logo-heading

ลิเวอร์พูล เอาตัวรอดได้สำเร็จ หลังมาได้จุดโทษในช่วงท้ายเกม ทำให้เปิดบ้านเอาชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด ไปได้ 4-3 ประตู และนี่คือ 5 ประเด็นเด็ดที่ขอบสนามเก็บตกเอามาฝากกัน

 

การจัดทีม

  การจัดทีมในเกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือทัพ "หงส์แดง" ตัดสินใจส่ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางกัปตันทีม ลงเล่นเป็นตัวจริงเลย ทั้งที่เพิ่งหายเจ็บกลับมา ซึ่งก็ถือว่าแอบเซอร์ไพร้ส์เล็กๆ ส่วนคนที่ต้องหลุดไปนั่งสำรองก็คือ ฟาบินโญ่ ส่วนในแนวรับ แม้ว่าจะได้ โจแอล มาติป ฟิตกลับมาพร้อมลงเล่น แต่ คล็อปป์ ก็ยังเลือกใช้ โจ โกเมซ จับคู่กับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ไปก่อน ขณะที่ 3 แนวรุกก็จัดเต็ม โม ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ขณะที่ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า กุนซือ ลีดส์ ยูไนเต็ด ทีมน้องใหม่หน้าเก่า ในฐานะแชมป์ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ตัดสินใจใส่ชื่อ โรดริโก้ โมเรโน่ กองหน้าสเปน ที่เพิ่งทุ่มเงิน 27 ล้านปอนด์ เป็นสถิติสโมสรสู่ขอจาก บาเลนเซีย เข้ามาเสริมคม เป็นเพียงแค่ตัวสำรองเท่านั้น นั่นทำให้ความหวังของพวกเขาตกไปอยู่กับ แพทริค แบมฟอร์ด และ เอแดร์ คอสต้า  

ครึ่งแรก แลกกันโคตรมันส์

  เริ่มเกมมาได้เพียง 3 นาที ลิเวอร์พูล ก็ได้จุดโทษตั้งแต่หัววัน จากจังหวะที่ โม ซาลาห์ พลิกตัวยิงในกรอบเขตโทษไปติดแขนกองหลัง ลีดส์ เต็มๆ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ไม่รอช้าเป่าเป็นจุดโทษทันที ชนิดไม่ต้องรอดู VAR แล้วก็เป็น "บังโม" ที่รับหน้าที่สังหารเอง ซัดเต็มข้อเข้าไปกลางประตูตาข่ายแทบขาด เจ้าถิ่นขึ้นนำตั้งแต่ไก่โห่ แต่ทีมเยือนก็ไม่น้อยหน้าใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีก็ตามตีเสมอได้สำเร็จจากความสามารถเฉพาะตัวของ แจ็ค แฮร์ริสัน พักบอลลงพื้นแตะหลบกอองหลังเจ้าถิ่นก่อนจะซัดเข้าประตูไป อย่างไรก็ตาม หงส์แดง ก็ออกนำอีกครั้งได้จากลูกเตะมุมที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดไปให้ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ทะยานโขกเต็มกะบาลเข้าประตูไป แต่ก็อย่างที่บอก น้องใหม่มันกำลังไฟแรง อุตส่าห์กลับมาลีกสูงสุดในรอบ 16 ปี นาทีที่ 30 แพทริค แบมฟอร์ด ก็ฉกฉวยจากการสกัดผิดพลาดของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ยิงผ่านมือ อลิสซอน เข้าไป ทว่าก็อย่างที่บอกครึ่งแรกแม่งยิงกันสลุต ลิเวอร์พูล ไม่มียอม โม ซาลาห์ จัดการซัดประตูที่ 2 ของตัวเองในเกมนี้ และส่งให้เจ้าถิ่่นขึ้นนำอีกครั้งเป็น 3-2 ประตู ก่อนจะจบครึ่งแรกลงไปด้วยสกอร์นี้ ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่สัปดาห์แรกของฤดูกาลใหม่ มีการยิงกันในครึ่้งแรกรวมแล้วถึง 5 ประตู โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในฤดูกาล 2006/07 โดยเป็นเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ถล่ม ฟูแล่ม ในครึ่งแรกไป 4-1 ก่อนจะจบ 90 นาทีด้วยสกอร์ 5-1 ประตู   

ครึ่งหลัง หงส์ เกือบสะดุด

  เริ่มเกมครึ่งหลังก็ยังคงเป็น ลิเวอร์พูล ที่เปิดเกมรุกบุกใส่ผู้มาเยือน แต่ "หงส์แดง" ก็ยังไม่สามารถยิงประตูหนีห่างออกไปได้ หนำซ้ำยังมาโดนสวนเปรี้ยงเดียวหายซะอย่างงั้นจาก มาเตอุซ คลิ้นซ์ ในนาทีที่ 66 เอาหละสิครับ งานเข้าที่เล้าหงส์ เวลาเหลืออีก 20 กว่านาที แชมป์เก่าจะสะดุดให้น้องใหม่ตั้งแต่นัดแรกเลยรึป่าว? เพราะหลังจากได้ประตูตีเสมอ ลีดส์ ก็เน้นเกมรับแบบเต็มตัว ปล่อยให้ ลิเวอร์พูล บุกเข้าใส่อยู่ฝ่ายเดียว แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จ จนเวลาล่วงเลยมาเหลือ 5 นาทีสุดท้าย ในที่สุดความพยายามก็เป็นผลสำเร็จ เมื่อ ฟาบินโญ่ โดน โรดริโก้ โมเรโน่ สกัดขาล้มลงในเขตโทษ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ เจ้าเก่าเป่าเป๋็นจุดโทษอย่างมั่นใจ แล้วก็เป็น ซาลาห์ คนเดิมที่ซัดเข้าไปกลายเป็นแฮตทริก และส่งผลให้ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านเอาชนะ ลีดส์ ไปได้ 4-3 ประตู เก็บ 3 คะแนนแรกได้สำเร็จ  

รุกกระฉูด รับกระจอก

  ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เกมนี้ ลิเวอร์พูล จะยิงได้ถึง 4 ประตู เพราะเกมรุกของพวกเขาคือเครื่องหมายการค้าอยู่แล้ว พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่แล้วทำได้ถึง 85 ประตู น้อยกว่า แมนฯ ซิตี้ แค่ทีมเดียว แต่ที่น่าแปลกใจคือเกมนี้ แนวรับกระจอกง่อกง่อยมาก พลาดเองโง่ๆ ง่ายๆ อย่างไม่น่าให้อภัย ไม่เหลือเค้าทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีกฤดูกาลที่แล้วเลย เพราะซีซั่นก่อนทั้งฤดูกาลพวกเขาเสียแค่ 33 ประตูเท่านั้น แต่นี่เกมเดียวโดนไป 3 ทั้งที่เล่นในแอนฟิลด์รังเหย้าของตัวเองซะด้วย ความผิดพลาดในแผงหลังเกิดขึ้นเยอะ ยกตัวอย่างลูกแรก อาร์โนลด์ กับ โจ โกเมซ ยืนตำแหน่งไม่ดี ไม่ช่วยซ้อนกัน โดนแตะหักเข้ามาทีเดียวหลุดไป 2 เลย ส่วนลูก 2 ไม่ต้องมองใครเลย ฟาน ไดค์ รับไปเต็มๆ ทั้งที่ปกติควรเป็นคนที่ไว้ใจได้มากที่สุด ส่วนลูก 3 ก็ปล่อยให้โดนยิงง่ายเกินไป นี่ก็เป็นการบ้านที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องลองไปปรับแก้ดูหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เกมนี้ถึงได้รับยุ่ยหลุดลุ่ยแบบนี้  

นาทีนี้ ติอาโก้ ต้องมาแล้วแหละ

  จะว่าไปไม่ใช่เกมรับอย่างเดียวที่มีปัญหานะ สำหรับ ลิเวอร์พูล เพราะนัดนี้กองกลางก็ปวกเปียกใช่ย่อย เรื่องการต่อบอลให้เพื่อนทำเกมรุก ถือว่าทำได้ดีอยู่ ทั้ง เกอิต้า, ไวจ์นัลดุม รวมถึง เฮนโด้ ด้วย แต่เวลาโดนตัดได้หรือสวนกลับ ไม่มีกองกลางตัวไหนคอยช่วยสกรีนก่อนถึงแผงหลังสักเท่าไหร่ ซึ่งตรงนี้ถ้าได้ ติอาโก้ อัลคันทาร่า มิดฟิลด์ของ บาเยิร์น มิวนิค ที่กำลังเป็นข่าวอยู่มาช่วยเสริมความแข็งแกร่ง มันก็คงจะดีไม่น้อย เอามาเป็นอะไหล่เผื่อไว้ใช้ยามฉุกเฉินก็ยังดี ค่าตัวก็แค่ 30 ล้านยูโร ระดับทีมแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไม่น่าจะคิดหนักขนาดนี้นะ เอาๆ มาเถอะ สมมุตเกิดกลางเจ็บไปสักตัว 2 ตัวมันจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่นะทรงนี้  

ชิน ชินพัฒน์

logoline