logo-heading

รางวัลอันทรงเกียรติอย่าง "บัลลงดอร์" นี่คือความใฝ่ฝันของนักฟุตบอลทุกคนว่าในชีวิตนี้อยากจะได้สัมผัสกับมันสักครั้ง แต่มันไม่ใช่สำหรับใครก็ได้นะ เพราะในทุกๆ ปีรางวัลนี้มันจะตกเป็นของนักฟุตบอลที่เฟอร์เฟ็คที่สุดในปีนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฟอร์มการเล่น, ความสำเร็จ และต่างๆ อีกมากมาย

ถ้าเราพูดว่าคนที่จะได้รางวัลนี้ไปต้องเป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุด ดังนั้นแน่นอนว่าชื่อของ ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะต้องปรากฏขึ้นมาเป็นแน่แท้ เพราะนี้คือ 2 แข้งที่คนทั้งโลกยังถกเถียงกันว่าใครคือเบอร์ 1 กันแน่ ส่วนเรื่องของผลงานก็ตามเนื้อผ้าเลย เพราะ 2 คนนี้แต่ละปีมักจะปล่อยของออกมาได้เกินหน้าเกินตานักเตะคนอื่นๆ เสมอ แต่ถ้าหากวัด 1 ต่อ 1 ในฤดูกาลนี้ เมสซี่ เหมือนจะดูภาษีดีกว่าในระดับหนึ่งกับผลงาน 29 ประตูกับอีก 12 แอสซิสต์ ใน ลา ลีกา และ 6 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และมีโอกาสคว้าแชมป์แน่ๆ คือ ลา ลีกา สเปน ในปีนี้ อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้หมายความว่ารางวัล "บัลลงดอร์" จะต้องตกเป็นของ เมสซี่ และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจะไม่ได้รางวัลดังกล่าวในปีนี้ 1.รางวัล 'บัลลงดอร์' ไม่ได้แข่งขันแค่ 2 คน นับตั้งแต่ปี 2007 ที่ ริคาร์โด้ กาก้า คว้ารางวัล 'บัลลงดอร์' ไปครองจากนั้นตลอด 10 ปีเต็มๆ มันเป็นตกอยู่ในกำมือ เมสซี่ และ โรนัลโด้ แค่ 2 รายเท่านั้น โดยแชร์กันไปคนละ 5 ครั้ง ทว่าในปี 2018 มีมันอาจมีการเปลี่ยนแปลงก็เป็นได้เพราะมีแข้งที่ฉายแววได้ยอดเยี่ยมสุดๆ เหมือนกัน อาทิเช่น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่กำลังผลงานแจ่มแมวสุดๆ กับ ลิเวอร์พูล ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ พา ลิเวอร์พูล ผ่านไปถึงรอบรองชนะเลิศ ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก และที่สำคัญคือเขาเป็นผู้แบกทีมชาติ อียีปต์ หวนคืนสู่สังเวียน ฟุตบอลโลก รวมไปถึงคนอื่นๆ อีกมากมายที่มีโปร์ไฟล์ที่ดีกับสโมสรและทีมชาติของตัวเอง 2.ตกรอบไวเกินใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ความสำเร็จในถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญสู่การคว้า บัลลงดอร์ เหมือนกัน เพราะนี่คือถ้วยใบใหญ่ที่สุดของทวีปยุโรป และเป็นรายการระดับสโมสรที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในโลก ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้ในช่วง 5 ปีหลังสุดนั้นสามารถคว้ารางวัล บัลลงดอร์ ได้ถึง 4 ปีด้วยกัน (หมายถึง เมสซี่ กับ โรนัลโด้) อย่างไรก็ตามทาง บาร์เซโลน่า ของ เมสซี่ ต้องจอดป้ายไว้แค่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเท่านั้นจากการบุกไปแพ้ โรม่า 0-3 ทั้งที่เกมนัดแรกเปิดบ้านถลุงมาก่อน 4-1 แท้ๆ 3.สังเวียน ฟุตบอลโลก 2018 จะตัดสินได้ว่าคุณจะได้ บัลลงดอร์ หรือไม่ ที่ผ่านๆ มามีคำวิจารณ์เกิดขึ้นมากมายว่าทำไมผู้ที่ได้แชมป์โลกถึงไม่ได้รางวัล บัลลงดอร์ ยกตัวอย่างเช่น ทีมชาติ สเปน ในปี 2010 และ ทีมชาติเยอรมัน ในปี 2014 ทำไมยังคงเป็น ลิโอเนล เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้อยู่ตามเคย ซึ่งในความเป็นจริงนั้นการทีมที่ สเปน และ เยอรมัน ได้แชมป์โลก นั้นมันมาจากความพยายามของทีมที่เต็มไปด้วยเหล่าแข้งเกรดพรีเมี่ยมทุกคน ไม่ได้มีฮีโร่ที่แบกทีมคนเดียวแต่อย่างใด ไม่เหมือนกับ โรนัลโด้ ที่เป็น เดอะ แบก ของ โปรตุเกส ตอนเถลิงบัลลังก์แชมป์ ยูโร 2016 รวมไปถึง ลิโอเนล เมสซี่ ที่คือหนึ่งเดียวในการสร้างความแตกต่างที่ทีมชาติ อาร์เจนติน่า อย่างไรก็ตามถ้าดูจากฟอร์มของ "ฟ้า-ขาว" ถ้าเล่นได้แบบเกมอุ่นเครื่องที่แพ้ สเปน แบบย่อยยับ 1-6 ความฝันในการลุ้นแชมป์แลกก็คงยาก และนั่นจะส่งผลต่อโอกาสโอกาสการคว้า "บัลลงดอร์" ของ เมสซี่ ด้วย 4.โรนัลโด้ ฟอร์มกำลังร้อนแรงในชั่วโมงนี้ ถ้าย้อนกลับไปช่วงต้นฤดูกาลเจ้าของโค้ดเนม CR7 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีผลงานที่ห่วยแตกขั้นสุดจนโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แต่นับตั้งแต่เข้าสู่ศักราชใหม่ปี 2018 จิตวิญญาณเพชฌฆาตก็ได้กลับคืนสู่ร่างเขาอีกครั้ง ส่งผลให้จากนั้น โรนัลโด้ ยิงประตูได้กระจุยกระจาย กดไป 19 ประตูจาก 10 เกมใน ลา ลีกา และในสังเวียน แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 15 ประตู ซึ่งรวมไปถึง 3 ประตูในการเจอ ยูเวนตุส และอีก 3 ประตูกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ทำให้เขาไต่อยู่มาอยู่ในระดับที่สูสีกับ เมสซี่ อีกครั้ง และที่สำคัญการที่ เรอัล มาดริด ยังอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ "ยูซีแอล" สมัยที่ 3 ติดต่อกันมันก็มีโอกาสที่ โรนัลโด้ จะได้คะแนนสอบจากรายการนี้มากกว่า เมสซี่  

-HaMuDosSantos-

logoline