logo-heading

วันพฤหัสที่ผ่านมา พรีเมียร์ลีก ได้นัดตัวแทนจาก 20 สโมสรสมาชิก เข้ามาประชุมเพื่อหารือสรุปกฏใหม่และลงมติต่างๆ สำหรับการกลับมาลงแข่งขันอีกครั้ง หลังต้องหยุดไปเกือบ 3 เดือนเนื่องจากพิษโควิด-19 ซึ่งการประชุมนี้ใช้เวลานานหลายชั่วโมง กว่าจะได้บทสรุป และนี่คือ 5 ประเด็นสำคัญในการประชุมครั้งนี้

 

1.เปลี่ยนตัวสำรองได้ 5 คน

ข้อนี้เรียกได้ว่าเป็นไปตามคาด หลังจากทั้ง 20 สโมสรสมาชิกเห็นชอบให้ การเปลี่ยนตัวจากเดิม 3 คน เป็น 5 คน ต่อ 1 เกม แต่ใน 5 คนนี้จะต้องอยู่ภายใต้การเปลี่ยนตัวไม่เกิน 3 ครั้ง ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเจตนาถ่วงเวลานั่นเอง นอกจากนี้ในส่วนของรายชื่อผู้เล่นตัวสำรองที่นั่งรอโอกาสอยู่ที่ข้างสนาม จากเดิมเคยมีอยู่ 7 คนก็จะเพิ่มเป็น 9 คน โดยแนวทางนี้มีขึ้นมาเพราะเห็นใจสโมสรและเหล่านักเตะที่ต้องเผชิญหน้ากับโปรแกรมเตะอันถี่ยิบ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลถึงแค่สิ้นฤดูกาลนี้เท่านั้น ซีซั่นหน้าก็จะกลับเป็นเปลี่ยนได้ 3 นั่งสำรองได้ 7 คนเหมือนเดิม  

2.ยอมให้มีการเตะที่สนามกลางในบางแมตซ์

แม้วันที่ 17 มิถุนายนนี้ พรีเมียร์ลีก จะกลับมาฟาดแข้งอีกครั้ง ทว่าด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อย ทำให้อาจจะมีหลายเกมที่เจ้าถิ่นต้องยอมเสียสละเดินทางไปเตะที่สนามกลางแทน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีหลายทีมที่เห็นด้วย และยินยอมพร้อมไป แต่ก็มีบางทีมมองว่ามันไม่ยุติธรรม อย่างไรก็ตามล่าสุดที่ประชุมได้ลงมติแล้วว่า หากเกมไหนที่ เอฟเอ มองว่ามีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดเรื่อง หรือผู้คนจะแออัดจนอาจส่งผลให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไว้รัสโควิด-19 ก็สามารถสั่งให้ไปเตะที่สนามกลางได้ โดยตามรายงานเบื้องต้นระบุว่า มีการวางโปรแกรมคร่าวๆ มาแล้ว 5 นัดที่อาจจะต้องไปหวดกันที่สนามกลาง ประกอบไปด้วย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - นิวคาสเซิล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, นิวคาสเซิ่ล - ลิเวอร์พูล และ เอฟเวอร์ตัน - ลิเวอร์พูล ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ก็มีโอกาสที่ "หงส์แดง" จะต้องฉลองแชมป์ที่สนามกลาง ไม่ใช่ที่รังเหย้าของ เอฟเวอร์ตัน คู่อริร่วมเมืองอย่างที่คิดกันเอาไว้   

3.ละเว้นโทษหากแสดงออกถึงการไว้อาลัย จอร์จ ฟลอยด์ และต่อต้านการเหยียดผิว

เรื่องราวของ จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีผู้ล่วงลับจากการโดนตำรวจสหรัฐฯ เอาเข่ากดคอจนเสียชีวิต เราคงไม่ต้องพูดถึงแล้วเพราะตอนนี้กลายเป็นข่าวดังทั่วโลก และลามมาถึงวงการฟุตบอลด้วย โดยก่อนหน้านี้ในศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน ที่เปิดฉากกลับมาเตะก่อน ก็มีนักเตะที่แสดงพลังและร่วมทวงคืนความยุติธรรมให้ ฟลอยด์ ซึ่งเดิมทีคิดว่าจะโดนเล่นงานลงโทษแบน แต่สุดท้ายกลายเป็น ฟีฟ่า ออกมารับลูกเห็นด้วย พร้อมชี้ว่าเป็นการแสดงออกที่ไม่ได้ผิดวิสัย และถือเป็นการต่อต้านการเหยียดผิว ฉะนั้น สมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ ก็เอาด้วย โดยก่อนการประชุมล่าสุดนี้ก็ได้ออกแถลงการณ์ประมาณว่า เอ้ย ถ้าอยากแสดงออกอะไรก็ได้นะ ไม่ว่ากันแต่ขอให้อยู่ในขอบเขตหน่อยละกัน อย่าบานปลายจนกลายเป็นการเมือง และล่าสุดมติในที่ประชุมต่างก็เห็นด้วยให้นักเตะสามารถแสดงออกในเรื่องนี้ได้ แต่ก็ต้องอยู่ในกรอบกฏกติตาด้วย  

4.ไม่มีตัดจบแน่นอน ยกเว้นรัฐบาลสั่ง

ก่อนหน้านี้มีบางสโมสรในโซนท้ายตารางออกมาเรียกร้องว่าให้ยกเลิกการตกชั้น-เลื่อนชั้น ในฤดูกาลนี้ไปเลย หากเกมลีกแข่งขันไม่ครบ 38 นัด ซึ่งเมื่อประเด็นนี้โผล่เข้าไปในที่ประชุม ตัวแทนสโมสรในพรีเมียร์ลีกส่วนใหญ่ก็เห็นว่าประเด็นนี้ ควรจะถูกปัดตกไป ไม่ต้องลงมติให้เสียเวลา เพราะตั้งมั่นจะเริ่มแข่งต่ออยู่แล้ว ฉะนั้นไม่มีตัดจบ ไม่มีโมฆะ และมีเลื่อนชั้น-ตกกชั้น อย่างแน่นอน เว้นเสียแต่ว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 จะแพร่ระบาดหนักขึ้นอย่างมาก จนรัฐบาลต้องสั่งให้ยุติการแข่งขันลง  

5.เข้าสนามได้ไม่เกิน 300 คน

แน่นอนว่าการกลับมาแข่งขันต่อนั้น จะเป็นการแข่งขันแบบปิด ไม่อนุญาตให้แฟนบอลเข้ามาชมเกม ทว่ายังไงซะมันก็ต้องมีทีมงาน ช่างภาพ ตากล้อง สื่อมวลชน บลาๆ แต่ทาง พรีเมียร์ลีก ก็ได้บ่งชี้เอาไว้แล้วว่า ต้องอย่าเกิน 300 คน โดยแบ่งเป็นโซนชัดเจน แดง เหลือง เขียว ทีมงานสต้าฟฟ์โค้ชอยู่ตรงไหน สื่ออยู่ตรงไหนโซนอะไร เรียกได้ว่าจะมาเดินดุ่มๆ มั่วๆ ซั่วๆ เหมือนเดิมไม่ได้แล้ว  

และทั้งหมดนี้คือ 5 ประเด็นหลักๆ ในการประชุมครั้งล่าสุด สำหรับการกลับมาเตะต่อของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ชิน ชินพัฒน์

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมผ่านทางไลน์
logoline