logo-heading

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ได้อย่างสวยหรู แถมยังมีความแข็งแกร่งและไร้เทียมทานสุดๆ จนใครต่อใครนำเอาพวกเขาไปเปรียบเทียบกับ อาร์เซน่อล ชุดแชมป์ไร้พ่ายในอดีต ถึงแม้ช่วงหลังนี้อาจมีล้มมีสะดุดไปบ้าง แต่เรื่องของการเถลิงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก ก็ยังดูสดใสสำหรับพวกเขาในฤดูกาลนี้

ตามจริงขุนพล "เรือใบสีฟ้า" เกือบได้ฉลองแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ในเกม แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เมื่อสัปดาห์ก่อนที่รังเหย้า เอติฮัด สเตเดี้ยม ของตัวเอง แต่ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นการปราชัยเสียอย่างนั้น ทั้งที่เป็นฝ่ายนำก่อนถึง 2-0 ซึ่งจากผลที่เกิดขึ้นมันดีเลย์ให้ ซิตี้ ต้องยืดระยะเวลาในการเป็นแชมป์ไปอีกเป็นอย่างน้อย 2 นัดด้วยกัน ตัดภาพกลับมาที่ปัจจุบันวันเสาร์ที่ 14 เมษายน พวกเขาต้องเจอกับอีก 1 ด่านหินที่จะคอยสกัดกั้นพวกเขาให้พ้นและให้ห่างจากเส้นชัยสู่การเป็นแชมป์ไกลมากขึ้น นั่นคือการยกพลบุกมาตี ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ถึงสังเวียน เวมบลี่ย์ สเตเดี้ยม แน่นอนว่าการเก็บแต้มเหนือพลพรรค "ไก่เดือยทอง" นั้นมันไม่ง่าย เพราะตอนนี้ ซิตี้ กำลังเสียสูญ แพ้มา 3 เกมรวดแล้ว แต่ในทางกลับกันมันก็พอจะมีวิธีอยู่บ้าง และนี่ก็คือ 3 สิ่งที่พวกเขาต้องทำ หากหวังบุกหักคอ สเปอร์ส 1.จัดแผงกองหลังในแข็งแกร่งขึ้น ในพักหลังๆ เกมรับของ ซิตี้ เริ่มมีปัญหาให้เห็น ยกตัวอย่างเกมกับ ลิเวอร์พูล ที่ผ่านมา พวกเขาใช้กองหลัง 3 คน และเลือกไม่ใช่งานตัวเก๋าอย่าง แว็งซ็องต์ ก็องปานี ที่มีทีเด็ดเรื่องของประสบการณ์และการโจมตีในลูกกลางอากาศ ซึ่งนั่นเป็นการบังคับให้พวกเขาต้องเปิดเกมบุกเข้าใส่ เพื่อทวงประตูคืน แต่สุดท้ายก็น่าเสียดายที่แท็คติกเกมรับของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มันกลับโดน ลิเวอร์พูล เล่นงานซะเละไม่เป็นท่า แมนฯ ซิตี้ ใช้เงินไปถึง 200 ล้านปอนด์กับการยลโฉมแผงแนวรับขึ้นมาใหม่ แต่ถึงกระนั้นเอง นิโกลัส โอตาเมนดี้ ก็ยังเป็นฟันเฟืองที่สำคัญที่สุดอยู่ดี ส่วนเกมกับ ลิเวอร์พูล มันเลวร้ายมากๆ สำหรับพวกเขา เพราะเสียการครองเกมและเสียบอลกันง่ายเกินไป จนเป็นเหตุให้เสียประตูในที่สุด ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องทำในวันนี้คือการส่งกองหลังตัวเก๋ามากประสบการณ์อย่าง ก็องปานี ลงมา และใช้แผน 4-3-3 โดยแผนนี้จะช่วยบีฟแนวรับให้สูงขึ้น เพื่อบีบพื้นที่ของศัตรู และแท็คติกอื่นๆ ที่ต้องเอามาใช้อีกคือการหาตัวจับตาย แฮร์รี่ เคน สักคนหนึ่งในกรอบเขตโทษ 2.ควบคุมอารมณ์และรักษาฟอร์มในครึ่งหลัง เกมกับ ลิเวอร์พูล เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โดนไล่ขึ้นไปบนอัฒจันทร์จากการประจัญหน้าผู้ตัดสิน อันโตนิโอ มาตู ลาฮอซ ในสนามจากเหตุประท้วงคำตัดสิน ซึ่งในเกมแบบนี้มันจำเป็นสุดๆ ที่ผู้จัดการทีมต้องใจเย็นๆ และต้องคอยเน้นกระตุ้นนักเตะอยู่เสมอ ดีกว่าที่เขาต้องโดนไล่ออก ตลอดจนการรักษาฟอร์มการเล่นในช่วงครึ่งหลังก็สำคัญด้วยเหมือนกัน เพราะเมื่อยกตัวอย่างเกมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาขึ้นนำถึง 2-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก แต่พอมาครึ่งหลังพวกเขากลับเสีย 2 ประตูแบบไวมากๆ ยิ่งวันนี้ต้องเจอกับ สเปอร์ส ที่ไม่แพ้ใครมาแล้ว 14 เกมรวดใน พรีเมียร์ลีก แถมยังเป็นทีมที่น่าเกรงขามยามเล่นที่ เวมบลี่ย์ ในชั่วโมงนี้ ตลอดจนเกมรุกที่จัดจ้านด้วยเช่นกัน ดังนั้นหาก ซิตี้ หวังจะเป็นแชมป์ให้ไวๆ ต้องผ่านเกมนี้ไปให้ได้ แม้จะตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ดีจากการแพ้มา 3 เกมติด ก็ตาม 3.จำเป็นต้องมี เซร์คิโอ อเกวโร่ ในแผงแนวรุก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีโอกาสยิงน้อยครั้งมากในช่วง 3 เกมหลังสุด ทั้ง เลรอย ซาเน่, กาเบรียล เชซุส และ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง นี่ถือเป็น 3 ตัวอันตรายสุดๆ เมื่อช่วงต้นฤดูกาล แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นความยากลำบากเสียแล้วกว่าจะบวกมาได้สักประตู ยกตัวอย่างในเกมกับ ลิเวอร์พูล ซาเน่ ก็มีจังหวะล้ำหน้าบ่อยเกินไป และสร้างอิมแพ็คให้กับเกมไม่ค่อยได้ ส่วน สเตอร์ลิ่ง ก็ชอบพลาดง่ายๆ ในเขตพื้นที่อันตราย ดังนั้นทางที่ดีคือมันควรมี เซร์คิโอ อเกวโร่ อยู่ในสนาม และถ้าเป็นไปได้ต้องเป็นตัวจริงด้วย เพราะนี่คือนักเตะที่เป็นดาวซัลโวสูงสุดของสโมสร แมนฯ ซิตี้ ที่ 178 ประตู แถมยังมีสกิลการแหวกทะลุทะลวงคู่แข่งได้ดี หาช่อง, ตบแต่งจังหวะ ตลอดจนการสังหารประตูที่เป็นเลิศ และที่สำคัญเขาคือผู้เล่นที่ถูกโฉลกมากในการเจอ สเปอร์ส เพราะช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเข้าซัลโวใส่ยอดเยี่ยมจากกรุงลอนดอนถึง 10 ตุงเลยทีเดียว
logoline