logo-heading

เป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ โทมัส ทูเคิล ที่ได้เซ็นสัญญาเข้ามาคุมทีม เชลซี แทนที่ของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่โดนปลดไป โดยจะเซ็นกับทีมปีครึ่งด้วยกัน แหม่ เซ็นยาวเหมือนจะเซฟค่าฉีกสัญญากันเลยทีเดียว 

  ซึ่ง ทูเคิ่ล จะกลายเป็นกุนซือรายที่ 13 นับตั้งแต่ โรมัน อับราโมวิช มหาเศรษษฐีชาวรัสเซีย เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรเมื่อปี 2003 ฉะนั้นวันนี้ ขอบสนาม จะมาขอทำความรู้จัก ว่าที่กุนซือใหม่ของทัพ "สิงห์บลูส์" ให้มากขึ้นหน่อยดีกว่า ว่าเขามาจากไหน ดีกรีเป็นอย่างไร ผลงานที่ผ่านมาแจ่มแมวแวววับ แล้วจะเข้ากับ เชลซี ได้หรือไม่ ว่าแล้วไปลุยกันเลย! โธมัส ทูเคิ่ล ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 1973 ที่ประเทศเยอรมัน ชื่นชอบฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก และในปี 1992 ก็ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับสโมสร สตุ๊ตการ์ท คิ๊กเกอร์ส โดยเล่นในตำแหน่งกองหลัง ทว่าอาชีพค้าแข้งของเขาไม่รุ่งนัก บวกกับมีอาการบาดเจ็บรุนแรงที่หัวเข่า ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจแขวนสตั๊ดไปในวัยเพียงแค่ 25 ปีเท่านั้น แต่อาการบาดเจ็บที่เล่นงานเขาจนจำใจต้องรีไทร์ ก็ไม่ได้ทำให้ ทูเคิ่ล ลดความหลงไหลในกีฬาฟุตบอลลงไปเลย เขายังตามดูตามเชียร์ และเริ่มศึกษาการเป็นโค้ช จนในที่สุดปี 2000 ราล์ฟ รังนิก ซึ่งตอนนั้นเป็นกุนซือสโมสร สตุ๊ตการ์ท ก็เห็นแวว จึงได้ชักชวน ทูเคิ่ล เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมงานสต้าฟฟ์โค้ชของเขา และที่นี่เองที่ ทูเคิ่ล ได้ฝึกปรือเรียนรู้วิชาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และแล้วในที่สุดหลังจากเป็นสต๊าฟฟ์โค้ชได้ 7 ปี โอกาสในการเป็นกุนซือใหญ่ของเขาก็มาถึง เอาส์บวร์ก ทีมสำรองตัดสินใจจ้าง ทูเคิ่ล ให้เข้ามาคุมทีมในปี 2007 แต่ทำได้เพียงปีเดียวสโมสร ไมน์ซ ซึ่งแน่นอนว่าใหญ่กว่าดังกว่าอยู่ในเวที บุนเดสลีกา และไม่ใช่ทีมสำรอง ก็ติดต่อขอให้ ทูเคิ่ล เข้าไปคุมทีม มีหรอที่ ทูเคิ่ล จะไม่โดดคว้าเอาไว้ แม้งานนี้จะหินและโคตรกดดัน เพราะเขาเข้ามาเป็นนายใหญ่ของ ไมน์ซ แทนที่หนึ่งในยอดกุนซือแห่งยุคนี้อย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ตอนนั้นเพิ่งพา ไมน์ซ เลื่อนชึ้นขึ้นมาเล่น บุนเดสลีกา ได้ อย่างไรก็ตาม ทูเคิ่ล กลับทำได้ดีเกินคาด และเกินเป้าหมายที่บอร์ดบริหารวางเอาไว้ เพราะแม้งบประมาณการทำทีมจะน้อยนิด แต่ ทูเคิ่ล ก็สามารถพา ไมน์ซ จบกลางตารางในอันดับที่ 9 ได้สำเร็จ ไม่ต้องไปดิ้นรนหนีการตกชั้นอย่างที่ใครหลายคนคิด พร้อมผลักดัน อดัม ซาลาย และ อังเดร ชูร์เล่ ให้ก้าวขึ้นมาเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นฤดูกาลถัดมา ทูเคิ่ล แสดงความยอดเยี่ยมอีกครั้ง เมื่อพา ไมน์ซ จบอันดับที่ 5 คว้าตั๋วไปเล่นศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก ได้สำเร็จ แต่อาจจะเป็นเพราะขนาดทีมที่ไม่ได้ใหญ่แล้วต้องไปลุยถ้วยยุโรปทำให้ผลงานของ ไมน์ซ ภายใต้การคุมทีมของ ทูเคิ่ล ดรอปลงไปจบอันดับที่ 13 ของตาราง 2 ฤดูกาลติด ก่อนที่ปีสุดท้ายของ ทูเคิ่ล กับ ไมน์ซ จะพาทีมกลับมาอยู่ครึ่งบนของตารางได้ด้วยการจบอันดับที่ 7 

สรุปแล้วภาพรวมคุม ไมน์ซ 5 ฤดูกาล 182 เกม ชนะ 72 เสมอ 46 แพ้ 64 คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ชนะ 39.56%

หลังจากตกงานได้ปีกว่าๆ โธมัส ทูเคิ่ล ก็ถูก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทาบทามเข้าไปคุมทีมแทนที่ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ (อีกแล้ว) ซึ่งแน่นอน คนกำลังว่างงานเหงาๆ มาปีกว่าแถมทีมใหญ่อย่าง "เสือเหลือง" มาสนใจแบบนี้มีหรอที่จะปฏิเสธ ทูเคิ่ล ตัดสินใจรับงานทันที  โดยตลอด 2 ปีที่ ทูเคิ่ล อยู่กับ ดอร์ทมุนด์ แม้เขาจะไม่สามารถเบียดแย่งความยิ่งใหญ่ปาดหน้า บาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา มาครองเหมือนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำได้แต่ก็ยังมีแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล มาประดับบารมีหลังเอาชนะ ไอทรัค แฟรงค์เฟิร์ต ได้ 2-1 ในนัดชิงเมื่อปี 2017 นอกจากนี้เขายังขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ปั้น ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมยอง, อุสมาน เดมเบเล่ และ คริสเตียน พูลิซิช ให้ก่้าวขึ้นมาเป็นแข้งระดับแนวหน้าของวงการลูกหนังอีกด้วย

สรุปภาพรวม 2 ปีของ ทูเคิ่ล กับทัพ "เสือเหลือง" 108 นัด ชนะ 68 เสมอ 23 แพ้ 17 คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ชนะ 62.96%

หลังจากว่างงานได้เกือบ 1 ปี ทูเคิ่ล ก็ได้ย้ายไปหาความท้าทายใหม่ที่ต่างแดนกับทีมยักษ์ใหญ่มหาเศรษฐีแห่ง ลีกเอิง ฝรั่งเศส อย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง โดยเข้ามารับงานแทนที่ของ อูไน เอเมรี่ ซึ่งผลงานโดยรวม 2 ปีครึ่ง ก่อนจะโดนตะเพิดพ้นเก้าอี้ ก็ต้องบอกว่าดีเยี่ยมแทบจะไร้ที่ติ กุนซือวัย 47 ปีพา "เปแอสเช" กวาดแชมป์รวมในประเทศไป 6 ใบ และผลงานชิ้นโบว์แดงคือพาทีมเข้าชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่ก็ไปแพ้ให้ บาเยิร์น มิวนิค ชวดแชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย สุดท้ายจากนั้นอีกไม่นานก็โดนไล่ออกจากตำแหน่ง ทั้งที่จริงๆ จะว่าไป ทูเคิ่ล เองก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด แต่บอร์ดบริหารของ เปแอสเช คงมองว่ามือยังไม่ถึงที่จะพาทีมประสบความสำเร็จเป็นเจ้ายุโรปตามที่ต้องการ เลยเฉดหัวส่งและเลือก เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เข้ามาคุมทีมแทน และอีกสาเหตุก็คือพี่แกห้าว ไม่พอใจอะไรก็พูดไปแบบนั้น ชอบบ่นบอร์ดออกสื่อก็เลยโดนบอร์ดเด้งไป 

สรุปภาพรวม 2 ปีครึ่งที่คุม "เปแอสเช" 127 นัด ชนะ 95 เสมอ 13 แพ้ 19 คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ชนะ 74.80%

แต่คนมีฝีมือดูแล้วว่างงานไม่นาน ทูเคิ่ล ได้โอกาสพิสูจน์ฝีมือว่าตัวเองคือของจริงอีกครั้งบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับ เชลซี แถมจะว่าไปสไตล์การทำทีม แท็คติก และปรัชญาของเขาก็น่าจะเหมาะกับลูกหนังแดนผู้ดีไม่น้อย แท็คติกของ ทูเคิ่ล ชอบให้ลูกทีมเล่นเกมเพรสซิ่งบีบกดดันใส่คู่แข่ง ซึ่งค่อนข้างเหมาะกับ "สิงห์บลูส์" ที่มีนักเตะพลังหนุ่มอยู่ในทีมเยอะ ระบบที่ ทูเคิ่ล ชอบใช้ก็คือ 4-3-3 และ 3-5-2 ซึ่งก็น่าจะเข้ากับ เชลซี อีกเช่นกัน ไม่แน่ โธมัส ทูเคิ่ล คนนี้นี่แหละอาจจะเป็นคนที่ "เสี่ยหมี" โรมัน อับราโมวิช ตามหามานาน เราต้องมารอดูกัน!  

ชิน ชินพัฒน์

logoline