีม แต่การจบซีซั่นอันดับเหนือกว่า ไม่ได้หมายความจะลงเอยด้วยการเป็นแชมป์ลีก เพราะถึงแม้ "หงส์แดง" จะมีแต้มมากกว่า "ปีศาจแดง" แต่ อาร์เซน่อล คือก้างขวางคอที่แท้ทรู เนื่องด้วย "ไอ้ปืนใหญ่" กลายเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนั้นเก็บไป 87 คะแนน ส่วน ลิเวอร์พูล ต้องซดแห้ว เป็นได้แค่พระรอง โดยมีแต้มเป็นรองถึง 8 คะแนน

ซีซั่น 2008-09

สมัย ราฟาเอล เบนิเตซ กุมบังเหียน นับเป็นหนึ่งในยุคที่ดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล ภายใต้เวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เลยก็ว่าได้ เพราะก่อนหน้านี้ก็พาทีมเป็นแชมป์ยุโรปสมัย 6 ต่อยอดเป็นแชมป์ เอฟเอ คัพ มีผู้เล่นชั้นนำมากมายทั้ง เฟร์นานโด ตอร์เรส, สตีเว่น เจอราร์ด หรือ ชาบี อลอนโซ่ เป็นต้น ฤดูกาล 2009-10 คือปีที่ ลิเวอร์พูล กลับมาใกล้เคียงกับคำว่า "แชมป์พรีเมียร์ลีก" อีกครั้ง เป็นยุคที่สามารถเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้แบบทั้งไปและกลับ โดยเฉพาะการบุกไปยิงถึงถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 4-1 แต่สมัยนั้น หงส์แดง ยังคงคอนเซ็ปต์ ปล้นแต้มทีมใหญ่ แจกแต้มทีมเล็ก ทำผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ ต่อให้แพ้แค่ 2 นัด แต่หลุดเสมอไปถึง 11 เกม อาทิ เกมบุกไปเสมอ วีแกน แอธเลติค 1-1 อย่างไม่น่าให้อภัย ซึ่งมันคือหนึ่งในเกมที่ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด แซงพวกเขาเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยการเก็บ 90 คะแนน ส่วน หงส์แดง ได้ 86 แต้ม เป็นรองแชมป์ที่มีแต้มเยอะที่สุดในยุคนั้น

ซีซั่น 2013-14

ภาพจำตอนที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ร้องไห้แบบไม่อายใคร จับกลุ่มตะโกนปลุกเร้าเพื่อนๆให้เดินกอดคอกัน ไปให้ถึงฝั่งฝันแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังเกมที่เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่แข่งแย่งแชมป์ลีก มาได้ เหลืออีกเพียงแค่ไม่กี่นัด "หงส์แดง" จะนำโทรฟี่นี้ มาประดับที่แอนฟิลด์ได้ทันที 3 นัดสุดท้ายของฤดูกาล ขอแค่ชนะทุกนัด หรือ หลุดเสมอได้ 1 เกม โดยมีข้อแม้ว่าห้ามแพ้ "หงส์แดง" จะเป็นแชมป์ทันที ซึ่งเหลือเกมยากเพียงแค่เกมเดียว คือการเปิดบ้านเจอกับ เชลซี ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นที่ โชเซ่ มูรินโญ่ จัดตัวสำรอง ลงแทบทุกตำแหน่ง เพราะพักตัวหลักไว้ฟาดแข้ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่แล้วคนที่ทำความฝัน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้พังทลายลง คือ "สตีวี่ จี" เอง จากเหตุการณ์ "ลื่นบันลือโลก" ถูก เดมบ้า บา ฉกไปยิงและแพ้ 0-2 เกมต่อมา นำ คริสตัล พาเลซ 3-0 กลับโดนตีเสมอ 3-3 .. เล่นเอา หลุยส์ ซัวเรซ ปล่อยโฮทันที เพราะนั่นหมายความว่าแชมป์ลีกได้หลุดลอยไปแล้ว และ ก็จบซีซั่นเป็นพระรองให้กับ แมนฯ ซิตี้

ซีซั่น 2018-2019

ย้อนกลับไปฤดูกาลก่อน สาวก "หงส์แดง" มีความหวังมากกว่าครั้งไหนๆ เพราะทำผลงานได้อย่างสุดติ่งกระดิ่งแมว ถึงขั้นเคยทำคะแนนทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่าถึง 10 คะแนน ขอแค่ไม่ทำพลาดเอง ความหวังการเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่รอคอยจะจบลง แต่แล้วช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ คือ 2 เดือนบรรลัยสำหรับ "หงส์แดง" เพราะหลุดเสมอไปถึง 4 เกม และ มีแพ้ 1 เกม ซึ่งนั่นคือการแพ้ให้กับ "เรือใบสีฟ้า" 1-2 โดยมีเหตุการณ์ที่ จอห์น สโตนส์ กองหลัง แมนฯ ซิตี้ สกัดบอลก่อนข้ามเส้นเพียงแค่ 11 มิลลิเมตร เท่านั้น  จากนั้น หงส์แดง ก็ต้องมาไล่ตาม แมนฯ ซิตี้ โดยขอแค่แช่งให้คู่แข่งสะดุดเสมอหรือแพ้แค่นั้น แต่สุดท้าย "เรือใบสีฟ้า" ก็ไม่พลาดเลย จบป้ายคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปล่อยให้ ลิเวอร์พูล สร้างประวัติศาสตร์เป็นรองแชมป์ที่มีคะแนนเยอะสุด 97 แต้ม อีกครั้ง  
logoline