logo-heading

สัญญาของ อเล็กซานเดร กาม่า ในการคุมทีมเมืองทอง ยูไนเต็ด กำลังจะสิ้นสุดในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ แน่นอนว่าทีมกิเลนผยอง ได้มีการเจรจายื่นสัญญาฉบับใหม่เพื่อให้โค้ชบราซิเลี่ยนได้คุมทีมต่อไป แต่เจ้าตัวยังคงนิ่งเงียบ และสงวนท่าที เหมือนรอดูโอกาสความเป็นไปได้ที่จะอยู่คุมทีมต่อหรือโยกย้ายไปรับงานทีมมีตังคู่แข่งร่วมไทยลีก

ซึ่งขอบสนามได้สรุปข้อดีและข้อเสีย หาก กาม่า อยู่ต่อ และโบกมือลา เมืองทอง มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ลองพิจารณาเนื้อหาได้เลย ข้อดี กาม่าเข็ญทีมไม่ขึ้น แม้ว่าเมืองทองจะมีผลงานที่ดีขึ้น แต่เวลานี้ผู้เล่นที่มีอยู่ในทีมคือดาวรุ่งกลุ่มใหม่ และแข้งต่างชาติที่ถูกนำเข้ามาเพราะ อเล็กซานเดร กาม่า เป็นคนคัดเลือกมา ซึ่งถ้าหากเขาเปิดหมวกลาทีมไป เท่ากับว่ามันพิสูจน์ให้เห็นเลยว่า ที่ผ่านมาเขาทำทีมได้ดีแค่ทีมใหญ่ทีมมีเงิน ทีมที่ต้องมีแข้งเกรดเอเท่านั้น ถึงได้คว้าแชมป์เมเจอร์หลายรายการในประเทศ ที่สำคัญจ็อบที่เมืองทอง ยูไนเต็ด หนักหนาสาหัสกว่าทีมเก่าหลายๆเท่า เนื่องจากอยู่ในช่วงเวลาการเปลี่ยนถ่ายสายเลือดใหม่ ทีมหาโค้ชใหม่ที่เก่งและพัฒนาดาวรุ่งได้จริง อเล็กซานเดร กาม่า ทำทีมใหญ่มาตลอดและแทบไม่ได้ใช้งานดาวรุ่งเท่าที่ควร เพราะฉะนั้นถ้าหากเขาลาทีมไปจริงๆ เมืองทองก็ควรเตรียมแผน 2 หาโค้ชคนใหม่ ที่มีประสบการณ์และช่ำชองการปั้นดาวรุ่งจริง เพื่อให้เหมาะกับคุณภาพและแนวทางที่ทีมกำลังเป็นอย่างในเวลานี้ เพราะอย่างน้อยต่อให้ซีซั่นนี้ ทีมจะจบอันดับที่เท่าไหร่ก็ตาม แต่การเปิดพื้นที่ให้นักเตะไทยได้ลงสนาม สร้างเสริมประสบการณ์ มันคือสิ่งที่ทีมควรทำ และคิดในทางที่แย่สุด คือยังสามารถขายนักเตะทำกำไรให้กับสโมสรได้ แบบที่เกิดขึ้นกับนักเตะที่ย้ายไปเติบโตกับสมุทรปราการ และเชียงราย ยูไนเต็ด ข้อเสีย ทีมต้องเสียเวลาจูนระบบใหม่อีกครั้ง ในเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งโค้ช เท่ากับว่าทีมต้องมานั่งเซ็ตระบบใหม่ กุนซือคนใหม่ย่อมมีแท็คติกที่แตกต่างไปจากกาม่าแน่นอน และต้องมาทำความเข้าใจนักเตะใหม่ ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย แถมไม่ได้มีเวลาลองทีมมาก เนื่องจากบอลลีกอยู่ในช่วงเวลาของการแข่งขันพอดี โค้ชคนใหม่ย่อมมีเวลาน้อย และเป็นเรื่องยากที่จะหาใครมาทำทีมกลางทาง และจูนแท็คติกในเวลาที่รวดเร็ว ต่อให้ได้ เยอร์เก้น คล็อปป์ มาทำเมืองทอง ก็ต้องใช้เวลาอยู่ดี เด็กไทยหลายคนได้อานิสงค์แท็คติกกาม่าไปแล้ว การที่เมืองทอง ลดค่าใช้จ่ายภายในสโมสรในช่วงเกิดวิกฤติโควิด 19 ปล่อยผู้เล่นออกและลดเงินเดือน ถือเป็นเรื่องหนักหนา แต่ถึงกระนั้นเมื่อบอลลีกกลับมาแข่งขัน เด็กดาวรุ่งภายในทีมกลับมีความมุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ตัวเอง เช่น สุพร ปีนะกาตาโพธิ์ แบ็กขวาที่ดูเหมือนจะไปไม่รุ่ง ก็กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง ที่ไม่มีที่ยืนในทีมการท่าเรือ ก็ได้มาคุมพื้นที่ตัดเกมตรงกลางสนามให้กิเลนผยอง วิ่งไล่แย่งบอลจากคู่แข่งจนกลายเป็นภาพที่เคยชินในช่วง 2-3 เกมหลัง วีระเทพ ป้อมพันธ์ ดาวรุ่งที่อยู่กับสโมสรมาเกือบ 3 ปี ที่เปลี่ยนบทบาทจากมิดฟิลด์ตัวกลาง กลับมาเล่นเกมรุกตำแหน่งที่ตัวเองถนัดอีกครั้ง และเบียด สหรัฐ กันยะโรจน์ ตกขอบไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้ไอ้หนูหมายเลข 18 พัฒนาขึ้นมาคือการได้ลงเล่นกับแข้งต่างชาติแล้วมีความเข้าขา ทั้ง ซาร์ดอร์ มีซาเยฟ, วิลเลี่ยน ป๊อปป์, ดาร์เลย์ 3 แนวรุกคนสำคัญของสโมสร ติดตามข่าวสารอื่นๆ ได้ที่ไลน์ขอบสนาม
logoline