logo-heading

เมื่อการลุ้นแชมป์จบไปแล้วตอนนี้ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก ก็คงจะเป็นการลุ้นโควต้า Top 4 ตีตั๋วไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของหลายๆ ทีม

อีก 6 เกมที่เหลือมีแต้มให้เก็บอีกทั้งหมด 18 แต้ม ดังนั้นเรามาวิเคราะหเจาะลึกกันหน่อยดีกว่าว่า ณ สถานการณ์ในตอนนี้มีสโมสรใดบ้างใน พรีเมียร์ลีก ที่มีโอกาสได้โควต้าฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วนอันดับ 1 และ 2 ขอไม่พูดถึงแล้วกัน เพราะ ลิเวอร์พูล แต้มห่างไปไกลแล้วยังไงก็ได้ไปแน่ๆ ส่วน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงแต้มยังไม่ขาด แต่ถ้าดูจากทรงและผลงานแล้วยังไงก็ได้ที่ 2 ชัวรๆ (กรณีนี้ยังไม่รู้ว่าจะอุทธรณ์ผ่านไหมเรื่องโดนแบนจากการละเมิดกฏการเงิน ไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์ เพราะมีโอกาสสูงที่โอกาสจะตกไปเป็นของทีมอันดับ 5) แต่ในบทความนี้ขอสงวนไว้แค่ Top 4 แล้วกัน

เลสเตอร์ ซิตี้

เลสเตอร์ ซิตี้ ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ยังอยู่ที่ 3 จนถึงตอนนี้ได้ถือว่าบุญแล้ว ถ้าสังเกตดูดีๆ นับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2020 พวกเขาผลงานช็อตไปดื้อๆ สะดุดทำแต้มหล่นบ่อยเกินไป ชนะแค่ 3 จาก 12 เกมเท่านั้น ส่วน เจมี่ วาร์ดี้ เองเรื่องสถิติการพังประตูก็เงียบหายไปเลยเหมือนกัน ยิงได้แค่ 2 ประตูจากเท่านั้น 12 เกมหลังสุด และไม่ใช่แค่เขาคนเดียวเท่านั้น เพราะเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ก็เจอชีวิตช่วงขาลงไม่แพ้กัน ถ้าเกิดฟอร์มยังออกทะเลไปแบบนี้เรื่อยๆ มีสิทธ์โดนแซงสูงเลยเหมือนกัน และโปรแกรมอีก 6 นัดที่เหลือก็ถือว่าหนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เพราะ "จิ้งจอกสยาม" ต้องเจอกับทีมที่มีลุ้นพื้นที่ Top 4 ถึง 4 ทีมด้วยกันซึ่งประกอบไปด้วย อาร์เซน่อล (เยือน), เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด (เหย้า), ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (เยือน) และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (เหย้า) โอกาส = 60 / 40 : จากตำแหน่งที่อยู่ในปัจจุบัน เลสเตอร์ ซิตี้ ไม่ต้องไปโฟกัสผลงานของทีมอื่นเลย เอาแค่ตัวเองให้รอดก็พอ เพราะแต้มเยอะกว่าชาวบ้านเขา แต่ผลงานจับต้องไม่ได้เลยในตอนนี้ เชื่อว่าอีก 6 เกมที่เหลือพวกเขาน่าจะมีเกมที่สะดุดอีก โดยเฉพาะการเจอกับทีมใหญ่ๆ เพราะ เลสเตอร์ ซิตี้ มักมีผลงานที่ไม่ดียามเจอกับทีม Top 6 ดังนั้นจึงมองว่าโอกาสจบ Top 4 และโดนแซงมีพอๆ กันเลย

เชลซี

ทางฝั่ง "สิงโตน้ำเงินคราม" ดูเหมือนจะหมดพลังไปเยอะในเกมที่เปิดบ้านเชือด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 เพราะในเกม เอฟเอ คัพ ที่ชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ เริ่มรู้สึกได้ว่าความทะเยอทะยานของนักเตะลดลง ขนาดตัวของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เองยังพูดเลยว่า 'นี่คือเกมที่แย่ที่สุดในฤดูกาลนี้' คำพูดของเขาเหมือนจะช่วยให้ลูกทีมตื่นตัวขึ้น แต่ผลปรากฏว่า เชลซี ดันทะลึ่งบุกไปแพ้ทีมหนีตายที่ทรงบอลไม่เอาไหนอย่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ปัญหาของ เชลซี ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องความมั่นใจของนักเตะแล้ว ขอบอกเลยว่าต่อจากนี้ไปไม่ว่าจะเจอทีมเล็กหรือทีมใหญ่แฟนๆ คงรู้สึกไม่แน่ใจแล้วว่าพวกเขาจะเก็บผลที่ต้องการได้ทุกนัดไหม ส่วนโปรแกรมที่เหลืออยู่ก็มีด่านหินๆ อยู่ไม่น้อยเลยนั่นคือการบุกไปเยือนทีมแชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล แถมยังมีการบุกไปเยือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2 ทีมที่กำลังผลงานดีและได้ลุ้นโควต้าฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างเต็มตัวด้วย โอกาสตอนนี้ของพวกเขามันอยู่ที่ 50 / 50 แล้ว ไม่แน่ไม่นอน โอกาส = 60 / 40 : สิ่งที่น่ากลัวของ เชลซี ตอนนี้คือสภาพความมั่นใจของนักเตะว่าจะกลับมาเหมือนเดิมในนัดหน้าเลยไหม และนอกจากโปรแกรมการเจอกับทีมลุ้น Top 4 ด้วยกันอีกสิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือการพลาดท่าในการเจอทีมเล็กๆ เกมใหญ่ๆ ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ แต่พอถึงคิวบุกไปเยือนทีมเล็กๆ เราจะเห็นพวกเขาสะดุดบ่อยจริงๆ นอกจากวันเจอ เวสต์แฮม แล้วก็ยังมีเคสเดียวกันนั่นคือวันเจอ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, บอร์นมัธ และ ไบร์ทตัน ตอนนี้เริมไม่มั่นใจแล้วว่า เชลซี จะรักษาที่ 4 ได้จนจบไหม เพราะทีมอันดบ 5-6 ตอนนี้กำลังเล่นได้ดีเลย

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ถ้าพูดถึงทีมที่ผลงานแจ่มๆ และฉายแววได้ดีที่สุดตอนนี้ในเหล่าทีมที่ Top 4 ต้องยกให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จริงๆ เพราะพวกเขาเล่นกันได้ดีมากจจริง เล่นกันเป็นระบบ เกมรุกมีความดุดัน การได้ บรูโน่ แฟร์นานเดส มามันเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งจริงๆ พี่แกช่วยระดับศักยภาพทีมแบบเห็นได้ชัด เท่านั้นยังไม่พอ ตัวของ ปอล ป็อกบา ก็ฟิตสมบูรณ์กลับมาช่วยทีมได้แล้วด้วย และก็เล่นเข้าขากับ บรูโน่ ได้ดีหมดจดไร้ปัญหาใดๆ เกมตรงกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ณ ตอนนี้ขอบอกเลยว่าแข็งและแน่นมากๆ ถ้าเกิดพวกเขายังรักษามาตรฐานได้ดีแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มีสิทธิ์เก็บชัยชนะได้หมดอีก 6 เกมที่เหลือ แถมโปรแกรมค่อนข้างเบาด้วยถ้าวัดกับ 2 ทีมอันดับ 3-4 เพราะแต่ละทีมล้วนแล้วเป็นทีมครึ่งล่างของตารางทั้งนั้น หนักสุดคงเป็นการลุ้นตัดแต้มกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในนัดสุดท้ายของซีซั่นนี่แหละ โอกาส = 55 / 45 : ที่ให้โอกาสของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีสูงเกินครึ่ง เปอร์เซนต์มันก็มาจากหลายๆ ปัจจุบัน ทั้งมาตรฐานและผลงานปัจจุบันที่กำลังไปได้สวย, โปรแกรมที่เหลืออยู่ซึ่งดูเบากว่าชาวบ้านชาวช่องเขา รวมไปถึงผลงานและโปรแกรมของทีมที่ลุ้น Top 4 ด้วยกัน มีโอกาสที่พวกเขาจะเก็บได้ 18 แต้มเต็มจาก 6 เกมที่เหลือถ้ายังคงฟอร์มเก่งแบบนี้ต่อไปได้ >>> ยลโฉม! 5 แข้งพรีเมียร์ลีก จากประสบการณ์ หนีตกชั้น สู่ แชมป์ พรีเมียร์ลีก

วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส

นับวัน วูล์ฟแฮมป์ตัน ยิ่งเล่นกันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จากทีมขนาดกลางนอกสายตา ณ ตอนนี้พวกเขากลายเป็นทีมที่สร้างความกดดันและความหวั่นใจให้กับทุกทีมใน พรีเมียร์ลีก และปีนี้พวกเขาก็ประกาศก้องด้วยผลงานในสนามว่า "ข้าขอท้าชิงโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แบบเต็มตัว" สิ่งที่สำคัญที่พาพวกเขามาถึงจุดๆ นี้ได้ก็คือแท็คติกของกุนซือ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ รวมไปถึงนักเตะหลายๆ คนที่เล่นได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และมาตรฐานไม่มีตก ไม่ว่าจะเป็น ราอูล ฆิมิเนซ ที่ยิงประตูได้แบบต่อเนื่อง ไหนจะมี อดาม่า ตราโอเร่ ที่โดดเด่นมากในปีนี้ ส่วนแดนกลางนี่ไม่ต้องพูดถึงเพราะพวก รูเบน เนเวส กับ เจา มูตินโญ่ ยังคงเจ๋งและทำให้ วูล์ฟแฮมป์ตัน เป็นทีมที่มีแผงกองกลางที่แข็งที่สุดในลีกเป็นเบอร์ต้นๆ เหมือนเคย ส่วนโปรแกรมหนักๆ ช่วงที่เหลือจะมีการเจอ อาร์เซน่อล กับบ เชลซี่ นี่แหละ แต่ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าพวกเขายังเล่นได้ดีแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็สามารถชนะได้ทุกทีม โอกาส = 55 / 45 : ผ่านมาจนถึงตอนนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นสำหรับ วูล์ฟแฮมป์ตัน หลายๆ คนเริ่มเชียร์แล้วว่าอยากเห็นพวกเขาไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปีหน้า ดูแล้วจุดนี้น่าจะสร้างขวัญกำลังใจให้พวกเขาได้พอตัวเลย สิ่งที่เป็นจุดเด่นของ วูล์ฟแฮมป์ตัน คือการเล่นกันเป็นทีม ทีมเวิร์คดีเข้าข้ากันสุดๆ แต่สิ่งที่เด่นที่สุดคือการมีแผงกองกลางที่แน่นปึ้ก มันทำให้พวกเขาสามารถต่อกรได้ดียามเจอกับทุกทีม เวลาเจอทีมใหญ่ปีนี้ก็เก็บแต้มได้เยอะอยู่ มีหลายเกมที่เก็บผลชนะได้ด้วย ชื่อชั้นของพวกเขาอาจดูเป็นรอง แต่ถ้าวัดเรื่องคุณภาพชั่วโมงนี้พวกเขาไม่เป็นสองรองใครจริงๆ 

อันดับ 7-9

พวก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ อาร์เซน่อล ไม่มีทางเลือกในอีก 6 เกมที่เหลือนอกจากต้องเก็บชัยชนะให้ได้ทุกนัด และค่อยแช่งให้พวกทีมอันดับ 3-6 สะดุดทำแต้มหล่ยบ่อยๆ หรือไม่ก็ตัดแต้มกันเองแต่สิ่งที่ยากกว่าการสาปแช่งคนอื่นก็คือการโชว์ฟอร์มได้ดีและรักษามาตรฐานให้อยู่จนจบซีซั่น เพราะถ้าเกิดขึ้นพลาดสะดุดขึ้นมาสัก 1 นัดมันอาจทำให้โอกาสลุ้น Top 4 หลุดรอยไปได้เลย ส่วนทีมที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือ สเปอร์ส ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ทรงบอลยังเห่ยต่อเนื่องไม่มีเปลี่ยน ก่อนหน้านี้ที่ฟอร์มแย่ๆ หลายๆ คนอาจจะอ้างว่ามันเป็นเพราะตัวผู้เล่นบาดเจ็บเยอะ ใช้งานได้ไม่เต็มที่ แต่พอตอนนี้นักเตะทุกคนกลับมาหมดแล้ว แต่ผลปรากฏว่ามันก็อยากเหลวแหลกอยู่ดี ส่วน อาร์เซน่อล ปัญหาหลักๆ เลยอยู่ที่เกมรับ นักเตะในตำแหน่งนี้แต่ละคนฝากความหวังไม่ค่อยได้ สังเกตุได้จากที่ผ่านๆ มา  แนวรุกยอมรับว่าดีจริง ยิงประตูได้เรื่อยๆ แต่หลังห่วยแบบนี้ก็ไม่ไหว และถ้าไปดูโปรแกรมทั้งหมดที่เหลืออยู่ขอบอกเลยว่ายากทุกเกม เพราะอีก 4 เกมจากนี้พวกเขาต้องเจอทั้ง วูล์ฟแฮมป์ตัน, เลสเตอร์ ซิตี้, สเปอร์ส และ ลิเวอร์พูล ไหนจะมี แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นัดรองสุดท้ายอีก เห็นคิวรู้สึกสงสาร มิเกล อาร์เตต้า ขึ้นมาทันที กลายเป็นทีมน้องใหม่อย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่มีแววมากกว่า ถึงแม้จะสะดุดแพ้มาติดๆ กัน แต่การชนะ สเปอร์ส ในเกมล่าสุด 3-1 ก็น่าจะช่วยฟื้นความมั่นใจกลับมาได้เยอะอยู่ แต่ถึงกระนั้นโอกาสและความเป็นไปได้ของ 3 ทีมนี้ก็ยังน้อยกว่า 4 ทีมด้านบนเยอะ โอกาส = 10 / 90 : ส่วนทีมอันดับ 7-9 ให้เปอร์เซนต์ความเป็นไปได้เท่าๆ กัน เพราะโอกาสมันยากแล้ว พวกเขาต้องเก็บชัยชนะได้ให้ได้ทุกนัดใน 6 เกมที่เหลือซึ่งดูจากสถานการณ์ตอนนี้ไม่มีทางทำได้หรอก เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เล่นกันได้ดีก็จริง แต่ตัวสำรองของพวกเขายังทดแทนตัวจริงไม่ได้ มันเลยส่งผลเรื่องการรักษาความคงเส้นคงวา ส่วน อาร์เซน่อล ปัญหาเกมรับเชื่อว่า มิเกล อาร์เตต้า น่าจะยังแก้ไขไม่ได้ในฤดูกาลนี้ รวมไปถึงโปรแกรมที่เหลืออยู่ก็มีแต่งานยักษ์ทั้งนั้น ส่วน สเปอร์ส นี่หนักสุดเลย เล่นบอลกันไม่มีทรงเลย ชั่วโมงนี้พร้อมแพ้ให้กับทุกทีมจริงๆ 

HaMu Dos Santos

 
logoline