logo-heading

สิ่งที่น่าติดตามสำหรับเกมไทยลีกนัดรีสตาร์ท สุดสัปดาห์นี้ วันเสาร์ที่ 12 และวันอาทิตย์ที่ 13 กันยายนนี้ มีอะไรบ้างที่น่าสนใจ และน่าติดตามเป็นพิเศษ ไปดูกัน

เหลือเวลาอีกเพียง 4 วันเท่านั้น ฟุตบอลไทยลีก 2020 ก็จะกลับมาลงฟาดแข้งกันอีกครั้ง สำหรับเกมรีสตาร์ทหลังช่วงโควิด วิด วิด ซึ่งจะเป็นการแข่งขันต่อจากเดิมแมตช์ที่ 5 ที่เตะค้างกันไว้เมื่อ 4-5 เดือนก่อน ซึ่งหลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่าสถานการณ์ต่างๆ เป็นอย่างไรบ้างกับ 4 นัดแรก และมีความน่าสนใจอย่างไรกับเกมนัดรีสตาร์ทที่กำลังจะมาถึงสุดสัปดาห์นี้ ว่าแล้วเราไปดูโปรแกรมกันก่อนว่ามีใครเจอกับใครกันบ้าง โปรแกรมถ่ายทอดสดไทยลีก (T1) วันเสาร์ที่ 12 กันยายน 2563 17:45 น. ราชบุรี มิตรผล VS ทรู แบงค็อก สนามมิตรผล สเตเดี้ยม (TRUE4U) 18:00 น. สิงห์ เชียงราย VS พีที ประจวบ สนามสิงห์ สเตเดี้ยม (True Sport HD3) 19:00 น. สุพรรณบุรี เอฟซี VS นครราชสีมา มาสด้า สนามกีฬา จ.สุพรรณบุรี (True 357) 20:00 น. สุโขทัย เอฟซี VS เอสซีจี เมืองทอง สนามทะเลหลวง สเตเดี้ยม (TRUE4U) วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน 2563 18:00 น. ชลบุรี เอฟซี VS ตราด เอฟซี สนามชลบุรี สเตเดี้ยม (True 357) 18:00 น. การท่าเรือ เอฟซี VS โปลิศ เทโร สนามแพท สเตเดี้ยม (True Sport HD3) 19:00 น. สมุทรปราการ ซิตี้ VS ระยอง เอฟซี สนามสมุทรปราการ สเตเดี้ยม (True Sport 7) 19:00 น. บีจี ปทุม ยูไนเต็ด VS บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สนามลีโอ สเตเดี้ยม (TRUE4U) สำหรับ 5 สิ่งที่น่าสนใจของเกมสุดสัปดาห์นี้ มีดังนี้ 1.ชิงตำแหน่งจ่าฝูง เกมคู่ระหว่าง ราชบุรี มิตรผล กับ ทรู แบงค็อก ที่จะเป็นเกมเปิดหัวในคู่เย็นวันเสาร์ที่ 12 ก.ย.นี้ นั้น ถือเป็นเกมที่น่าสนใจที่สุดของสัปดาห์นี้ คือถ้าไม่ติดช่วงโควิด แฟนบอลก็คงจะอินกว่านี้ เนื่องจากทั้งคู่คือ 2 ทีมนำ ที่ชนะคู่แข้งมารวด 4 เกมติดต่อกันเมื่อต้นฤดูกาล และต้องโคจรมาเจอกันในนัดที่ 5 พอดิบพอดี ซึ่งถ้าเจอกันตั้งแต่ก่อนโควิด ความมันส์จะกระฉูดแตกกว่านี้หลายเท่า แต่ถึงอย่างไรเกมนี้ก็ยังน่าสนใจอยู่ดี เพราะอาจจะมีทีมที่ชนะรวด 5 เกมติดต่อกันและนำจ่าฝูงเดี่ยวๆ หรืออาจจะแบ่งแต้มกันไปและนำจ่าฝูงร่วมเหมือนเดิม เกมนี้จึงน่าสนใจมาก กับ 2 ทีมที่ฟอร์มแรงถึงขีดสุดใน 4 นัดแรก เมื่อมาเจอกันเกมนี้จะเป็นอย่างไร และใครจะได้เป็นจ่าฝูงเดี่ยวๆ ไว้รอดูกันเสาร์นี้ 2.บิ๊กแมตช์ที่ทุกคนรอคอย ขณะที่อีกคู่ถือเป็นบิ๊กแมตช์ที่ทุกคนต่างเฝ้ารอดู นั่นคือการพบกันของ บีจี ปทุมฯ กับ บุรีรัมย์ ในคู่สุดท้ายของคืนวันอาทิตย์ จริงๆ แล้วคู่นี้เจอกันเมื่อไหร่ก็คือเกมบิ๊กแมตช์ที่น่าสนใจในตัวของมันเองอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าสิ่งที่เพิ่มทวีคูณความน่าสนใจของเกมคู่นี้ก็คือ การย้ายทีมของ อันเดรส ตูเนซ อดีตนักเตะสายฟ้า ที่ย้ายมาอยู่รังสิต คลอง 3 กับบีจี แล้วต้องมาเจอทีมเก่าในเกมนัดรีสตาร์ทแมตช์นี้พอดีอีกด้วย ซึ่งนอกจากเรื่องของ ตูเนซ แล้ว ก็ยังมีความน่าสนใจอื่นๆ อีก อย่างเรื่องการเสริมทัพของทั้งสองทีม เจ้าถิ่นก็มี สารัช อยู่เย็น กับ มิสึรุ มารุโอกะ อดีตแข้งดอร์ทมุนด์ มาเสริมแดนกลาง และได้ตัวดีๆ มีอีกมากมาย ขณะที่ บุรีรัมย์ ก็ยกเครื่องต่างชาติใหม่ทั้งหมด มีทั้ง เรนาโต้ เคลิค, มาร์โก เชโปวิช, จิดี้ คานยุค, อัคบาร์ อิสมาตุลลาเยฟ ซึ่งเราจะได้เห็นฟอร์มพวกเขาทั้งหมดว่าจะเด็ดหรือจะด๋อย รับประกันความมันส์ระดับ 5 ดาวแน่นอนคู่นี้ 3.รอชมฟอร์มการท่าเรือ อีกทีมที่ถือว่าถูกจับตามองเป็นอย่างมากในช่วงตลาดซื้อ-ขาย รอบพิเศษหลังโควิด ที่เพิ่งจะปิดตัวไป ก็คือ "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือ เอฟซี ที่ถูกยกให้เป็นเต็ง 1 กับการลุ้นแชมป์ไทยลีกในฤดูกาลนี้ โดยพวกเขาสร้างความฮือฮาด้วยการคว้าตัว อดิศร พรหมรักษ์ จากเมืองทอง ได้สองพี่น้องฝาแฝด ทิตาธร, ทิตาวีร์ อักษรศรี มาร่วมทัพ และล่าสุดก็คือ เนลสัน โบนิลญ่า กองหน้าทีมชาติเอลซัลวาดอร์ ที่เกือบจะไม่มีชื่อ แต่สุดท้ายก็ได้ลงเตะไทยลีกแน่นอน สำหรับทีมการท่าเรือโฉมใหม่ ที่มีการเปลี่ยนตัวกุนซือด้วยจาก โค้ชโชคทวี พรหมรัตน์ มาเป็น จเด็จ มีลาภ ที่ได้ผู้ช่วยเป็น เทิดศักดิ์ ใจมั่น จึงเป็นทีมที่หลายคนอยากเห็นฟอรืมมากที่สุดในศึกไทยลีก เกมรีสตาร์ทนี้ โดยเจ้าท่ามีคิวจะเปิดบ้านรับมือโปลิศ เทโร วันอาทิตย์นี้ 4.VAR ต่อมาคือเรื่องของ VAR ที่สุดท้ายแล้วก็จะมีครบทุกคู่ ทุกสนามตามประกาศของท่านนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ซึ่งในช่วง 4 เกมแรกถือทำหน้าที่ได้ดีมาก และได้ถูกใช้อย่างคุ้มค่า ทำให้หลายทีมต้องการให้มี VAR ต่อไป ซึ่งก็ต้องรอดูว่าการกลับมาใช้ VAR รอบนี้ มันจะยังดีเหมือนกับ 4 เกมแรกหรือไม่ 5.การแข่งขันแบบ นิวนอร์มอล ปิดท้ายที่เรื่องสุดท้ายก็คือการแข่งขัน และการเชียร์บอลแบบนิวนอร์มอล ที่เราต้องไม่ลืมว่าตอนนี้ยังคงอยู่ในช่วงของสถานการณ์โควิด-19 แม้ประเทศของเราค่อนข้างจะดีกว่าหลายๆ ประเทศ แต่การดำเนินชีวิตประจำวันของเรายังคงต้องดูแลตัวเองอย่างใกล้ชิดเหมือนเดิม เช่นเดียวกับการไปเชียร์บอลที่สนาม ซึ่งทาง ศบค. และสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ อนุญาตให้การแข่งขันไทยลีกนั้นสามาถมีแฟนบอลเข้าชมได้ 25% ของความจุแต่ละสนาม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะมีการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานของแต่ละสนามว่าจะมีแฟนบอลได้เท่าไหร่ มากสุดไม่เกิน 4 พันคน รวมทั้งการนั่งเชียร์บนอัฒจันทร์ก็จะต้องมีระยะห่าง แฟนบอลต้องใส่หน้ากาก และไม่ส่งเสียงเชียร์ดังจนเกินไป นอกจากนี้แต่ละสโมสรก็จะมีมาตรการรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ อีกมากมาย ดังนั้นใครที่จะไปดูบอลที่สนามไหน ก็ไปศึกษาและปฎิบัติตามข้อกำหนดของสโมสรต่างๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะได้ดูบอลอย่างสนุก และไม่เกิดปัญหาตามาภายหลัง ทั้งหมดนี้ก็เป็น 5 เรื่องที่น่าติดตามสำหรับเกมไทยลีก นัดกลับมารีสตาร์ทสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งต้องรอดูว่าทั้ง 5 เรื่องนั้นบทสรุปจะเป็นอย่างไร
logoline