logo-heading

เชลซี เป็นสโมสรที่น่าจับตามองที่สุดสำหรับการเสริมทัพในช่วงตลาดซื้อขายซัมเมอร์ปี 2020 เพราะได้แข้งดังๆ มาเป็นสมาชิกใหม่แล้วหลายคน

การได้ตัวนักเตะอย่าง ฮาคิม ซิเย็ค, ติโม แวร์เนอร์, ติอาโก้ ซิลวา, เบน ชิลเวลล์ หรือ ไค ฮาแวร์ตซ์ มันทำให้หลายๆ ฝ่ายตั้งความคาดหวังไว้เยอะมากๆ ว่า เชลซี จะต้องได้ลุ้นความสำเร็จอย่างเต็มตัว หรือบางทีอาจจำเป็นต้องมีถ้วยแชมป์ติดไม้ติดมือมาด้วยเลย ดังนั้นวันนี้ทาง "ขอบสนาม" จะพาทุกท่านย้อนอดีตไปดูกันหน่อยว่านับตั้งแต่ปี 2000 ถึงปัจจุบันมีสโมสรไหนบ้างที่เสริมทัพได้น่าสนใจแบบ เชลซี ในปีนี้ และไปดูผลงานในปีนั้นของพวกเขากันว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง ?

เรอัล มาดริด - ปี 2010

ได้ตัว : อังเคล ดิมาเรีย (33 ล้านยูโร), ซามี่ เคดิร่า (14 ล้านยูโร), เมซุต โอซิล (18 ล้านยูโร), ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ (8 ล้านยูโร), เปโดร เลออน (10 ล้านยูโร), เซร์คิโอ กานาเลส (6 ล้านยูโร) เบ็ดเสร็จ = 89 ล้านยูโร ย้อนอดีต ! 5 ทีมเสริมทัพโหดในรอบ 20 ปี ผลงาน ณ ตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ? ปี 2010 เรอัล มาดริด รวบตัว 2 นักเตะที่ผลงานเฉิดฉายมากๆ ในทัวร์เมนต์ ฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ นั่นก็คือ เมซุต โอซิล และ ซามี่ เคริด่า ของ ทีมชาติเยอรมัน ก่อนจะกลายเป็นกำลังสำคัญของ เรอัล มาดริด เช่นเดียวกับ อังเคล ดิ มาเรีย และ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ก็ถือว่าช่วยสร้างอิมแพ็คให้กับทีมได้เหมือนกัน ถึงแม้ปีแรกในยุคของ เรอัล มาดริด จะคว้าได้แค่แชมป์ โกปา เดล เรย์ เท่านั้น แต่ปีต่อๆ มา ขุมกำลังเหล่านี้ต่างก็ช่วยเหลือกันจนพา "ราชันชุดขาว" คว้าแชมป์ ลา ลีกา สเปน ได้ในปี 2012, สแปนิช ซูเปอร์ คัพ ปี 2012 และ โกปา เดล เรย์, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ในปี 2014 แต่น่าเสียดายที่ เมซุต โอซิล ย้ายออกไปอยู่กับ อาร์เซน่อล เสียก่อน จึงไม่ได้โอกาสสัมผัสกับถ้วย UCL 

บาร์เซโลน่า - ปี 2004

ได้ตัว : ซามูเอล เอโต้ (27 ล้านยูโร), เดโก้ (21 ล้านยูโร), ลูโดวิช ชูลี่ (8.5 ล้านยูโร), จูเลียโน่ เบเล็ตติ (6 ล้านยูโร), ซิลวินโญ่ (1.5 ล้านยูโร), เฮนริค ลาร์สสัน (ฟรี) เบ็ดเสร็จ = 64 ล้านยูโร ย้อนอดีต ! 5 ทีมเสริมทัพโหดในรอบ 20 ปี ผลงาน ณ ตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ? การเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ปี 2004 ของ บาร์เซโลน่า ถือเป็นเส้นทางสำคัญที่พาพวกเขาไปถึงฝันในการชูถ้วยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2006 เพราะ 6 จาก 7 นักเตะจากลิสต์ด้านบนพวกเขามีส่วนร่วมในเกมนัดชิงชนะเลิศที่เชือด อาร์เซน่อล 2-1 ยิ่งไปกว่านั้นในฤดูกาล 2004-05 นักเตะเหล่านี้ช่วยให้ บาร์เซโลน่า ได้สัมผัสกับด้วยแชมป์ ลา ลีกา สเปน ครั้งแรกในรอบ 6 ปีทั้งที่ก่อนหน้านั้นปี 2003 จบที่อันดับ 6 และ ปี 2004 จบที่ตำแหน่งรองแชมป์ โดยนักเตะอย่าง ซามูเอล เอโต้ ฟอร์มโหดมากซัลโวได้ปีนึงเฉลี่ยอยู่ที่ 30 ประตูต่อซีซั่น เช่นเดียวกับตัวของ ลูโดวิช ชูลี่ ก็จี๊ดจ๊าดไม่เบา เขาสร้างปัญฆาให้คู่แข่งได้เยอะบริเวณแนวริมเส้น แถมยังสามารถหวังผลเรื่องการจบสกอร์ได้อีกด้วย ส่วน เดโก้ กับ จูเลียโน่ เบเล็ตติ ก็ช่วยทีมได้เยอะในเรื่องการเดินกมและสร้างสรรค์เกม พวกเขาทำให้เกมรุกของ บาร์เซโลน่า มิติที่หลากหลายมากขึ้น

อินเตอร์ มิลาน - ปี 2009

ได้ตัว : ดีเอโก้ มิลิโต้ (28 ล้านยูโร), ซามูเอล เอโต้ (20 ล้านยูโร), เวสลี่ย์ สไนเดอร์ (15 ล้านยูโร), ติอาโก้ ม็อตต้า (10 ล้านยูโร), ลูซิโอ้, โกรัน ปานเดฟ (ฟรี) เบ็ดเสร็จ = 73 ล้านยูโร ย้อนอดีต ! 5 ทีมเสริมทัพโหดในรอบ 20 ปี ผลงาน ณ ตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ? อินเตอร์ มิลาน ประสบความสำเร็จอย่างมากในการเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ปี 2009 เพราะนั่นคือกุญแจสำคัญที่ทำให้พวกเขาเถลิงบัลลังก์ ทริปเปิ้ล แชมป์ ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร มี 5 จาก 6 นักเตะในลิสต์ด้านบนที่มีส่วนร่วมกับเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ล้ม บาเยิร์น มิวนิค ลงได้ นักเตะอย่าง ติอาโก้ ม็อตต้า นี่คือเป็นกำแพงเหล็กที่คอยสกัดกั้นไม่ให้ศัตรูผ่านไปได้ง่ายๆ ขณะที่ ลูซิโอ้ ก็เป็นกองหลังที่นอกจากจะมีความแข็งแกร่งแล้วพี่แกยังมีความเก๋า และเล่ห์เหลี่ยมลูกติกติกที่ร้ายกาจไม่เบาอีกด้วย ถัดมาที่อีกหนึ่งจอมเก๋าอย่าง ดีเอโก้ มิลิโต้ ตอนนั้นในวัย 30 ปีแต่พี่ท่านเล่นตะบันไปทลายถึง 30 ประตูในซีซั่นนั้นจัดว่าเป็นตัวเลขทีโหดมากๆ เช่นเดียวกับอีกหนึ่งดาวยิงอย่าง ซามูเอล เอโต้ ก็ยังรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดีอยู่ไม่แพ้ตอนอยู่กับ บาร์เซโลน่า เลย และคนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ เพราะนี่คือมันสมองในการขับเคลื่อนเกมและคอยสร้างจังหวะเข้าทำต่างๆ ให้เพื่อนร่วมทีม >>> 5 ทางเลือกตำแหน่ง ผู้รักษาประตู เชลซี ซีซั่น 2020-21

เชลซี - ปี 2004

ได้ตัว : ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา (38.5 ล้านยูโร), ริคาร์โด้ คาวัลโญ่ (30 ล้านยูโร), เปาโล เฟร์เรร่า (20 ล้านยูโร), อาร์เยน ร็อบเบน (18 ล้านยูโร), ติอาโก้ เมนเดส (15 ล้านยูโร), ปีเตอร์ เช็ก (14 ล้านยูโร), มาเตย่า เคซมัน (7.5 ล้านปอนด์) เบ็ดเสร็จ = 143 ล้านยูโร ย้อนอดีต ! 5 ทีมเสริมทัพโหดในรอบ 20 ปี ผลงาน ณ ตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ? โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามาคุม เชลซี ปี 2003 สามารถพาทีมจบที่อันดับ 2 ในตาราง พรีเมียร์ลีก และไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เฮียแกพอใจก็เลยเล่นจัดหนักเสริมทัพแหลกในซัมเมอร์ปี 2004 นักเตะหลายๆ คนที่ถูกซื้อตัวเข้ามานับเป็นจุดเริ่มต้นในยุครุ่งเรืองของ เชลซี และปีนั้นพวกเขาสามารถปาดหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาครองได้สำเร็จเป็นครั้งแรกรอบ 50 ปี ไหนจะมีแชมป์ ลีก คัพ และไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศ UCL อีกต่างหาก นักเตะอย่าง ปีเตอร์ เช็ก เซฟเป็นพัลวัน ช่วยให้ เชลซี เสียไปแค่ 15 ประตูจาก 38 เกมในลีกซีซั่นดังกล่าว และก็อยู่กับทีมยาวๆ จนกลายเป็นตำนาน ถัดมาที่ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ก็คุมแนวรับคู่กับกัปตัน จอห์น เทอร์รี่ ได้เนียนตาและเข้าขากันสุดๆ ส่วน ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ปีแรกของเขากับ เชลซี ก็ไม่เบาเหมือนกันเพราะเล่นกดไป 16 ประตูและก็อยู่กับทีมยาวๆ จนกลายเป็นตำนานผู้ยิ่งใหญ่  

เรอัล มาดริด - ปี 2009

ได้ตัว : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (94 ล้านยูโร), ริคาร์โด้ กาก้า (67 ล้านยูโร) , คาริม เบนเซม่า (35 ล้านยูโร), ชาบี อลอนโซ่ (34.5 ล้านยูโร), ราอูล อัลบิโอล (15 ล้านยูโร), อัลบาโร่ อาร์เบลัว (5 ล้านยูโร), เอสเตบัน กราเนโร่ (4 ล้านยูโร) เบ็ดเสร็จ = 354.5 ล้านยูโร ย้อนอดีต ! 5 ทีมเสริมทัพโหดในรอบ 20 ปี ผลงาน ณ ตอนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ? เรอัล มาดริด สร้างเสียงฮือฮาเอาไว้มากมายในปี 2009 กับการทุ่มเงินซื้อนักเตะด้วยค่าตัวสถิติโลกถึง 2 คนนั่นก็คือ ริคาร์โด้ กาก้า ในราคา 67 ล้านยูโร ก่อนจะตามด้วย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ตัวเลข 94 ล้านยูโร ไหนจะมีอีก 2 ดีลที่น่าจับตามองอย่าง คาริม เบนเซม่า และ ชาบี อลอนโซ่ อีกด้วย จริงอยู่ที่ปีนั้น เรอัล มาดริด ไม่สามารถคว้าแชมป์อะไรติดไม้ติดมือมาได้เลย แต่ในระยะยาวนักเตะ 4 คนนี้มีส่วนสำคัญอย่างมากที่ช่วยพา "ราชันชุดขาว" คว้าแชมป์มามายโดยเฉพาะในถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ซิวไป 4 สมัยในระยะเวลาเพียงแค่ 5 ซีซั่นเท่านั้น จริงๆ จะบอกว่า 4 คนก็ไม่ถูกต้อง เพราะ ริคาร์โด้ กาก้า อยู่กับทีมถึงแค่ปี 2013 เท่านั้น ส่วน ชาบี อลอนโซ่ อย่างน้อยก็อยู่ทันได้ชูถ้วย UCL ในปี 2014 ขณะที่ คาริม เบนเซม่า ปัจจุบันในวัย 32 ปีพี่แกยังคงอยู่และยังเป็นกองหน้าเบอร์ 1 ของ เรอัล มาดริด ต่อไป ส่วน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นี่ไม่ต้องพูดถึง เพราะในประวัติศาสตร์ของ เรอัล มาดริด พี่แกคือนักเตะที่ดีที่สุด และในระยะเวลาแค่ 9 ปีเจ้าตัวเล่นระเบิดสกอร์ไป 450 ประตูจากการลงสนาม 438 เกม แน่นอนว่าเขาคือดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ "ราชันชุดขาว"

HaMu Dos Santos

ที่มา : bleacher ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline