logo-heading

บาร์เซโลน่า เก็บ 3 คะแนนได้ตามคาดจากการบุกไปถลุงน้องใหม่อย่าง มายอร์ก้า แบบยับเยิน 4-0 เก็บเพิ่ม 61 คะแนนจาก 28 เกมฉีกหนี เรอัล มาดริด ที่ 2 เป็น 5 คะแนน

วันนี้ประเด็นที่ "ขอบสนาม" จะนำเสนอก็คือ "ปัจจัยต่างๆ ที่จะพา บาร์เซโลน่า นำ เรอัล มาดริด แบบม้วนเดียวจบในอีก 10 เกมที่เหลือ พร้อมเถลิงบัลลังก์แชมป์ ลา ลีกา สเปน ในฤดูกาล 2019-20" จะมีเรื่องอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย ?

แก้ปัญหาแนวรับ

นี่คือสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดสำหรับ บาร์เซโลน่า ในฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือเรื่องของเกมรับ เพราะตอนนี้ผ่านไปแล้ว 28 เกม แต่ดันเสียประตูไปมากถึง 31 ประตู ขนาดพวก เซบีย่า, เคตาเฟ่ และ แอธเลติก บิลเบา ยังเสียน้อยกว่าอีก แถมอีก 2 ทีมใหญ่อย่าง แอตเลติโก มาดริด และ เรอัล มาดริด ก็เสียไปแค่ 21 กับ 19 ประตูเท่านั้นตามลำดับ ซึ่งปัญหาหลักๆ ของ บาร์ซ่า ในแผงแนวรับส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่ตำแหน่งแบ็กขวา พวกเขาต้องจับ เซร์จี้ โรเบร์โต้ ที่เดิมทีเป็นผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์มายืนในตำแหน่งนี้ จริงอยู่ที่ เซร์จี้ โรเบร์โต้ จะเติมเกมบุกได้ดี แต่เวลาเล่นเกมรับยังทำได้ไม่ดีพอ ลงมารับไม่ทันบ้าง หลุดตำแหน่งบ้าง เช่นเดียวกับตัวของ เนลสัน เซเมโด้ ดังนั้นมันจึงไม่แปลกอะไรที่ปีนี้ บาร์ซ่า จะโดนเจาะและเล่นงานทางกราบขวาบ่อยกว่าทางฝั่งซ้าย ดังนั้นนี่คือสิ่งที่ กิเก้ เซเตียน ต้องระวังเอาไว้ให้ดีโดยเฉพาะยามเจอกับทีมที่เกมรุกจัดๆ ส่วนในตำแหน่ง เซ็นเตอร์แบ็ก เคราร์ด ปิเก้ ยังเป็นคงเป็นคีย์แมนสำคัญ ส่วนคู่หูของพี่แกนั้นจะผลัดๆ กันระหว่าง เกลม็องต์ ล็องเลต์ กับ ซามูเอล อูมติตี้ แต่ทว่าในรายหลังนั้นดูเหมือนจะเจ็บบ่อยเป็นพิเศษ เราจึงไม่ค่อยได้เห็นหน้าเห็นตาพี่แกสักเท่าไหร่นัก

ศักยภาพเกมรุก

จริงอยู่ที่ บาร์เซโลน่า อาจจะมีปัญหาที่เกมรับในปีนี้ แต่สิ่งที่สามารถกลบจุดด้อยข้อนั้นได้มิดเลยก็คือศักยภาพเกมรุกที่ยอดเยี่ยม เพราะนอกจาก ลิโอเนล เมสซี่ แล้วพวกเขายังมี อองตวน กรีซมันน์ (8 ประตู) กับ หลุยส์ ซัวเรซ (11 ประตู) ที่สามารถฝากความหลังและช่วยแบ่งเบาภาระได้อยู่ รวมไปถึงนักเตะคนอื่นๆ ด้วย ไม่เหมือนพวก เรอัล มาดริด กับ แอตเลติโก มาดริด ที่สถิติเกมรับอาจจะดูดีในปีนี้ แต่ถ้าเหลือบไปดูศักยภาพเกมรุกขอบอกเลยว่า บาร์เซโลน่า ชนะขาดลอย โดยสำหรับ เรอัล มาดริด พวกเขามี คาริม เบนเซม่า คนเดียวที่สามารถหวังผลได้จากการซัดไปแล้ว 14 ประตู เพราะนอกนั้นไม่มีใครที่สามารถยิงได้เกิน 5 ประตูเลยสักคน เช่นเดียวกับ แอตฯ มาดริด ที่มี อัลบาโร่ โมราต้า เป็นดาวซัลโวของทีมที่ 8 ประตูเท่านั้น ดังนั้นนี่คือข้อได้เปรียบข้อสำคัญ และถ้า บาร์ซ่า สามารถรักษามาตรฐานนี้ไว้ได้ขอบอกเลยว่าแชมป์ ลา ลีกา สมัยที่ 27 ก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

ลิโอเนล เมสซี่

ลิโอเนล เมสซี่ นี่แหละคือไพ่ไม้ตายและเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะพาก๊วน บาร์เซโลน่า ทะยานสู่ฝันการคว้าแชมป์สมัยที่ 27 เพราะนี่คือ "เดอะ แบก" และเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กับ บาร์เซโลน่า แน่นอนว่าการมี เมสซี่ อยู่ในสนามมันจะทำให้ บาร์เซโลน่า มีศักยภาพเกมรุกที่น่ากลัวและอันตรายทวีคูณไปอีก 2-3 เท่าตัว เราสามารถหวังผลจากเขาได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น การสร้างสรรค์เกม, การเคลื่อนที่กระชากลากเลื้อยหลบศัตรู 2-3 คน, ลูกฟรีคิก ตลอดจนสถิติการพังประตูที่กระจุยกระจาย ดังนั้นเรื่องของฟอร์มการเล่นและมาตรฐานของ เมสซี่ แฟนๆ ไว้ใจและหายห่วงได้เลย ยังไงผู้ชายคนนี้ก็แรงดีไม่มีตกแน่นอน เว้นแต่ว่า ลิโอเนล เมสซี่ พี่แกจะได้รับอาการบาดเจ็บนั่นแหละงานเข้าแน่นอน ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนที่ บาร์เซโลน่า ต้องทำให้ได้ในอีก 10 เกมที่เหลือนั่นคือ "ระมัดระวังและดูแล ลิโอเนล เมสซี่ ให้ดี ห้ามให้พี่แกบาดเจ็บเด็ดขาด" >>> 5 ปัจจัยสำคัญ! พา เรอัล มาดริด ปาดหน้า บาร์เซโลน่า เถลิงบัลลังก์แชมป์ ลา ลีกา

การโรเตชั่น

แน่นอนว่าถ้า บาร์เซโลน่า จัดผู้เล่นตัวจริงทั้ง 11 คนลงเล่นแบบพร้อมหน้าพร้อมตายังไงเปอร์เซนต์ที่ทีมจะเก็บชัยชนะได้ในเกมๆ นั้นต้องบอกเลยว่ามันมีสูงมากจริงๆ แต่อย่างที่ทราบกันนั่นแหละว่า การที่ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน กลับคืนสู่สังเวียนในครั้งนี้มันมีระยะเวลาแค่ 39 วันเท่านั้นในการปิดฉากฤดูกาล 2019-20 ตามความต้องการของ "ยูฟ่า" ที่วางคิวให้ ฟุตบอลยุโรป กลับมาลุยกันต่อในช่วงเดือนสิงหาคม เท่ากับว่าทุกทีมใน ลา ลีกา จะต้องเตะกันถี่จัดๆ อย่างน้อยคือ 2 เกมต่อสัปดาห์ ดังนั้นถ้า บาร์ซ่า คิดจะใช้แต่ตัวจริงลงเล่นอย่างเดียวยังไงก็ไม่รอด แถมเป็นการทำร้ายตัวเองเสียเปล่าๆ ด้วย มันเลยทำให้ การโรเตชั่นหมุนเวียนนักเตะ เป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ ณ ตอนนี้ และทาง บาร์เซโลน่า เองก็มีนักเตะที่สามารถทดแทนกันได้หลายคน โดยแนวรุกก็จะมี อันซู ฟาติ เด็กวัย 17 ที่ฉายแววได้ดี รวมไปถึง มาร์ติน เบรธไวท์ ก็น่าจะได้ความมั่นใจกลับมาเยอะอยู่จากการเปิดซิงประตูแรกในสีเสื้อ บาร์เซโลน่า ได้แล้ว ส่วนแดนกลางนอกจาก เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ เฟรงกี้ เดอ ยอง แล้วพวก อิวาน ราคิติช, อาร์ตูโร่ วิดัล หรือ อาร์ตูร์ เมโล่ ก็สามารถหมุนเวียนกันลงได้เช่นกัน ดังนั้นนี่คือสิ่งที่ กิเก้ เซเตียน ต้องวางแผนให้ดีว่าเกมการแข่งขันแต่ละนัดนั้นจะส่งใครลงเล่นบ้าง เจอเกมหนัก เจอเกมเบา ต้องจัดตัวยังไง ? และถ้าไปดูโปรแกรมที่เหลือของ บาร์เซโลน่า งานหนักๆ ก็จะมีการบุกเยือน เซบีย่า, เปิดบ้านเจอ แอธเลติก บิลเบา, เปิดบ้านเจอ แอตเลติโก มาดริด และ บุกไปเยือน บียาร์เรอัล นอกนั้นคาดว่าน่าจะเก็บผลที่้้ต้องการได้ไม่มีพลาด แต่จริงๆ มันก็ถือเป็นเกมที่ยากทั้งหมดนั่นแหละ เพราะนี่คือช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล พวกทีมเล็กทีมน้อยที่กำลังดิ้นรนหนีตาย ขอบอกเลยว่าดีกรีของพวกเขาก็น่ากลัวไม่ได้ต่างจากทีมใหญ่ๆ เลยสักนิด

คิดว่าทุกเกมคือ "นัดชิงชนะเลิศ"

ข้อสุดท้ายนี้สำคัญมาก นี่คือสิ่งที่ กิเก้ เซเตียน ต้องย้ำและกำชับลูกทีมให้ดีๆ แกต้องพยายามปลูกฝังว่า อีก 10 เกมที่เหลือจากนี้ให้คิดเสียว่าทุกนัดคือ "เกมนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยใหญ่ๆ" จะเป็นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือ แชมป์ ยูโร หรือ แชมป์โลก ก็ว่ากันไป และพยายามโฟกัสแค่เพียงนัดต่อนัดก็พอ อย่าเพิ่งไปมองการณ์ไกลหรือวาดภาพฝันเอาไว้ล่วงหน้า และอีกข้อหนึ่งที่สำคัญคือ อย่าไปสนใจหรือใส่ผลการแข่งขันของ เรอัล มาดริด มุ่งแค่ผลงานกับทีมและผองเพื่อนก็พอ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพื่อเป็นการสร้างความทะเยอทะยานและสร้างความหิวกระหายให้กับลูกทีม

HaMu Dos Santos

ส่วนหนึ่งของข้อมูล : sportskeeda ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline