ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเตะระดับตำนานแน่นอนว่าแฟนบอลส่วนใหญ่คงจดจำพวกเขาเหล่านี้จากโมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่หรือไม่ก็สร้างปรากฏการณ์อันมหัศจรรย์เอาไว้
แต่เมื่อเราขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ชีวิตคนเรามันก็ต้องมีขึ้นมีลงกันบ้างปะปนกันไป และเหล่าบรรดานักเตะระดับ เลเจนท์ ทั้งหลายต่างก็มีช่วงเวลาที่แย่เหมือนกันทุกคน วันนี้สิ่งที่
'ขอบสนาม' ขอนำเสนอก็คือ
'6 นักเตะระดับตำนาน กับ ฤดูกาลที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิตของพวกเขา'
เดนนิส เบิร์กแคมป์ - 1994-95
หลายคนอาจจดจำชื่อของ เดนนิส เบิร์กแคมป์ ว่าเป็นสุดยอดตำนานของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม, อาร์เซน่อล และ ทีมชาติฮอลแลนด์ แต่หารู้ไม่ว่าในช่วงระหว่างเส้นทางค้าแข้ง มันก็มีช่วงที่เขาตกอับเหมือนกับคนอื่นๆ นั่นแหละ มันเกิดขึ้นเมื่อสมัยย้ายไปเล่นใน อินเตอร์ มิลาน ช่วงปี 1993-95 ปัญหาหลักๆ คือเขาไม่สามารถเข้าหาเพื่อนร่วมทีมได้ สื่อสารกันไม่เข้าใจ มันมีความห่างในระยะความสัมพันธ์กับคนในทีมเกินไปหน่อยก็เลยส่งต่อผลงานในสนาม จริงๆ ตอนแรกมันดูเหมือนจะดีที่ฤดูกาลแรกพี่แกเล่นกดไป 18 ประตูจากการลงสนาม 48 เกม แต่ส่วนใหญ่มันเกิดขึ้นในรายการ ยูฟ่า คัพ มากกว่า และปีนั้นพลพรรค 'เนรัซซูรี่' เป็นแชมป์รายการนี้ด้วย แต่พอมาถึงซีซั่นถัดมาหรือปี 1994-95 เบิร์กแคมป์ ยังไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้มันก็เลยทำให้สถานะของพี่แกส่วนใหญ่ต้องตกเป็นแค่ส่วนเกินในยุคของ มัสซิโม โมรัตติ และยิงไปแค่ 4 ประตูเท่านั้นจากการลงสนาม 26 เกมก่อนท้ายที่สุดจะย้ายไปเค้นฟอร์มเก่งกับ อาร์เซน่อล ในปีต่อมา
อลัน เชียเรอร์ - 1997-98
ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดกองหน้าในหน้าประวัติศาสตร์วงการลูกหนังอังกฤษ แน่นอนว่าหลายคนคงจดจำภาพการระเบิดตาข่ายเป็นว่าเล่นของเจ้าของฉายา 'เดอะ ฮอตชอต' อย่างไรก็ตามสมัยอยู่กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 1997-98 มันถือเป็นช่วงขาลงของ อลัน เชียเรอร์ จริงๆ เพราะช่วงครึ่งฤดูกาลแรกน้าแกต้องเจอปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานอย่างหนัก และปีนั้นได้ลงเล่นไปแค่ 17 เกม และยิงได้แค่ 2 ประตูเท่านั้นในเกม พรีเมียร์ลีก ขนาด ราม่อน เวก้า และ วาร์เรน บาร์ตัน ที่เป็นกองหลังในเวลานั้นยิงประตูได้มากกว่าเจ้าตัวเลย
ซีเนดีน ซีดาน - 1999-2000
ถ้าพูดถึง ซีเนดีน ซีดาน ใครๆ ก็รู้ว่าเขาคือ เพอร์เฟค แมน ไม่ว่าจะเป็นสมัยนักเตะหรือแม้กระทั่งตอนเป็นผู้จัดการทีมแล้ว เรื่องของถ้วยแชมป์รายการสำคัญๆ นี่มีประดับติดตัวไว้มากมาย แต่ชีวิตคนเรามันก็ไม่มีอะไรราบรื่นไปตลอดหรอก ยิ่งเป็นนักฟุตบอลต่อให้คุณโชว์ฟอร์มได้ดีขนาดไหนมันก็ต้องช่วงเวลาที่เรานั้นต้องขาลงกันบ้าง โดย ซีเนดีน ซีดาน ช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดสำหรับเขาตอนเป็นนักเตะคงเกิดขึ้นเมื่อฤดูกาล 1999-2000 สมัยอยู่กับ ยูเวนตุส เพราะน้าแกทำได้แค่แอสซิสต์เดียว และยิงไปแค่ 4 ประตูซึ่งมันเท่ห์หน่อยตรงดี 3 จาก 4 ประตูที่ยิงได้นั้นมาจากลูกฟรีคิก และที่พีคยิ่งกว่าคือในฤดูกาลนั้นประตูที่ ซีดาน ยิงได้จากจังหวะ โอเพ่น เพลย์ มันเท่ากับจำนวนใบแดงและการทำเข้าประตูตัวเองรวมกันเลยทีเดียว
ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ - 1999-2000
ในฤดูกาลเดียวกับ ซีเนดีน ซีดาน ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ขาลง เพราะทางฝั่ง โรม่า โคตรตำนาน 'เจ้าชายหมาป่า' ฟรานเชสโก้ ต๊อตติ ก็ดวงตกไม่แพ้กัน เพราะปีนั้นต้นสังดัด 'หมาป่าแห่งกรุงโรม' ทำได้แค่จบอันดับ 6 ของตาราง ขณะที่ผลงานส่วนตัวเองก็ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ เพราะในฤดูกาลนั้น ต๊อตติ ได้ลงเล่นไป 27 เกม แต่ยิงได้แค่ 7 ประตูเท่านั้น และมาจากลูกจุดโทษถึง 4 ประตู ทั้งที่เป็นผู้เล่นในตำแหน่งแนวรุก อีกทั้งยังทำแอสซิสต์ไม่ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แถมในระดับนานาชาติ ต๊อตติ ก็พา อิตาลีไปอกหักในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอล ยูโร ปี 2000 ที่เจอกับ ฝรั่งเศส อีกต่างหาก
เซร์คิโอ อเกวโร่ - 2006-07
นับจากปัจจุบันย้อนกลับไป 13 ฤดูกาลก่อนหน้านี้เราจะเห็นได้ถึงสถิติการพังประตูที่โหดแบบไร้ความปราณีของ เซร์คิโอ อเกวโร่ เพราะเฉลี่ยแล้วพี่แกซัดไปทะลุ 20+ หมดทุกซีซั่น แต่กว่าพี่แกจะมาถึงจุดนี้ได้เขาไม่ได้เริ่มยิงเยอะตั้งแต่ปีแรกนะ เพราะในฤดูกาล 2006-07 สมัยที่ 'เอล กุน' ย้ายจาก อินเดเพนดิเอนเต้ มา แอตฯ มาดริด ใหม่ๆ ปีนั้น อเกวโร่ ในวัยแค่ 18 ปี ซัดไปแค่ 7 ประตูเท่านั้นจาก 42 เกมรวมทุกรายการ ก่อนจะกลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำในยุคปัจจุบัน และเป็นหนึ่งในกองหน้าที่สุดของโลกลูกหนัง ณ เวลานี้ด้วย
ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา - 2008-09
ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดของวงการลูกหนัง แต่ใน 18 ฤดูกาลพื้นแผ่นดินทวีปยุโรป มีแค่ 4 ฤดูกาลเท่านั้นที่ ดร็อกบา ยิงได้ในเกมลีกมากกว่า 12 ประตูต่อซีซั่น และปีที่หนักที่สุดเลยก็คือฤดูกาล 2008-09 เพราะเจ้าของฉายา 'คิงดร็อก' ยิงไปเพียงแค่ 5 ประตูเท่านั้นนับว่าเป็นตัวเลขที่ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ กับนักเตะระดับเขา ยิ่งไปกว่านั้นในฤดูกาลเดียวกัน เชลซี ยังถูก บาร์เซโลน่า เขี่ยตกรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปแบบดราม่าอีกด้วย ส่วนในรายของ ดร็อกบา เองก็สร้างเรื่องงามหน้าเอาไว้หลังจบเกมดังกล่าวด้วยการพูดจาหยาบคายเสียดสีการตัดสินของกรรมการออกสื่อนับเป็นภาพลักษณ์ดูไม่ดีอย่างมาก
