logo-heading

มาดูเรื่องราวภายในของ บาร์เซโลน่า กันบ้าง ล่าสุดมีการประกาศคอนเฟิร์มแล้วถึงวันเลือกตั้งประธานสโมสรคนใหม่นั่นก็คือช่วงวันที่ 20-21 มีนาคม ปี 2021

โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ประธานสโมสรคนปัจจุบันกระแสความนิยมกำลังตกต่ำสุดๆ หลังโดนวิพากษ์วิจารณ์มากมายเรื่องผลงานตลอดช่วงที่ผ่านมาโดย ลิโอเนล เมสซี่ แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ไม่สามารถลงสมัครชิงเก้าอี้หัวเรือใหญ่ บาร์เซโลน่า ในครั้งนี้ได้อยู่ดี เพราะดำรงตำแหน่งมาแล้ว 2 สมัยซ้อน และบางที โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว อาจตกบัลลังก์ก่อนถึงช่วงเวลาดังกล่าวถ้าหากมีสมาชิกโหวตไม่ไว้วางใจมากกว่า 7,500 รายชื่อ ล่าสุดตอนนี้มีการคอนเฟิร์มถึง 4 ชื่อผู้ท้าชิงลงสมัครตำแหน่งประธานสโมสร บาร์เซโลน่า คนต่อไปแล้ว ซึ่งได้แก่ โจน ลาปอร์ต้า, บิคตอร์ ฟอนต์, หลุยส์ เฟร์นานเดส และ จอร์ดี้ ฟาร์เร่ ดังนั้นวันนี้ทาง “ขอบสนาม” จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับพวกเขาเหล่านี้กัน รวมถึงแคมเปญและนโยบายที่พวกเขาใช้หาเสียงด้วย

โจน ลาปอร์ต้า

โจน ลาปอร์ต้า เคยดำรงตำแหน่งประธานสโมสร บาร์เซโลน่า มานานถึง 7 ปี ตั้งแต่ปี 2003-10 ในประวัติศาสตร์เขาคือหัวเรือใหญ่ที่ผลงานดีที่สุดคนหนึ่งของ บาร์เซโลน่า โดยในช่วงยุคสมัยของเขา บาร์เซโลน่า สามารถเถลิงบัลลังก์ ทริปเปิ้ล แชมป์ และได้ แชมป์สโมสรโลก ในปี 2009 ไหนจะมีแชมป์ ลา ลีกา สเปน อีก 4 สมัย เบ็ดเสร็จรวมทุกถ้วย บาร์เซโลน่า ในยุคของ โจน ลาปอร์ต้า คว้าแชมป์ไปทั้งหมด 12 โทรฟี่ด้วยกัน นอกจากนี้เรื่องของการเสริมทัพ บาร์เซโลน่า ในยุคนั้นยังได้แข้งดังๆ มาร่วมทีมมากมายไม่ว่าจะเป็น เดโก้, ซามูเอล เอโต้ และ โรนัลดินโญ่ เป็นต้น ตลอดจนผลผลิตจากแคมป์ ลา มาเซีย พวก ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า, การ์เลส ปูโยล, บิคตอร์ บัลเดส ตลอดจน ลิโอเนล เมสซี่ ก็ได้กลายเป็นกำลังหลักของทีมจนก้าวขึ้นชั้นระดับตำนาน และนโยบายของ โจน ลาปอร์ต้า ในครั้งนี้เจ้าตัวได้ลั่นคำสัตย์เอาไว้ว่า ถ้าเขาได้รับเลือกให้เป็นประธานสโมสรของ บาร์เซโลน่า อีกครั้งเขาจะดึงตัว เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ได้ชื่อว่าเป็นกุนซือที่ดีเบอร์ต้นๆ ของโลกกลับมาทำงานในรั้ว คัมป์ นู อีกครั้ง "ผมอยากให้ กวาร์ดิโอล่า กลับมาทำงานกับเรามากๆ แต่ตอนนี้เขาอยู่กับ ซิตี้ และมันเป็นการตัดสินใจที่ เป๊ป ควรจะทำ เขาเป็นมาตรฐานของ บาร์เซโลน่า และคนกาตาลันหลายคนก็อยากให้เขามาคุม บาร์ซ่า อีกครั้ง เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมแล้วนั้น ผมก็จะคุยกับคนที่เราคิดว่าควรจะมาเป็นโค้ชของ บาร์ซ่า ในปี 2021" โจน ลาปอร์ต้า กล่าว

บิคตอร์ ฟอนต์

บิคตอร์ ฟอนต์ เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อโทรคมนาคม, สื่อและเทคโนโลยี่ เขามีตำแหน่งเป็นถึงซีอีโอและผู้ก่อตั้งร่วมที่บริษัท เดลต้า พาร์ทเนอร์ส ถ้ามองในเรื่องของธุรกิจ บิคตอร์ ฟอนต์ ประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงถูกมองเป็นตัวเต็งเบอร์ต้นๆ ที่มีสิทธิ์ได้ตำแหน่งเก้าอี้ประธานสโมสรของ บาร์เซโลน่า เช่นกัน เพราะหลายๆ ฝ่ายเชื่อว่าเขาสามารถยกระดับสโมสรให้ก้าวไกลกว่าเดิมได้จากธุรกิจที่เขาทำอยู่ โดยนโยบายสำหรับการหาเสียงของ บิคตอร์ ฟอนต์ ก็คือการทำให้แคมเปญ "Si al futur" แปลเป็นอังกฤษก็คือ "Yes to the Future" หรือ "อนาคตที่ใช่" เกิดขึ้นซึ่งเป็นโครงการที่เจ้าตัวร่วมสนับสนุนมาตั้งแต่ปี 2015 ในฐานะหนึ่งในสมาชิกของ บาร์เซโลน่า โดยความหมายของแคมเปญดังกล่าวก็คือ "บาร์เซโลน่า ไม่ได้เด่นแค่เพียงเรื่องกีฬา แต่จะยังเน้นเรื่องยกระดับเศรษฐกิจเพื่ออนาคตของสโมสรด้วย" นอกจากนี้ในแคมเปญ "Si al futur" ยังเป็นโครงการที่ตั้งเป้าสร้าง บาร์เซโลน่า ขึ้นมาใหม่ ถ้าเกิด บิคตอร์ ฟอนต์ ได้ดำรงตำแหน่งประธานสโมสร บาร์เซโลน่า เขาสัญญาว่าเขาจะพา ทีมกลับไปสู่ยุคทอง และทวงบัลลังก์เบอร์ 1 บนสังเวียนลูกหนังอีกครั้งภายในปี 2030 โดยที่ตอนนั้นไม่มี ลิโอเนล เมสซี่ และแข้งซีเนียร์รายอื่นๆ แล้ว >>> ลิโอเนล เมสซี่ เผยปฏิกิริยา ลูก-เมีย เมื่อแจ้งว่า อยากย้ายออกจาก บาร์เซโลน่า

หลุยส์ เฟร์นานเดซ

หลุยส์ แฟร์นานเดซ ก็เป็นอีกหนึ่งนักธุรกิจที่ลงสมัครชิงตำแหน่งเก้าอี้ประธานสโมสร บาร์เซโลน่า เป้าหมายแรกที่เจ้าตัวอยากทำให้เกิดขึ้นคือการยุติปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรภายในและแฟนบอล ตลอดจนการมุ่งมั่นและโฟกัสไปที่การให้โอกาสและปั้นดาวรุ่งจากศูนย์ฝึกเยาวชน ลา มาเซีย ให้เติบใหญ่จนกลายเป็นตำแหน่งเหมือนกับพวก ลิโอเนล เมสซี่, ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า และ การ์เลส ปูโยล เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการลดจำนวนการเสริมทัพด้วยการใช้เงินจำนวนมากภายใต้แคมเปญ "ความรักที่มีต่อ บาร์ซ่า, ชาวกาตาโลเนีย และความซื่อสัตย์" โดยตัวของ หลุยส์ เฟร์นานเดซ เป็นพาร์ทเนอร์ของบริษัท "Up Catalonia" ที่คอยให้ทุนและสนับสนุนด้านการเงินแก่บริษัทเล็กๆ และแน่นอนว่าตอนนี้เขาก็คือหนึ่งในสมาชิกของสโมสร บาร์เซโลน่า "ผมจะอดทนจนถึงที่สุดด้วยความมุ่งมั่นในการทำงาน, ความทุ่มเทและการอุทิศตน ผมจะเททั้งใจให้กับโปรเจ็กต์นี้ ความซื่อสัตย์คือสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด สโมสรของเราตอนนี้กำลังขาดความสดใหม่ ดังนั้นเราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงมัน ตอนนี้ บาร์ซ่า มีปัญหาภายในจนเกิดความแตกแยก แต่ผมเชื่อว่าผมสามารถรวมใจ บาร์เซโลน่า ให้กลับมาเป็นหนึ่งได้อีกครั้ง ส่วนเรื่องของเกมกีฬา ผมเชื่อว่าเราต้องศรัทธาใน ลา มาเซีย และหยุดการเซ็นสัญญาด้วยการใช้เงินราคาแพง และขายออกไปในราคาถูก"

จอร์ดี้ ฟาร์เร่

นักธุรกิจอีกคนที่ชื่อ จอร์ดี้ ฟาร์เร่ ก็ติดโผ 1 ใน 4 ตัวเต็งที่จะได้เป็นประธานสโมสร บาร์เซโลน่า คนต่อไปเช่นกัน ณ เวลานี้เจ้าตัวกำลังกดดันและเรียกร้องให้ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว รีบๆ ลาออกจากตำแหน่ง เพราะนี่คือต้นเหตุที่ทำให้ ลิโอเนล เมสซี่ เกือบย้ายออกจากทีม ซึ่งตัวของ จอร์ดี้ ฟาร์เร่ นโยบายหลักของเขาคือการทำให้ ลิโอเนล เมสซี่ อยู่สร้างตำนานกับ บาร์เซโลน่า ต่อไปจนวันสุดท้ายของอาชีพค้าแข้ง เพราะว่านี่คือสมบัติล้ำค่าที่สุดของสโมสร ถ้า บาร์โตเมว ลาออกไปเจ้าตัวเชื่อว่ายังไง ลิโอเนล เมสซี่ จะต่อสัญญาใหม่ออกไปแน่นอน และสิ่งดีๆ มากมายน่าจะตามมาหลังจากนั้นด้วย ส่วนอีกหนึ่งนโยบายสำคัญ ฟาร์เร่ เคยเล่าให้ฟังว่า การที่ บาร์เซโลน่า จะกลับไปสู่ยุคทองและครองบัลลังก์เบอร์ 1 ของโลกได้นั้นจำเป็นต้องมีกุนซืออย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งเจ้าตัวได้อ้างว่าก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ แล้วเรื่องการรับงานที่ คัมป์ นู ในอนาคต โดยกล่าวว่า "ถ้า คูมัน ทำงานได้ดี เขาจะได้อยู่ต่อแน่นอน มันชัดเจนว่าพวกเรามีโร้ดแมพของพวกเรา และพวกเราก็ได้เริ่มต้นสนทนากับ เจอร์เก้น คล็อปป์ แล้ว เพราะมันดูเหมือนว่าพวกเรา บาร์ซ่า ต้องการโค้ชแบบนี้" นอกจากนี้ จอร์ดี้ ฟาร์เร่ น่าจะยังสนับสนุนแผนการเดิมที่เจ้าตัวเคยใช้หาเสียงเมื่อปี 2015 ด้วยนั่นคือการปรับรูปแบบอัฒจันทร์ใหม่ รวมไปถึงการตั้งสำนักงานท่องเที่ยวไว้ที่สโมสรเพื่อยกระดับเศรษฐกิจภายในสโมสร

HaMu Dos Santos

ส่วนหนึ่งของข้อมูล : goal ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline