logo-heading

มีตัวละครใหม่เกิดขึ้นอีกแล้วจากค่าย "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ว่ากันว่าเป็นตัวตายตัวแทนของ เลรอย ซาเน่ โดยมีนามว่า เจย์เดน บราฟ

การเสีย เลรอย ซาเน่ ให้ บาเยิร์น มิวนิค ไปเมื่อเร็วๆ นี้นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ เพราะนี่คือนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้ดีถึงดีที่สุดกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และถึงแม้ตอนนี้จะมี แบร์นาโด้ ซิลวา และ ริยาด มาห์เรซ ที่แทนที่ได้ในตำแหน่งปีก แต่ดูเหมือน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ยังต้องการใครสักคนมาเสริมแกร่งเพิ่มในตำแหน่งนี้อยู่ดี...ไม่ใช่เพื่อตอนนี้ก็เพื่ออนาคตข้างหน้า ว่ากันว่าไอ้หนู เจย์เดน บราฟ ก็เป็นเด็กปั้นจาก "เรือใบสีฟ้า" ที่ฉายแววดีมากๆ และมีโอกาสเป็นอนาคตที่สดใส่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ซึ่งวันนี้ทาง "ขอบสนาม" จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับไอ้หมอนี่กัน ประวัติพอสังเขป เจย์เดน บราฟ หรือชื่อเต็มๆ คือ เจย์เดน เจไซโร บราฟ เกิดวันที่ 31 สิงหาคม ปี 2002 ที่ กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศฮอลแลนด์ ปัจจุบันอายุ 17 ปี เป็นชาวดัตช์ที่มีเชื่อสายซูนินาม ประจำการในตำแหน่งปีกซ้ายหรือกองหน้าก็ได้ ปัจจุบันสังกัดอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ย้อนเวลากับไปตอน เจย์เดน บราฟ อายุ 5 ขวบเขาเริ่มเดินในเส้นทางสายลูกหนังกับ เอเอสวี ฟอร์ติอุส สโมสรระดับท้องถิ่นของ กรุงอัมสเตอร์ดัม ก่อนจะจากนั้นไม่ถึงเดือนด้วยแววที่เข้าตาไอ้หมอนี่ก็เลยได้โอกาสขยับขึ้นมาอยู่กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ ชุดเยาวชน พร้อมได้ยกระดับฝีเท้าอย่างเต็มที่ในศูนย์ฝึกอคาเดมี่ เขาได้รางวัล 'ทาเลนเทนดาเก้น อวอร์ด' ที่เอาไว้มอบให้กับดาวรุ่งที่ฉายแววได้ดีมากๆ ของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม แต่จากนั้น 2 ปี เจย์เดน บราฟ ก็ได้ผจญภัยต่ออีกครั้งด้วยการย้ายไปปักหลักในอคาเดมี่ของ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามลำดับ 

ค่าตัวระดับ 80 ล้านปอนด์

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นคนพรากตัวไอ้หนู เจย์เดน บราฟ จาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น มาปลุกปั้นเมื่อปี 2018 โดยฝีมือของทีมงานแมวมองซึ่งเชื่อว่าเด็กคนนี้มีของเยอะ, มีความรวดเร็วคล่องตัวสูง, แรงเยอะ ตลอดจนเรื่องของเล่ห์เหลี่ยมก็ร้ายกาจไม่เบาอีกด้วย และพอย้ายมาใหม่ๆ ก็โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นและเข้าตาสุดๆ โดยเฉพาะกับ ทีมชาติฮอลแลนด์ รุ่นเด็กในชุด ยู-17 และ ยู-18 รวมถึง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปีด้วย หนึ่งในทีมงานแมวมองของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กล่าวว่า "วันหนึ่งเขาอาจมีค่าตัวในระดับ 80 ล้านปอนด์ก็เป็นได้ เขาอาจเป็นผู้เล่นในระดับเดียวกับ จาดอน ซานโช่ ถ้าให้เปรียบเทียบกับผู้เล่นตำแหน่งปีกคนอื่นที่อายุเท่าๆ กัน พวกเขาไม่มีใครสู้ เจย์เดน บราฟ ได้เลยสักคน"

เป๊ป รู้จักพิษสงเป็นอย่างดี

ช่วงที่อังกฤษเริ่มคลายล็อคดาวน์และอนุญาตให้นักฟุตบอลกลับมาซ้อมกันได้เจ้า เจย์เดน บราฟ ก็ได้โอกาสขึ้นมาซ้อมกับเหล่าผู้เล่นทีมชุดใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งตัวของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เองก็รู้สึกสนใจในศักยภาพของเด็กคนนี้เช่นกัน ดูแล้วมีแววเป็นอนาคตที่ดีของ "เรือใบสีฟ้า" ได้ในบทบาท "นิว เลรอย ซาเน่" เจ้า เจย์เดน บราฟ มีความมั่นใจว่าในเร็วๆ นี้พี่แกน่าจะได้โอกาสกับทีมชุดใหญ่ แต่ก่อนหน้านี้ก็ต้องรู้สึกผิดหวังไปเพราะตอนต้นปี 2020 ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีคิวลงเตะ เอฟเอ คัพ กับ พอร์ทเวล ชื่อของ เจย์เดน บราฟ ตอนแรกถูกคาดการณ์ว่าจะได้โอกาสในเกมนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดขึ้น โดยตัวนักเตะเองถึงขั้นโพสต์โซเชี่ยลแนวตัดพ้อๆ ว่า "ผมคงต้องยิงให้ได้ 100 ประตูเพื่อได้เปิดตัวกับทีมชุดใหญ่"

ผลงานกับ แมนฯ ซิตี้ และจุดเด่น

ถ้านับรวมทุกรายการตั้งแต่ย้ายมาค้าแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ว่าจะชุด รุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี หรือ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ไม่ว่าจะเล่นในศึก พรีเมียร์ลีก ยู-18, ยูฟ่า ยูธ ลีก, พรีเมียร์ลีก 2, อีเอฟแอล โทรฟี่ หรือ เอฟเอ ยูธ คัพ สำหรับ เจย์เดน บราฟ พี่แกลงเล่นไปทั้งหมด 40 เกม ยิงได้ 14 ประตู และทำไป 4 แอสซิสต์ ส่วนสไตล์การเล่น เจย์เดน บราฟ ถนัดในการยืนเป็นปีกซ้ายแต่ถนัดเท้าขวา แนวทางการไปกับบอลก็คือประจำการทางกราบซ้ายและพาบอลตัดเข้าในโดยใช้ทักษะความรวดเร็วคล่องตัวเป็นตัวนำพา แต่ถ้าจะถามถึงจุดเด่นหลักๆ เลยของไอ้หมอนี่ก็คือการเลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้, การเคลื่อนที่หาช่อง และการส่งบอลซุกก้นตาข่าย > เปิดไทม์ไลน์ ซาเน่! จากคนสำคัญกลายเป็นส่วนเกินในทัพ เรือใบ

เรื่องทัศนคติ ?

ต่อให้เป็นนักเตะที่ฝีเท้าดีเลิศเลอเพอร์เฟคขนาดไหน แต่ถ้าเป็นคนที่ทัศนคติหรือมีแนวคิดที่ไม่ดีก็อาจไปไหนไม่รอด ซึ่งปัญหานี้มีสิทธิ์เกิดขึ้นกับตัว เจย์เดน บราฟ ก็เป็นได้ ย้อนกลับไปช่วงท้ายฤดูกาล 2017-18 เขาถูกสั่งแบนโดยทีม พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ชุดเยาวชน เพราะตัวของโค้ชนั้นได้ตั้งคำถามเรื่องทัศนคติที่ดูไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ ว่ากันว่าตัวของ เจย์เดน บราฟ มักงอแงอยู่ตลอดในความกระสันอยากขึ้นไปเล่นกับทีมใหญ่ ไหนจะมีเรื่องแอบคุยกับสโมสรอื่นด้วยซึ่ง พีเอสวี ไม่พอใจเอามากๆ และปีนี้มันก็เกิดขึ้นที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เช่นกัน ลองย้อนกลับไปช่วงต้นซีซั่นว่ากันว่าตัวของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และทีมงานต่างก็ไม่พอใจในทัศนคติของไอ้หนู เจย์เดน บราฟ ช่วงฝึกซ้อม ก่อนจะส่งกลับไปยังอคาเดมี่  "ผมหวังที่จะได้เล่นกับทีมชุดใหญ่ที่ไหนสักที่หนึ่งในฤดูกาลหน้า จะเป็นที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือทีมอื่นๆ เราต้องรอดูกันต่อไป มีผู้คนมากมายพูดถึงผม ดังนั้นผมต้องทุ่มเทฝึกซ้อมต่อไป และนี่ก็คือฤดูกาลที่สำคัญสำหรับผม"  นี่คือสิ่งที่ เจย์เดน บราฟ เคยพูดออกสื่อเอาไว้ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าตอนนี้เปลี่ยนเปลี่ยนแนวคิด, ทัศนคติและนิสัยแบบนี้รึยัง ถ้ายังดูแล้วน่าจะไปไม่รอดกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพราะตัวอย่างดีๆ มีให้เห็นมากมายในโลกลูกหนัง

ตามรอย จาดอน ซานโช่

สถานการณ์ของ เจย์เดน บราฟ มันเหมือนกระจกเงาที่สะท้อนเส้นทางของ จาดอน ซานโช่ ไม่มีผิดเพี้ยน ย้อนกลับไปตอนปี 2017 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เป็นฝ่ายคว้าตัว จาดอน ซานโช่ ไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 8 ล้านปอนด์ และก็ได้โอกาสสัมผัสประสบการณ์กับทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ฤดูกาลนั้น ก่อนจะกลายเป็นดาวรุ่งที่ฉายแววได้ดีที่สุดบนสังเวียน บุนเดสลีกา เยอรมัน สาเหตุที่ จาดอน ซานโช่ ย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เป็นเพราะตัวพี่แกนั้นมั่นใจในศักยภาพของตัวเองมากๆ และพร้อมแล้วที่จะช่วยทีมชุดใหญ่ แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ดันมองว่า ‘มันยังไม่ถึงเวลา’ เช่นเดียวกับสถานการณ์ของ เจย์เดน บราฟ มันถอดแบบมาเหมือนกันเปี๊ยบเลย   ถ้าไปดูตามหน้าสื่อต่างประเทศตอนนี้ดูเหมือนกับว่ามีหลายทีมใน บุนเดสลีกา ที่อยากได้ตัว เจย์เดน บราฟ ไปปลุกปั้นฝึกปรือฝีเท้า ไม่ว่าจะเป็น โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ อาร์บี ไลป์ซิก และที่สำคัญคือ 2 ทีมนี้ขึ้นชื่อลือชาอยู่แล้วเรื่องการปั้นเด็กจนโด่งดัง ดังนั้นเราต้องมารอดูกันว่าอนาคตของ เจย์เดน บราฟ นั้นจะไปลงเอยที่ไหน ?

HaMu Dos Santos

ส่วนหนึ่งของข้อมูล : goal ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline