logo-heading

ศึก ลา ลีกา สเปน ถึงเวลากลับคืนสังเวียนแล้ว และหนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจมากๆ ตอนนี้ก็คือการขับเคี่ยวลุ้นแชมป์กันระหว่าง เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า

ปัจจุบัน เรอัล มาดริด รั้งอยู่รองจ่าฝูงของ ลา ลีกา สเปน แข่ง 27 นัด มี 56 คะแนนตามหลังจ่าฝูง บาร์เซโลน่า คู่อริตลอดกาลอยู่ 2 คะแนนด้วยกันซึ่งสิ่งที่ "ขอบสนาม" จะนำเสนอในวันนี้ก็คือ "5 ปัจจัยสำคัญที่จะพา เรอัล มาดริด ปาดหน้า บาร์เซโลน่า เถลิงบัลลังก์แชมป์ ลา ลีกา สเปน 2019-20"

แข้งตัวหลักหายเจ็บ

จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาจริงอยู่ที่มันทำให้วงการลูกหนังปั่นป่วนไปหมด แต่มันก็มีข้อดีอยู่บ้างสำหรับทีมที่มีผู้เล่นบาดเจ็บหลายคน เพราะช่วงที่หายไปมันก็เป็นระยะเวลาที่นานพอจะทำให้นักเตะเหล่านั้นกลับมาฟิตสมบูรณ์ได้ สำหรับ เรอัล มาดริด พวกเขาได้ตัว เอแด็น อาซาร์ กลับมาแล้ว เช่นเดียวกับ มาร์โก อเซนซิโอ้ ที่พร้อมเป็นตัวเลือกของ ซีเนดีน ซีดาน เช่นกัน ถึงแม้ทั้งคู่ผลงานจะยังไม่เข้าตาเท่าไหร่ แต่การมีตัวเลือกเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้ที่ เรอัล มาดริด ต้องเตะถี่ๆ 2 เกมต่อสัปดาห์นับเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ 

เกมรับ

จริงอยู่ที่ เรอัล มาดริด สะดุดทำแต้มหล่นบ่อยมากในฤดูกาลนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขารักษาไว้ได้ดีก็คือมาตรฐานการเล่นเกมรับที่แข็งแกร่งและเหนียวแน่น เพราะรู้ไหมว่า ณ ตอนนี้ พลพรรค "ราชันชุดขาว" ของ ซีเนดีน ซีดาน คือทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในเวที ลา ลีกา สเปน ที่ 19 ประตูจากการลงเล่น 27 เกม โดยมี เซร์คิโอ รามอส เป็นคีย์แมนสำคัญในการจับคู่กับ ราฟาเอล วาราน นอกจากนี้พวก โทนี่ โครส และ คาเซมิโร่ ก็มีส่วนช่วยในเรื่องนี้เยอะเหมือนกัน ดังนั้นถ้าเกิดพวกเขายังรักษามาตรฐานเกมรับแบบนี้ได้ต่อไปก็มีโอกาสเข้าป้ายเป็นแชมป์ได้เหมือนกัน เพราะอย่างน้อยคุณก็เบาใจได้ในระดับหนึ่งไม่ต้องพะวงในเรื่องนี้เท่าไหร่ และสามารถหันไปโฟกัสกับเรื่องการพังประตูได้

โปรแกรมการแข่งขัน

เรื่อง โปรแกรมการแข่งขัน ก็สำคัญ โดยตอนนี้ เรอัล มาดริด เหลือเกมให้เล่นอีก 11 นัดและมีการเล่นในบ้านตัวเองถึง 6 นัดด้วยกัน สิ่งสำคัญข้อแรกคือพวกเขาจำเป็นต้องเก็บให้ได้ 18 แต้มเต็ม ถึงแม้เกมที่เหลือจะไม่ใช่การเล่นที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ก็ตาม เพราะตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงสนาม จึงจำเป็นต้องย้ายไปเล่นสนามเหย้าของทีมสำรองนั่นคือที่ เอสตาโอ อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ แต่ในฤดูกาลทาง "ราชันชุดขาว" เองก็มีสถิติที่ดีมากๆ ยามเฝ้ารังเพราะยังไม่แพ้ใครเลย โดยชนะทั้งหมดไป 9 จาก 13 เกมด้วยกัน ส่วนคู่แข่งที่เจอก็ถือว่าชวนเหนื่อยเหมือนกันเพราะมี เออิบาร์, บาเลนเซีย, มายอร์ก้า, เคตาเฟ่, อลาเบส และ บียาร์เรอัล ขณะที่โปรแกรมเยือนงานที่หนักๆ จะมีการเจอกับ เรอัล โซเซียดาด และ แอธเลติก บิลเบา นี่แหละ นอกนั้นการเจอพวก เอสปันญ่อล, กรานาด้า และ เลกาเนส ก็น่าจะเก็บผลที่ต้องการได้ตามคาด ส่วนทาง บาร์เซโลน่า จะมีโปรแกรมในบ้าน 5 นัด เยือน 6 นัด โดยการเล่นที่ คัมป์ นู งานที่หนักๆ เลยก็คือการรับมือ แอธเลติก บิลเบา และ แอตเลติโก มาดริด มีโอกาสที่จะทำแต้มหล่นได้เหมือนกัน ส่วนเกมเยือนมีด่านเดียวที่ชวนหวั่นๆ ก็คือการบุกเยือน เซบีย่า ที่ ราม่อน ซานเชซ ปิซฆวน แต่เอาจริงๆ ข้อนี้มันวัดกันได้ยากว่าใครเจองานง่ายกว่ากัน เพราะอย่าลืมว่านี่เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่นแล้ว พวกทีมเล็กๆ ก็ประมาทไม่ได้เหมือนกัน เพราะพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น 2-3 เท่าตัวเลยทีเดียวในช่วงหนีตาย

ซัพพอร์ต เบนเซม่า

ถ้าพูดถึงประสิทธิภาพในแนวรุกต้องบอกเลยว่าข้อนี้ เรอัล มาดริด เป็นรอง บาร์เซโลน่า แบบเห็นได้ชัดเพราะที่ บาร์ซ่า นอกจาก ลิโอเนล เมสซี่ ที่ระเบิดตาข่ายได้แบบกระจุยกระจายก็ยังมี หลุยส์ ซัวเรซ และ อองตวน กรีซมันน์ รวมไปถึงคนอื่นๆ ที่ยิงประตูได้เรื่อยๆ เหมือนกัน แต่สวนทางกับที่ เรอัล มาดริด เพราะนอกจาก คาริม เบนเซม่า และ เซร์คิโอ รามอส แล้วไม่มีใครยิงประตูได้แตะหลัก 5 ลูกเลยสักคน ถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงสุดๆ ในการลุ้นแชมปช่วงโค้งสุดท้าย ดังนั้นถ้าคนอื่นหวังผลไม่ได้สิ่งเดียวที่ทำได้คือทุกคนต้องพยามซัพพอร์ตคอยป้อนบอลให้ คาริม เบนเซม่า ล่าสกอร์ในพื้นที่อันตรายของคู่แข่ง

โรเตชั่น

ข้อนี้จะคล้ายๆ กับข้อแรก เพราะอย่างที่ทราบกันว่าเมื่อ ลาลีกา สเปน กลับมาเตะกันแล้ว มันมีโปรแกรมที่ลงเตะเหลืออยู่ทั้งหมด 110 เกม และต้องเคลียร์ให้จบภายในระยะเวลา 39 วัน ดังนั้นทุกๆ ทีมจะมีคิวลงเตะอย่างน้อยสัปดาห์หนึ่งคือ 2 เกม มันก็เลยทำให้การ โรเตชั่น หมุนเวียนนักเตะเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ จริงอยู่ที่ เรอัล มาดริด กำลังลุ้นแชมป์อย่างขับเคี่ยวกับ บาร์เซโลน่า แต่พวกเขาไม่สามารถใช้ผู้เล่นตัวจริงทุกนัดได้ ถึงต่อให้ใช้ตัวจริงทุกนัดได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี เพราะนักเตะจะไม่ฟิตเต็มร้อยเหมือนเดิมและอาจเจ็บหนักขึ้นมาก็ได้ ดังนั้นการโรเตชั่นและการวางแผนส่งตัวผู้เล่นในแต่ละนัดคือสิ่งที่ ซีเนดีน ซีดาน ควรทำ ไอ้พวกตัวสำรองตัวอะไหล่ พวกบทบาทน้อยๆ ตอนนี้คุณต้องให้ความสำคัญกับพวกเขาแล้วไม่ว่าจะเป็น บราฮิม ดิอาซ, มาเรียโน่ ดิอาซ, ฮาเมส โรดริเกซ และอีกหลายๆ คน โดย ซีดาน ต้องดูว่าเกมไหนเจองานเบาต้องจัดตัวยังไง เกมไหนเจองานหนักต้องจัดตัวยังไง ถ้าจะให้ดีมองว่าการจัดชุดผสมทุกนัดน่าจะเวิร์คที่สุด...

HaMu Dos Santos

ที่มา : sportskeeda ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline