logo-heading

ถ้าจะพูดถึงศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แมตช์หนึ่งที่อยู่ในความทรงจำของคนลูกหนังก็คือวันที่ 26 พฤษภาคม ปี 1999 ณ สังเวียน คัมป์ นู ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกนรกกลับมาโค่น บาเยิร์น มิวนิค 2-1 พร้อมกับเถลิงบัลลังก์ ทริปเปิ้ล แชมป์ อย่างยิ่งใหญ่

วันนี้ภารกิจของ "ขอบสนาม" คือการไปตามหาเหล่าบรรดาฮีโร่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดนั้นกันว่าตอนนี้พวกเขาเป็นอย่างไร ? และทำอะไรกันอยู่บ้าง ?

ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล

ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล เจ้าของฉายา "ยักษ์เดนส์" ได้ชื่อว่าเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดแล้วในหน้าประวัติศาสตร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาคือฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยพา "ปีศาจแดง" กวาดได้ 15 โทรฟี่ในระยะ 8 ปี และในสังเวียนที่ คัมป์ นู นั่นคือเกมสุดท้ายของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ในสีเสื้อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนจะย้ายไป สปอร์ติ้ง ลิสบอน, แอสตัน วิลล่า และคู่อริร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากนั้นพอรีไทร์ไปในปี 2003 ชไมเคิ่ล ไปผันตัวเองไปเป็นกูรูให้กับ TV3 สถานีโทรทัศน์ในบ้านเกิดที่ เดนมาร์ก บางทีก็แว็บมาปรากฏตัวในสื่ออังกฤษบ้าง ส่วนลูกชาย แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ตอนนี้ก็กำลังโชว์ฟอร์มได้ดีกับ เลสเตอร์ ซิตี้ และ ทีมชาติเดนมาร์ก

รอนนี่ ยอห์นเซ่น

รอนนี่ ยอห์นเซ่น เป็นอีกหนึ่งนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เกิดในแถบสแกดิเนเวี่ยน ปัจจุบันอดีตกองหลังทีมชาตินอร์เวย์มีตำแหน่งเป็นหนึ่งในทูตแอมบาสเดอร์ของ "ปีศาจแดง" สมัยเป็นนักเตะ รอนนี่ ยอห์นเซ่น อยู่ค้าแข้งในรั้ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ราวๆ 6 ปีได้ลงเล่นไป 150 เกม ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งต่อกับ แอสตัน วิลล่า และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในระยะสั้นๆ ก่อนจะกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดที่กับสโมสร วาเลเรนก้า และหันหลังให้เส้นทางค้าแข้งในปี 2008 ปัจจุบันนอกจากทำหน้าที่เป็นทูตให้สโมสรแล้ว รอนนี่ ยอห์นเซ่น ก็ยังทำหน้าที่เป็นกูรูผู้บรรยายเกมลูกหนังทางช่อง TV2 ให้กับสถานีโทรทัศน์ที่ นอร์เวย์ ด้วย >>> Where are they now : 11 ผู้เล่นตัวจริง ลิเวอร์พูล ชุดแชมป์ UCL ปี 2005

แกรี่ เนวิลล์

ปัจจุบัน แกรี่ เนวิลล์ หาตัวจับง่ายมากเพราะเราเห็นหน้าของพี่แกทุกวันตามหน้าสื่อต่างประเทศจากการเป็นกูรู เป็นนักวิจารณ์เกมลูกหนังของทางสื่อดังอย่าง สกาย สปอร์ต โดยมีคู่หูบัดดี้เป็นตำนานกองหลังทีมคู่อริตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล นั่นคือ เจมี่ คาร์ราเกอร์ และในขณะเดียวกัน แกรี่ เนวิลล์ ก็ยังเป็นเจ้าของทีม ซัลฟอร์ด ซิตี้ ร่วมกับผองเพื่อนตำนาน คลาส ออฟ 92 ไม่ว่าจะเป็น พอล สโคลส์, ไรอัน กิ๊กส์, นิคกี้ บัตต์, ฟิล เนวิลล์ และ เดวิด เบ็คแฮม ด้วย สำหรับ แกรี่ เนวิลล์ เป็นอีกหนึ่งนักเตะ วัน แมน คลับ ที่อยู่ค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตลอด 19 ปี ตั้งแต่ปี 1992-2011 พอแขวนสตั๊ดไปนอกจากงานด้านกูรูก็มีแอบแว็บไปรับงานสายกุนซืออยู่บ้าง โดยช่วงปี 2012-16 แกเคยเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของ รอย ฮ็อดจ์สัน ที่ ทีมชาติอังกฤษ ตลอดจนการได้เป็นกุนซือแบบเต็มตัวที่ บาเลนเซีย แต่ก็อยู่ได้แค่แปปเดียวเท่านั้นก็ต้องตกงานไปเพราะต้องยอมรับว่าผลงานไม่สู้ดีจริงๆ  

ยาป สตัม

ถึงจะได้โอกาสใช้ชีวิตอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แค่ 3 ปีเท่านั้นแต่สำหรับ ยาป สตัม ก็ถือว่าเป็นกองหลังในดวงใจของแฟนๆ "เร้ด เดวิลส์" หลายคน เขาย้ายมาจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ด้วยค่าตัวสถิติกองหลังแพงที่สุด ณ ตอนนั้นที่ 10.6 ล้านปอนด์ และในฤดูกาลแรกของเขาก็คือการพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้า ทริปเปิ้ล แชมป์ ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ แต่ในปี 2001 สตัม กลับถูกขายให้ ลาซิโอ้ แบบไม่ได้ตั้งตัวโดย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ส่วนสาเหตุนั้นก็มาจาก "หนังสืออัตชีวประวัติ" ของ ยาป สตัม ที่เล่าถึงเบื้องหลังการทำงานของสโมสร ก่อนที่สื่ออย่าง เดอะ มิร์เรอร์ จะเอาหนังสือของ สตัม ไปเล่นข่าวจนเกิดการเข้าใจผิด แต่พอเลิกเล่นไปในปี 2007 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็รู้สึกผิดกับเรื่องนี้ก่อนจะมอบตำแหน่งทีมแมวมองให้ แต่จากนั้นไม่นาน ยาป สตัม ก็เริ่มศึกษาและลุยต่อในเส้นทางกุนซือ ไล่ตั้งแต่ จอง อาแจ็กซ์, เร้ดดิ้ง, ซโวลล์, เฟเยนูร์ด และปัจจุบันเพิ่งถูกแต่งตั้งหมาดๆ ให้เข้าไปเป็นผู้จัดการทีม ซินซินเนติ ใน เมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ สหรัฐอเมริกา

เดนิส เออร์วิน

ลงเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป 529 นัดตลอด 12 ฤดูกาลในสีเสื้อ "ปีศาจแดง" สำหรับ เดนิส เออร์วิน เขาถือเป็นฟูลแบ็กที่เล่นได้ดี พึ่งพาได้ตลอดแถมยังมีจุดเด่นที่ลูกเซ็ตพีชอีกต่างหาก ปัจจุบันในวัย 54 ปี เดนิส เออร์วิน นอกจากจะเป็นหนึ่งในคณะทูตแอมบาสเดอร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้วเจ้าตัวยังทำงานอยู่ช่อง แมนยู ทีวี หรือ ช่องโทรทัศน์ประจำสโมสรด้วย สำหรับสาวก "เร้ด เดวิลส์" ยุคหลังๆ ต่างยกให้ ปาทริซ เอวร่า เป็นแบ็กซ้ายที่ดีที่สุด แต่สำหรับแฟนบอลยุคเก่าและสำหรับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เดนิส เออร์วิน คือแบ็กซ้ายที่ดีที่สุด และชื่อของเขาก็ถูกใส่เอาไว้ใน 11 ขุนพล "ปีศาจแดง" ชุดที่แข็งแกร่งที่สุดของ "ป๋าเฟอร์กี้" ด้วย

เดวิด เบ็คแฮม 

นี่คือนักฟุตบอลที่มีอิทธิพลมากๆ ทั้งในสนามและนอกสนาม สำหรับ เดวิด เบ็คแฮม โดยในเรื่องของเกมลูกหนังพี่ท่านขึ้นชื่อลือชาอยู่แล้วในเรื่องฝีเท้าชั่งทอง มีจุดเด่นที่การวางบอล เปิดบอลอันแม่นยำราวกับเป็นอุปกรณ์ไฮเทคที่สั่งงานได้ด้วยเสียง รวมไปถึงการสังหารฟรีคิกที่แม่นยำ นอกจากเรื่องของความเก่งกาจทางด้านฝีเท้าแล้ว เดวิด เบ็คแฮม ยังเป็นคงมีหน้ามีตาในแวดวงบันเทิงและสายแฟชั่นด้วย และนี่คือนักเตะที่ได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มหล่อลากกระชากใจและเซ็กซี่ที่สุดในสายตาของสาวๆ ปัจจุบัน เดวิด เบ็คแฮม มีสถานะเป็นเจ้าของทีม ซัลฟอร์ด ซิตี้ ร่วมกับก๊วน คลาส ออฟ 92 พวก พอล สโคลส์, ไรอัน กิ๊กส์, นิคกี้ บัตต์, ฟิล เนวิลล์ และ แกรี่ เนวิลล์ แต่ล่าสุดนั้นเจ้าตัวมีทีมสโมสรเป็นของตัวเองแล้วนั่นคือ อินเตอร์ ไมอามี่ และก็เปิดซิงลงวาดลวดลายแข้งบนสังเวียน เมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ สหรัฐอเมริกา ไปแล้วด้วย พร้อมกับมีโปรเจ็กต์เตรียมขนเหล่าแข้งดังๆ ช่วยโรยราๆ มาเสริมแกร่ง

นิคกี้ บัตต์

ในเกมนัดชิงชนะเลิศที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจอกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่สังเวียน คัมป์ นู ของ บาร์เซโลน่า นิคกี้ บัตต์ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงที่แทนที่กัปตันทีม รอย คีน ที่โดนแบนมาจากรอบรองชนะเลิศ สำหรับตัวของ นิคกี้ บัตต์ นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสมาชิกของ คลาส ออฟ 92 และนี่ก็คืออีกหนึ่งเจ้าของทีม ซัลฟอร์ด ซิตี้ ร่วมกับ พอล สโคลส์, ไรอัน กิ๊กส์, เดวิด เบ็คแฮม, ฟิล เนวิลล์ และ แกรี่ เนวิลล์ ปัจจุบันเจ้าตัวไม่ได้อยู่ไหนไกลเลย เพราะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนให้กับทีมอคาเดมี่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนประวัติการค้าแข้ง นิคกี้ บัตต์ อยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 12 ปี ตั้งแต่ปี 1992 ก่อนจะย้ายไป นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในปี 2004 จนสุดท้ายย้ายไปแขวนสตั๊ดกับ เซาธ์ ไชน่า ในประเทศจีน

ไรอัน กิ๊กส์

ในหน้าประะวัติศาสตร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไรอัน กิ๊กส์ ปีกพ่อมดเลือดเวลส์ ถือเป็นผู้เล่นที่อยู่กับสโมสรนานที่สุด เขาเป็นนักเตะ วัน แมน คลับ อยู่รับใช้ "ปีศาจแดง" ยาวๆ 23 ปี ลงเล่นไป 963 ยิงได้ 168 ประตู คว้าความสำเร็จกับต้นสังกัด 34 โทรฟี่ด้วยกัน โดยในเกมที่ คัมป์ นู ปี 1999 เขาคือคนที่ผ่านบอลให้ เทดดี้ เชอริงแฮม ยิงประตูตีเสมอช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ส่วนช่วงอาชีพหลังรีไทร์ "น้ากิ๊กส์" เลิกเล่นไปตอนปี 2014 และได้ก้าวขึ้นมาเป็นรักษาการกุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตอน เดวิด มอยส์ โดนเฉดหัวทิ้งจากผลงานอันน่าผิดหวัง ก่อนที่ฤดูกาลต่อมาจะขึ้นไปเป็นมือขวาของ หลุยส์ ฟาน กัล อีกราวๆ 2 ปี ก่อนที่ปี 2018 ไรอัน กิ๊กส์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ผู้จัดการทีมชาติเวลส์ แทนที่ คริส โคลแมน และก็ดำรงตำแหน่งมาจนถึงทุกวันนี้

เจสเปอร์ บลอมควิสต์

จสเปอร์ บลอมควิสต์ ได้สวมยูนิฟอร์ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แค่ 3 ปี แต่จริงๆ ต้องบอกว่าแค่ปีเดียวถึงจะถูก เพราะเจ้าตัวย้ายมาจาก ปาร์ม่า ในปี 1998 เขามีส่วนร่วมในเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ต้องฟาดแข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค และพอจบเกมนั้น เจสเปอร์ บลอมควิสต์ ก็ไม่ได้ลงเล่นให้ "ปีศาจแดง" อีกเลย เนื่องด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บที่สาหัสมากๆ บริเวณหัวเข่า ก่อนจะหายสาบสูญจากสังเวียนฟลอร์หญ้าไป 2 ปี และได้ย้ายไปค้าแข้งกับ เอฟเวอร์ตัน และ ชาร์ลตัน ก่อนจะกลับไปใช้ชีวิตที่ สวีเดน บ้านเกิดตามลำดับ พอปี 2010 ที่ เจสเปอร์ บลอมควิสต์ หันหลังให้เส้นทางค้าแข้งก็ผันตัวไปเป็นนักวิจารณ์เกมบ้าง แต่ที่เซอร์ไพรส์คือเจ้าตัวได้รางวัลชนะการเต้นเมื่อปี 2017 ส่วนตอนนี้แกมีธุรกิจเป็นร้านพิซซ่าเป็นของตัวเองที่ สต็อคโฮล์ม

ดไวท์ ยอร์ค

ดไวท์ ยอร์ค ก็จัดว่าเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เถลิงบัลลังก์ ทริปเปิ้ล แชมป์ ในปีนั้นจากการย้ายมาปีแรกซัดไป 29 ประตูจาก 51 เกมรวมทุกรายการ เขาโลดแล่นผจญภัยอยู่กับ "ปีศาจแดง" 4 ฤดูกาลก่อนจะย้ายไป แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, เบอร์มิงแฮม ซิตี้, ซิดนี่ย์ เอฟซี ก่อนจะมาปิดท้ายอาชีพค้าแข้งกับทาง ซันเดอร์แลนด์ ปัจจุบันสถานะของ ดไวท์ ยอร์ค ก็ไม่ได้ต่างจากอดีตแข้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คนอื่นๆ มากนัก เพราะตอนนี้แกเป็นหนึ่งในทูตแอมบาสเดอร์ของสโมสร และก็รับงานไปออกทีวีคอยวิจารณ์เกมลูกหนังบ้างอะไรประมาณนั้น

แอนดี้ โคล 

การจับคู่ล่าสกอร์กับ ดไวท์ ยอร์ค ทำให้ชื่อของ แอนดี้ โคล สร้างความตกตะลึงให้สังเวียน พรีเมียร์ลีก ในบทบาท "คู่หู เมน อิน แบล็ค" แฟนบอลหลายคนทราบดีถึงศักยภาพของ 2 คนนี้ยามลงสนามร่วมกัน ส่วนตัวของ แอนดี้ โคล ก็จัดว่าเป็นกองหน้าที่มีสถิติการพังประตูที่ดีคนหนึ่ง แต่พอหมดเวลาชีวิตในรั้ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เจ้าตัวก็พเนจรไปทั่วกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, ฟูแล่ม, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, พอร์ทสมัธ, ซันเดอร์แลนด์, เบอร์มิงแฮม ซิตี้, เบิร์นลี่ย์ และ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ปัจจุบัน แอนดี้ โคล เป็นหนึ่งในทีมงานสตาฟฟ์โค้ชที่ เซาธ์เอนด์ ยูไนเต็ด ทีมใน ลีก วัน ซึ่งมี โซล แคมป์เบลล์ เป็นผู้จัดการทีม ส่วนลูกชายของเขาตอนนี้ที่ชื่อ เดวานเต้ ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ ดอนคาสเตอร์ โรเวอร์ส

ตัวสำรอง : เทดดี้ เชอริงแฮม และ โอเล กุนนาร์ โซลชา

"น้าหมี" เทดดี้ เชอริงแฮม คือหนึ่งในฮีโร่ของเหล่าสาวก "เร้ด เดวิลส์" ในค่ำคืนที่ คัมป์ นู เมื่อปี 1999 แกลงสนามมาในนาที 67 แทน เจสเปอร์ บลอมควิสต์ และในช่วงนาที 90 ที่ บาเยิร์น มิวนิค กำลังจะได้ฉลองแชมป์ถ้วยใหญ่ที่สุดในยุโรป เทดดี้ เชอริงแฮม คนนี้นี่แหละเป็นคนที่ปฏิเสธมันกับการยิงประตูตีเสมอ 1-1 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 90+1 ต่อลมหายใจให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้สู้กันต่อ ปัจจุบันว่ากันว่า "น้าหมี" ยังคงเดินอยู่ในเส้นทางสายกุนซือ แต่ทว่ายังไม่มีงานทำ โดยในปี 2015 แกเคยคุม สตีฟเนจ และปี 2017 ก็ได้โอกาสคุม เอทีเค ฟุตบอล คลับ ทีมในอินเดีย แต่ก็ไม่เวิร์คเลยสักที่ สำหรับ โอเล กุนนาร์ โซลชา เจ้าของฉายา "เพชรฆาตหน้าทารก" นี่คือฮีโร่ในวันนั้น นี่คือผู้ปลิดชีพส่ง บาเยิร์น มิวนิค เข้าสู่ห้วงของฝันร้ายจากการซัดประตูชัยในช่วงนาที 90+3 เล่นทำเอาสาวก "เสือใต้" จากรอยยิ้มอันเบิกบานกลายเป็นต่อมน้ำตาแตกร้องไห้โฮจนนอนไม่หลับ 3 วัน 3 คืน ส่วนตัวของ "น้าโอเล่" ได้ชื่อว่าเป็นกองหน้าซูเปอร์ซัพที่มีสถิติการพังประตูที่ดีมากๆ เกมไหนลงมาเป็นสำรองมักมีชื่อขึ้นบนสกอร์บอร์ดให้เห็นบ่อยๆ เช่นเดียวกับนัดชิงชนะเลิศที่ คัมป์ นู ส่วนชีวิตปัจจุบันหากใครไม่รู้ว่า โอเล กุนนาร์ โซลชา ทำอะไรอยู่ ขอบอกเลยว่า คุณไม่ใช่คอบอลตัวจริง เพราะตอนนี้เขาคือผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดใหญ่ ที่กำลังสร้างทีมใหม่เพื่อเป้าหมายกลับไปทวงสำเร็จอีกครั้ง หลังจากร้างมานานตั้งแต่หมดยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

HaMu Dos Santos

ที่มา : manchestereveningnews ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline