logo-heading

มาดูเรื่องเหรียญรางวัลและเรื่องการคว้าแชมป์กันหน่อย ตามกฏของ พรีเมียร์ลีก ที่เราทราบกันคือนักเตะคนใดที่ลงเล่นแตะหลัก 5 นัดจะได้เหรียญรางวัลและถูกจารึกสถิติว่าเป็นแชมป์

ในเคสของ ลิเวอร์พูล ที่เถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019-20 พวกเขามีนักเตะ 23 คนที่ลงเล่นได้ตามเกณฑ์ที่วางเอาไว้ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจมอบให้นักเตะทุกคน ถึงแม้ดาวรุ่งอย่าง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ จะลงเล่นไม่ถึงก็ตาม แต่วันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือการเปิดเผยรายชื่อ 10 แข้งดัง พรีเมียร์ลีก ที่เป็นแชมป์กับต้นสังกัดตัวเอง แต่สุดท้ายไม่ได้เหรียญรางวัล รวมไปถึงการบันทึกสถิติว่าเป็นแชมป์ เนื่องจากลงเล่นไม่ถึงเกณฑ์ จะมีใครกันบ้างไปชมกัน...

แกรี่ เนวิลล์ - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แกรี่ เนวิลล์ ตำนานกองหลังกัปตันทีมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกจารึกเอาไว้ว่าคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก กับต้นสังกัดไปทั้งหมด 8 สมัย แต่จริงๆ ในช่วงระยะเวลา 17-18 ปีในรั้ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แกรี่ เนวิลล์ ควรมีแชมป์ประดับไว้ในโปรไฟล์มากกว่านั้น โดยในฤดูกาล1993-94 เจ้าตัวได้เปิดตัวการลงเล่นเกมลีกเป็นครั้งแรก แต่ปีนั้นเจ้าตัวได้ลงเล่นไปแค่เพียงเกมเดียว และเมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นแชมป์ แกรี่ เนวิลล์ ก็ไม่ได้รับการจากบันทึกว่าเป็นแชมป์ในปีนั้น เช่นเดียวกับฤดูกาล 2007-08 ปีนั้น "ปีศาจแดง" ก็เป็นแชมป์แต่ แกรี่ เนวิลล์ ไม่ได้มีส่วนร่วมเลยแม้แต่นัดเดียว

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ - เชลซี

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตอนนี้การันตีแล้วว่าได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกในชีวิตกับ ลิเวอร์พูล และก็ได้เหรียญรางวัลเป็นที่ระลึกด้วย หลังลงเล่นไปมากถึง 32 เกมในปีนี้ แต่จริงๆ ก่อนจะมีวันนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เคยอยู่กับทีมแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาก่อนนั่นคือ เชลซี ช่วงปี 2013-15 อย่างไรก็ตามในฤดูกาล 2014-15 ที่พลพรรค "สิงโตน้ำเงินคราม" เถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก ดาวยิงทีมชาติอียิปต์ ลงเล่นให้ เชลซี ในลีกไม่ถึง 5 เกม แถมยังย้ายไปอยู่กับ ฟิออเรนติน่า ช่วงกลางซีซั่นด้วย ทำให้เขาไม่ถูกบันทึกสถิติเรื่องการรับแชมป์ ณ ตอนนั้น

โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บที่ตามหลอนเป็นวิญญาณตามติดมันก็เลยทำให้ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ ยุติเส้นทางค้าแข้งด้วยวัยแค่ 31 เท่านั้น และก็ไม่ได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์และเหรียญรางวัลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2008-09 และ 2010-11 เพราะพี่แกได้ลงเล่นในเกม พรีเมียร์ลีก ไปเพียงแค่ 2 และ 1 นัดเท่านั้นตามลำดับ เท่ากับว่าตลอดระยะเวลา 4 ปีกับชีวิตใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ ได้แชมป์ไปแค่ 1 สมัยเท่านั้นนั่นคือฤดูกาล 2007-08 เช่นเดียวกับฤดูกาล 2011-12 ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปาดหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซิวแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปแบบดราม่า ทาง โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ ก็ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับความสำเร็จของ “เรือใบสีฟ้า” เพราะลงเล่นไปแค่เกมเดียวเท่านั้น

เดวิด แบตตี้ - แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส

แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เคยสร้างประวัติศาสตร์เถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกและสมัยเดียวในหน้าประวัติศาสตร์เมื่อปี 1995 ในยุคของ เคนนี่ ดัลกลิช แต่มันน่าเสียดายสุดๆ ที่อดีตนักเตะ ทีมชาติอังกฤษ และตำนานสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด อย่าง เดวิด แบตตี้ ไม่ได้ถูกจารึกว่าเป็นแชมป์กับสโมสร เพราะปัญหาโรคเดี้ยงที่ตามรุมเร้ามันทำให้เขาลงเล่นไปเพียงแค่ 5 เกมเท่านั้น (ตอนนั้นตามกฏเดิมของ พรีเมียร์ลีก คือนักเตะที่จะได้เหรียญรางวัลคือต้องเล่นถึง 10 นัด) ถึงแม้ทาง แบล็คเบิร์น จะเสนอเหรียญรางวัลให้กับเขา แต่ เดวิด แบตตี้ เลือกที่จะปฏิเสธพร้อมให้เหตุผลว่าตัวเขาเองไม่ได้มีส่วนร่วมมากพอ ขอยอมใจในเรื่องของสปิริตพี่แกจริงๆ

เฟเดริโก้ มาเคด้า - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

อดีตเด็กปั้นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยฉายแววได้ดีจนหลายๆ ฝ่ายเชื่อว่านี่คืออนาคตที่สดใสของสโมสรสำหรับ เฟเดริโก้ มาเคด้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2009 เขาคือคนยิงประตูชัยพา "ปีศาจแดง" พลิกกลับมาชนะ แอสตัน วิลล่า 3-2 นับเป็นประตูสำคัญที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายเขาไม่ได้มีส่วนร่วมกับการฉลองแชมป์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะได้ลงเล่นไปเพียงแค่ 4 เกมเท่านั้น ยิงได้ 2 ประตู และจากนั้นพี่แกก็ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่จนหายหน้าหายตาไปเลยโดยปริยาย >>> เฮกันสุดเสียง! รวมสื่อโซเชียลของแข้ง ลิเวอร์พูล หลังได้รับโทรฟี่แชมป์พรีเมียร์ลีก

สกอตต์ พาร์เกอร์ - เชลซี

ปัจจุบัน สกอตต์ พาร์เกอร์ รับบทบาทเป็นผู้จัดการทีมให้ ฟูแล่ม ถ้าจะพูดถึงสโมสรที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาสมัยเป็นนักเตะก็คงเป็น เชลซี นี่แหละที่ซื้อตัวเขามาเสริมทัพเมื่อช่วงต้นปี 2004 แต่ในฤดูกาล 2004-05 สถานะของเขาก็เป็นได้แค่ส่วนเกินในยุคของ โชเซ่ มูรินโญ่ และถึงแม้ปีนั้น เชลซี จะได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกในรอบ 50 ปี แต่ สกอตต์ พาร์เกอร์ ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับมันเลย และโปรไฟล์ของเขาก็ไม่ได้ถูกบันทึกว่าเคยเป็นแชมป์กับที่นี่ ก่อนที่จากนั้นจะย้ายไปค้าแข้งกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ ฟูแล่ม ตามลำดับ

เนมานย่า มาติช - เชลซี

เนมานย่า มาติช กว่าจะมาได้สัมผัสกับแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกก็ตอนกลับมารับใช้ เชลซี คำรบที่ 2 เมื่อปี 2013 และได้แชมป์ไป 2 สมัยในปี 2015 และ 2017 ย้อนเวลากลับไปตอนปี 2009 ในยุคของ คาร์โล อันเชล็อตติ พี่แกถูกซื้อตัวมาจาก โคไซซ์ ในลีกสโลวาเกีย แต่ เนมานย่า มาติช ก็มีสถานะเป็นแค่ส่วนเกินเท่านั้นไม่มีใครเหลียวแล โดยได้ลงเล่นในลีกไปแค่ 2 นัดเท่านั้นก่อนจะต้องระเห็จเก็บข้าวของย้ายไป เบนฟิก้า ในปีต่อมา

เวส บราวน์ - แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เวส บราวน์ อดีตกองหลังขวัญใจมหาชนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้ชีวิตค้าแข้งอยู่ในรั้ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ตั้งแต่ช่วงปี 1997-2011 ได้โอกาสเถลิงบัลลังก์แชมป์ในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน 5 สมัยด้วยกัน แต่จริงๆ เวส บราวน์ ควรมีถ้วยโทรฟี่ประดับไว้ใจพอร์ทผลงานของตัวเองมากกว่านี้ มันน่าเสียดายที่ฤดูกาล 2008-09 เขาลงเล่นไม่ครบตามเกณฑ์ 10 นัดที่ พรีเมียร์ลีก ระบุไว้เพราะเจอปัญหาอาการบาดเจ็บ โดยได้ลงเล่นไปเพียงแค่ 8 นัดเท่านั้น เช่นเดียวกับฤดูกาล 2010-11 เวส บราวน์ ก็อดแชมป์เพราะลงเล่นไม่ครบตามกำหนดเช่นกัน

ไมกาห์ ริชาร์ดส์ - แมนเชสเตอร์ ซิตี้

ไมกาห์ ริชาร์ด กองหลังสารพัดประโยชน์นับเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยพา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซิวแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกได้สำเร็จเมื่อปี 2012 แต่ถัดมาในฤดูกาล 2013-14 ที่ "เรือใบสีฟ้า" ได้แชมป์อีก 1 สมัย ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับความสำเร็จ ไม่ได้เหรียญรางวัล ไม่ได้ชูถ้วยแชมป์ เพราะได้ลงสนามไปเพียงแค่ 2 นัดเท่านั้นซึ่งปัญหาหลักๆ ก็มาจากเรื่องอาการบาดเจ็บ ก่อนจะถูกโละให้ ฟิออเรนติน่า และ แอสตัน วิลล่า ในเวลาต่อมาตามลำดับ

อังเดร คามาริช - เลสเตอร์ ซิตี้

เลสเตอร์ ซิตี้ ซื้อตัว อังเดร คามาริช มาจาก ริเยก้า สโมสรในลีก โครเอเชีย ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร ณ ตอนนั้นที่ 9 ล้านปอนด์เมื่อปี 2015 แต่เหมือนไม่ได้เป็นที่ต้องการของสโมสรเท่าไหร่ เขาแทบไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับทีมในปีที่ เลสเตอร์ ซิตี้ สร้างตำนานเทพนิยายจิ้งจอก เถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสรเมื่อปี 2016 โดยได้ลงเล่นไปแค่ 2 เกมเท่านั้น ก่อนจะถูกปล่อยตัวไป ฮอฟเฟ่นไฮม์ จนกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญและโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในปัจจุบัน

HaMu Dos Santos 

ที่มา : The Sun ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline