logo-heading

การคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกในประวัติศาสตร์ของ ลิเวอร์พูล ยิ่งเป็นการตอกย้ำความเจ็บปวดของเหล่าสาวก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปัจจุบัน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยอยู่ในยุคที่รุ่งเรืองและครองอำนาจในวงการฟุตบอลอังกฤษมาอย่างยาวนานในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่พอตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบันพวกเขาไม่เหลือภาพจำนั้นอยู่เลย สวนทางกลับ ลิเวอร์พูล ที่เคยโดนกดขี่ข่มเหงมาตลอดในเรื่องของความสำเร็จโดยเฉพาะแชมป์ พรีเมียร์ลีก แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรสามารถบัพพวกเขาได้อีกต่อไป ตอนนี้ ลิเวอร์พูล คือสโมสรที่ดีสุดในอังกฤษ ได้ลุ้นความสำเร็จแบบเต็มตัว เกมรุกดี เกมรับก็ด้วย เรื่องมาตรฐานก็รักษาได้ดีไม่มีตก สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอในวันนี้ก็คือ "สิ่งที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องทำ เพื่อทวงคืนความยิ่งใหญ่ และกลับมาอยู่ในจุดที่พวกเขาควรอยู่ ตลอดจนการกลับมาท้าชิงอำนาจกับ ลิเวอร์พูล อีกครั้ง"

สร้าง คลาส ออฟ 92 

ในยุคที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จมากๆ ตั้งแต่ช่วงยุค 90 ลากมายาวๆ ราว 20 ปีส่วนสำคัญมีที่มาจากรากฐานของเหล่าตำนานแข้ง คลาส ออฟ 92 พวก แกรี่ เนวิลล์, เดวิด เบ็คแฮม, ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์, นิคกี้ บัตต์ และ ฟิล เนวิลล์ พวกเขาคือกำลังหลักของทีมและช่วย "ปีศาจแดง" กอบโกยแชมป์ได้มากมายในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถ้าเปรียบเทียบกับปัจจุบันแล้วไม่ค่อยมีดาวรุ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถูกผลักดันขึ้นมาและสามารถฝากความหวังไว้ได้เหมือนกับยุคนั้นเลย มันมีน้อยคนจริงๆ ซึ่งคนที่โดดเด่นที่พึ่งพาได้มากที่สุดก็คงเป็น มาร์คัส แรชฟอร์ด รองลงมาก็คือ เมสัน กรีนวู้ด นี่แหละ นอกนั้นเราแทบจะจับต้องไม่ได้เลยจริงๆ ส่วน เจสซี่ ลินการ์ด นี่หนักเลย ไม่เอาไหนจริงๆ 

โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้องเป็นนรกของทีมเยือน

ถ้าพูดถึง 2 ทีมที่ได้ลุ้นความสำเร็จมากที่สุดในอังกฤษ ณ ชั่วโมงนี้ก็จะมี ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นี่แหละ และปัจจัยสำคัญข้อหนึ่งที่ทำให้พวกเขาไปถึงตรงนั้นได้ก็คือ สถิติการเล่นในรังเหย้าที่โหดมากๆ ดูอย่าง ลิเวอร์พูล สังเวียน แอนฟิลด์ ของพวกเขาคือ นรกของทีมเยือนอย่างแท้จริง ถ้านับเฉพาะใน พรีเมียร์ลีก พวกเขาชนะมารัวๆ ติดต่อกันแล้ว 23 เกมรวด และไม่แพ้ใครยาวนานถึง 56 เกม ส่วน เอติฮัด สเตเดี้ยม ของ แมนฯ ซิตี้ ปีนี้พวกเขาแพ้แค่ 2 นัดเท่านั้น และชนะไปถึง 11 นัด ถ้าย้อนไปดูปีที่พวกเขาเป็นแชมป์สถิติที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม คือชนะ 18 จาก 19 นัด และไม่แพ้เลย พอลองมองย้อนมาดูที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 16 นัดที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้พวกเขาเก็บชัยชนะได้แค่ 9 นัด เสมอไป 5 และแพ้อีก 2 นัด สังเกตได้ว่าพวกเขาทำแต้มหล่นบ่อยมากแม้กระทั่งเจอทีมเล็กก็มีสะดุดให้เห็นบ่อยๆ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำให้ได้ตอนนี้คือการทำให้ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นห้องเชือด เป็นนรกของทีมเยือน ไม่ใช่ รีสอร์ท แอนด์ สปา ที่ใครจะมาเก็บแต้มไปได้ง่ายๆ 

ทีมชุด บี ต้องแกร่งกว่านี้

ที่ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ลุ้นความสำเร็จกันแบบเต็มตัวตลอดช่วงที่ผ่านมาอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญก็คือการมี ทีมชุดบี ที่แข็งแกร่ง ซึ่งก็คือ การมีผู้เล่นตัวสำรองที่หวังผล พึ่งพา และสามารถเปลี่ยนเกมได้ พวกเขาสามารถโรเตชั่นหมุนเวียนนักเตะก็ได้เรื่อยๆ และระบบทีม, ศักยภาพและมาตรฐานก็ไม่มีตกด้วย พอตัดภาพกลับมาที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คุณลองหมุนเวียนจับ เจสซี่ ลินการ์ด, อันเดรียส เปเรร่า หรือ ฟิล โจนส์ ลงมาสิ คุณจะมองเห็นความแตกต่างแบบเห็นได้ชัด พวกเขาใช้เงินในการเสริมทัพเยอะทุกปี แต่น้อยครั้งที่มันจะเป็นการเสริมทัพที่ตอบโจทย์และตรงจุด >>> 5 เหตุผล ! ปอล ป็อกบา จะไม่ชิ่งหนี แมนฯ ยูไนเต็ด ไปไหนทั้งนั้น

ผู้รักษาประตู

ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งของ ดาบิด เด เคอา ในช่วงหลังมันทำให้เห็นภาพตอน ลิเวอร์พูล มี ซิมง มินโญเลต์ หรือ ลอริส คาริอุส เลย และ ณ ช่วงเวลานั้นมันก็เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้พวกเขาไปไม่ถึงฝันในการล่าความสำเร็จ สำหรับ ดาบิด เด เคอา ตอนนี้เขาคือผู้รักษาประตูที่ทำพลาดจนทีมเสียประตูมากที่สุดที่ 7 ครั้งเทียบเท่ากับ มาร์ติน ดูบราฟก้า และ แบรนด์ เลโน่ หากนับจากฤดูกาลที่แล้ว โดยใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ เด เคอา ลงเฝ้าเสาไป 31 เกม เสียไป 31 ประตู เก็บได้ 9 คลีนชีท เมื่อลองเอาไปเทียบกับ อลิสซอน เบ็คเกอร์ ของ ลิเวอร์พูล เขาได้ลงเฝ้าเสา 22 นัด เก็บได้ 14 คลีนีชีท และเสียไปแค่ 11 ประตูเท่านั้น สำหรับทางออกของเรื่องนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มี 2 ทางเลือกก็คือการช่วย ดาบิด เด เคอา เรียกความมั่นใจและเรียกฟอร์มกลับมา หรือไม่ก็ผลักดัน ดีน เฮนเดอร์สัน แบบเต็มตัว เพราะตอนนี้กำลังโชว์ฟอร์มได้ดีมากๆ กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เขาได้ลงเฝ้าเสาไป 29 เกมในปีนี้ เก็บได้ 11 คลีนชีท และเสียไป 25 ประตู  

กลับไป UCL

อีกจุดหนึ่งที่แตกต่างกันระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเห็นได้ชัดเลยก็คือ ลิเวอร์พูล ได้ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทุกปีในช่วงหลัง เข้าชิง 2 ครั้งและได้แชมป์ 1 ครั้ง ผิดกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จมอยู่แค่ถ้วย ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือการกลับไปโลดแล่นในสังเวียนดังกล่าวนั้นอีกครั้ง ถ้าพูดถึงปีหน้าก็มีโอกาสได้ไปอยู่เพราะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดนแบนจากฟุตบอลยุโรปโทษฐานทำผิดกฏการเงิน ไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะได้ไป UCL แน่ๆ ถึงแม้จะจบด้วยการเป็นที่ 5 ก็ตาม แต่ก็ไม่ง่ายเพราะทีมอย่าง วูล์ฟแฮมป์ตัน กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ก็ทำแต้มจี้มาเหมือนกัน

HaMu Dos Santos

ส่วนหนึ่งของข้อมูล : talksport ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline