logo-heading

ช่วงนี้ข่าวคราวในโลกลูกหนังแดนกระทิงดุในเวที ลา ลีกา สเปน ก็ไม่ได้มีอะไรมากนักสักเท่าไหร่ สื่อใหญ่ๆ ก็จะเล่นเรื่อง เรอัล มาดริด ได้รับผลประโยชน์จากเทคโนโลยี VAR ซึ่งฉะนั้นวันนี้เราเลยขอรวบรวมสิ่งที่ "ราชันชุดขาว" ได้รับจาก VAR นับตั้งแต่บอลกลับมาเตะอีกครั้งสักหน่อยละกัน

แหม่จะว่าไปเรื่องนี้จะไม่พูดก็ไม่ได้เน๊อะเพราะ เรอัล มาดริด ถูกมองว่าได้ผลประโยชน์จากการตัดสินกรรมการและ VAR ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วตั้งแต่บอลกลับมาเตะหลังจากเจอพิษโควิด-19 เล่นงานไป มันก็แอบจริงนะที่ "ราชันชุดขาว" ได้ผลประโยชน์จาก VAR อย่างเช่นเกมล่าสุดที่บุกชนะ แอธ.บิลเบา ได้ 1-0 ก็มาจากลูกจุดโทษที่ต้องดู VAR แล้ว เซร์คิโอ รามอส ก็สังหารไปไม่พลาด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ เรอัล มาดริด ได้ประโยชน์จาก VAR เพราะเอาง่ายๆ ตั้งแต่กลับจากโควิดมา "ราชันชุดขาว" ถูกมองว่าเป็นทีมที่ได้ผลประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้มากที่สุด ถึงขนาดที่มีประเด็นโต้เถียงกันผ่านสื่อแบบไม่ไว้หน้าใครเลยทีเดียว ฉะนั้นวันนี้เราขอลองมาชำแหละแซะดูหน่อยว่า เรอัล มาดริด ได้รับผลประโยชน์จาก VAR อย่างที่ว่าจริงรึป่าว นับตั้งแต่ ลา ลีกา กลับมาเล่นใหม่ ก่อนอื่นเลยต้องอธิบายก่อนนะครับว่าก่อนพักเบรคโควิด เรอัล มาดริด คืออันดับ 2 เป็นรอง บาร์เซโลน่า แต่พอกลับมาเล่นก็เก็บชัยชนะได้ 7 เกมติด ทำให้แซง บาร์ซ่า ที่ฟอร์มแผ่ว ขึ้นไปเป็นจ่าฝูงไปแล้ว เพราะสามารถเก็บชัยชนะได้ 7 เกมติด แต่มันดันมีปัญหาเรื่อง VAR ตั้งแต่เกมแรก ที่ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยกัน นัดแรกหลังจากกลับจากโควิดที่ชนะ เออิบาร์ 3-1 ประตู ประตูแรกของ โทนี่ โครส ตั้งแต่ นาทีที่ 4 นั้น คาริม เบนเซม่า อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า แต่สุดท้ายผู้ตัดสินก็ไม่ได้ว่าอะไร มาต่อนัดที่ 2 ถล่ม บาเลนเซีย ไป 3-0 สบายเท้าไม่มีอะไรต้องกังวล แต่มันก็มีจังหวะที่ โรดริโก ซัดใส่ มาดริด ได้ แต่ถูก VAR ปฏิเสธการให้ประตู เพราะ มักซี โกเมซ ล้ำหน้าอยู่ ทั้งๆ ที่ไม่ได้บล็อกหรือขวางทาง ราฟาเอล วาราน ซึ่งเป็นคนสัมผัสบอลก่อนที่จะไปถึง โรดริโก ที่ยิงเข้าไปเลยสักนิด 2 เกมแรกผ่านไปคนเริ่มตะหงิดๆ ละว่า VAR กับ มาดริด นี่ดูแปลกๆ แต่ประเด็นปัญหาที่คนเริ่มจับจ้องว่า VAR นี่แม่งเอื้อ "ราชันชุดขาว" เกินไปรึป่าว ก็อยู่ที่เกมที่ 3 นี่แหละที่ดวลกับ เรอัล โซเซียดาด เกมนั้น มาดริด บุกชนะ ได้ 2-1 แต่มันดันมีประเด็นเกิดขึ้นมากมาย เริ่มจากการเรียกฟาล์วในเขตโทษของ เวเนซิอุส จูเนียร์ ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยชัดเจนมากนัก แต่ VAR ก็ตัดสินให้ว่าลูกนี้เป็นจุดโทษ แล้วก็เป็น เซร์คิโอ รามอส ที่สังหารเข้าไปไม่พลาด เป็นประตูให้ มาดริด ขึ้นนำ 1-0 หลังจาก โดนนำ โซเซียดาด ก็สามารถส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้จากการยิงไกลของ อัดนาน ยานาไซ แต่สุดท้ายกลับโดนบอกว่า มิเกล เมริโน่ ยืนล้ำหน้าอยู่ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับการได้ประตูด้วยซ้ำ เท่านั้นไม่พอ เรอัล มาดริด นำห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ คาริม เบนเซม่า กระโดดพักบอลบริเวณไหล่หรือแขนก่อนเข้าไปยิง ซึ่งมันก็พูดยากว่ามันโดนอะไรกันแน่ แต่สุดท้าย VAR ก็บอกว่าได้ประตูไป ซึ่งอย่างที่บอกไปครับว่าเกมนี้ทำให้ เรอัล มาดริด เริ่มโดนจับตามองมากขึ้นเรื่องของผู้ตัดสินและ VAR ประกอบกับ บาร์ซ่า ก็แผ่วไปเองด้วย ทำให้ประเด็นนี้ยิ่งร้อนระอุ และ "ราชันชุดขาว" ก็แซงเป็นจ่าฝูง เกมถัดมาเจอกับ มายอร์ก้า ไม่ได้มีประเด็นเรื่อง VAR เท่าไหร่ เอาชนะไปสบายๆ 2-0 เช่นเดียวกับการบุกเก็บ 3 คะแนนจากรัง ไอนกแก้ว เอสปันญอล 1-0 ทั้งที่นักเตะเกมนั้นพิการมากๆ อย่างไรก็ตามการโดนมองว่า VAR เข้าข้างก็กลับมาอีกครั้งในเกมที่เจอกับ เคตาเฟ่ เพราะ เรอัล มาดริด ดันมาได้จุดโทษในช่วงท้ายเกม จากจังหวะที่ ดานี การ์บาฆาล โดนทำฟาล์วในเขตโทษ ผู้ตัดสินไม่รอช้าเป่าให้ทันที VAR ก็ฟ้องชัดๆ ว่าฟาล์วแน่นอน เซร์คิโอ รามอส รับหน้าที่สังหารไม่พลาด "ราชันชุดขาว" เอาชนะ เคตาเฟ่ ไปได้ 1-0 จวบจนมาถึงเกมล่าสุดนี่ที่ มาดริด บุกไปขี่ บิลเบา ได้ถึงบ้าน 1-0 ประตูชัยก็ได้มาจากลูกจุดโทษที่ มาร์เซโล่ โดนเกี่ยวล้มแล้วเป็น เซร์คิโอ รามอส ที่ซัดเข้าไป ไม่ใช่แค่นั้นมันยังมีจังหวะที่ รามอส ไปตั้งใจสอยผู้เล่น บิลเบา อีก แต่ผู้ตัดสินก็ดันไม่ดู VAR ซะอย่างนั้น สุดท้าย มาดริด ก็เก็บ 3 คะแนน และขึ้นแท่นรอเป็นแชมป์ ลา ลีกา สเปน ในฤดูกาลนี้ แต่นะครับแต่ไอที่ว่าๆ มานี้ไม่ได้จะบอกว่าผมเป็นติ่งบาร์ซ่า หรือจะกล่าวหา มาดริด นะครับ เพียงแต่นำเสนอข้อเท็จจริงจากประโยชน์และความไม่เสถียรของ VAR ว่ามันเป็นอย่างไร สุดท้ายเทคโนโลยีนี้จะดีหรือไม่ก็แล้วแต่มุมมองเน๊อะ  

ชิน ชินพัฒน์

logoline