logo-heading

3 คะแนนในการเล่นที่บ้านตัวเองของ แมนฯ ยูไนเต็ด เหนือ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ตัวเจ็บเยอะเหลือเกิน อาจไม่ใช่เรื่องแปลกหรือน่าตกใจอะไร ทว่าการที่ "ผีแดง" เปิดหลุมหลอน "นักบุญ" ไปเละเทะจนหัวโกร๋น 9-0 นี่แหละที่มันน่าทึ่ง ซึ่งเกมนี้มันมีอะไรน่าสนใจกันบ้างไปดูกันเลย

 

การจัดทีม

  เริ่มต้นเบสิคๆ กันที่การจัดทีมกันก่อนเลยดีกว่า นัดนี้ ผีแดง ของ โอเล่ กุนนาร์  โซลชา ตัดสินใจพัก ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์ดีกรีแชมป์โลกที่เพิ่งคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนมกราคมของทีมมาหมาดๆ ไว้เป็นแค่ตัวสำรอง โดยแผงกองกลางใช้ เฟร็ด จับคู่กับ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ แล้วก็มี บรูโน่ แฟร์นันเดส เป็นเพลย์เมกเกอร์ ขนาบข้างด้วย เมสัน กรีนวู้ด กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ขณะที่กองหน้าตัวเป้าใช้ เอดินสัน คาวานี่ ขณะที่ทีมเยือน เซาธ์แฮมป์ตัน สภาพทีมไม่พร้อมมาสักพักแล้ว ยานนิค เวสเตอร์เการ์ด กองหลังตัวหลักที่ได้ฉายาว่า "นิว ฟานไดค์" เจ็บ โอริโอล โรเมอู กองกลางตัวตัดเกมก็เจ็บ แล้วยังมีอีกหลายตัวเลย เรียกได้ว่าสภาพทีมไม่พร้อมสุดๆ ถึงขั้นที่ว่าสุดท้ายต้องใส่ชื่อมิดฟิลด์ดาวรุ่งวัยแค่ 19 ปี ที่ชื่อว่า อเล็กซานเดอร์ ยานเควิตซ์ ลงสนามเป็นตัวจริง รวมถึง เคย์น แรมซี่ย์ แนวรับวัย 20 ขวบ ก็ได้ลงเล่นเป็นนัดแรกในฤดูกาลนี้  

ใบแดง

  แม้สภาพทีมจะไม่เอื้ออำนวยแต่ ราล์ฟ ฮาเซ่นฮึทเทิ่ล กุนซือทัพ "นักบุญแดนใต้" ก็พยายามวางแผนแก้หมากมาอย่างดี ทว่าทุกอย่างที่เตรียมไว้มันก็พังตั้งแต่หัววัน เพราะเจ้าหนู อเล็กซานเดอร์ ยานเควิตซ์ ดาวรุ่งชาวสวิส ดันมาทำพลาดคึกคักอะไรไม่รู้กระโดดย่ำใส่ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ตั้งแต่นาทีที่ 2 ผู้ตัดสิน ไมค์ ดีน ไม่รอช้า ควักใบแดงไล่ออกจากสนามทันที โดยที่ไม่ต้องดู VAR และหลังจากนั้นก็เป็นโศกนาฏกรรมของ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่โดน ผีแดงหลอกหลอนไม่หยุด จบ 90 นาที โดนไป 9 ลูก แถมช่วงท้ายเหลือ 10 คนไม่พอ แยน เบดนาเร็ก ยังมาโดนใบแดงไปอีกคน จากจังหวะสกัด อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ล้มลงไปในเขตโทษ เป็นใบแดงพร้อมจุดโทษ เรียกภาษาบ้านๆ คือ แจกโปสเตอร์พร้อมลายเซ็น แม้ดู VAR แล้วมันไม่น่าถึงแดง แต่ ไมค์ ดีน ก็ไม่สน สุดท้าย บรูโน่ ก็ซัดเข้าไป ไอเรื่องจังหวะ 9 ลูกที่ ผีแดง ได้ ผมคงไม่มานั่งไล่เรียงนะเพราะเยอะเกิ๊น มาเก็บตกเป็นประเด็นๆ ละกัน มาต่อกันเลย   

ลุค ชอว์

  จะว่าไปนับตั้งแต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ทุ่มเงินราว 15 ล้านปอนด์ คว้าตัว อเล็กซ์ เตลลิส เข้ามาร่วมทีม เพื่อเป็นคู่แข่งแย่งตำแหน่งแบ็กซ้ายกับ ลุค ชอว์ อีตาชอว์ ก้นงอน ก็เล่นดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งมีช่วงนึงที่ เตลลิส ทำเกมรุกได้ดี เปิดบอลสวยๆ ได้หลายลูกจนแฟนผีมีมโนนึกถึง เดวิด เบ็คแฮม หลังจากนั้น ชอว์ ก็แสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมา รักษามาตรฐานตัวเองได้ดี หนำซ้ำยังพัฒนายิ่งขึ้นไปอีกทั้งเกมรับและรุกบุกสะเด็ดเด่าเร้าใจดีเหลือเกิน เฉกเช่นนัดนี้ แม้จะได้ลงเล่นแค่ครึ่งแรกครึ่งเดียวแต่ก็จัดไปถึง 2 แอสซิสต์ ซึ่งก่อนหน้านี้ 45 เกมใน พรีเมียร์ลีก ชอว์ ทำได้แค่ 2 แอสซสิต์เท่านั้น แถมเกมนี้ยังมีส่วนร่วมกับเกมตลอดเวลา เรียกได้ว่า ชอว์ คนนี้ที่เคยเป็นส่วนเกินของทีมในยุค โชเซ่ มูรินโญ่ ได้กลับมาเป็นตัวหลักและเป็นที่รักของเหล่าแฟนผีแบบเต็มๆ แล้ว  

บรูโน่ ปลดแอก 

  หลังจากปืนฝืดไม่แอสซิสต์ไม่ยิงเลยใน 5 เกมหลังสุดในเวที พรีเมียร์ลีก ในที่สุด บรูโน่ แฟร์นันเดส มิดฟิลด์เดอะแบกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็สามารถปลดล็อคให้ตัวเองได้สำเเร็จ โดยเกมนี้ทำไป 2 แอสซิสต์ให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ซัดประตูที่ 5 และสุดท้ายก็จ่ายให้ ดาเนียล เจมส์ ยิงปิดกล่อง ส่วนประตูที่ได้ก็มาจากจุดโทษกระโดดยิงตามสไตล์ในลูก 7-0 ก็เรียกได้ว่าเกมนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ค่อนข้างซื้อใจ บรูโน่ ทีเดียว เพราะรู้แหละว่า ไอหมอนี่มันเหนื่อยแบกทีมเยอะ แต่ก็ขัดสนเรื่องประตูกับแอสซิสต์มานาน นักเตะมันอยาก ตอนพักครึ่งที่นำ 4-0 จริงๆ จะถอดพักก็ได้ แต่ โอเล่ เลือกที่จะใช้งานต่อเพื่อให้หาแอสซิสต์กับประตูเพื่อเรียกความมั่นใจ และสุดท้ายก็ทำได้ วินๆ ทุกฝ่าย แต่ร่างกายจะไหวหรือไม่ไหว อันนี้ไปรอดูเกมหน้าละกัน   

มาร์กซิยาล เค้ากลับมา

  พอเกมจะเริ่มครึ่งหลัง กล้องถ่ายทอดสดจับภาพมาที่ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล เปลี่ยนชุดเรียบร้อยพร้อมลงสนาม ผมเชื่อเลยว่าแฟนผีเกิน 70% ต่างร้องยี้ แม้ทีมรักจะนำอยู่ 4-0 พูลสวิสดิ์ก็ตามที เพราะ น้องหมากระยะหลังทำผลงานได้นาตบกะโหลกเหลือเกิน อีกอย่างคือ เอดินสัน คาวานี่ ก็กำลังเล่นดี แถมโขกได้ 1 ประตูด้วย ไม่น่าโดนเปลี่ยนออกตั้งแต่เริ่มต้นครึ่งหลัง แต่อีกด้านนึงก็เข้าใจ โซลชา เหมือนกันนะ มาร์กซิยาล ถือว่าเป็นลูกรัก เกมขาดแบบนี้ ผู้เล่นก็มากกว่า ก็ควรจะส่งลูกรักที่ปืนฝืดไปหลายนัดลงมาเรียกความมั่นใจหน่อย แล้วมันก็ทำได้จริงๆ น้องหมากใช้เวลา 45 นาทีในครึ่งหลัง ซัดไป 2 ประตู และเรียกจุดโทษได้ 1 ลูก ถือว่าเป็นผลงานที่ค่อนข้างน่าประทับใจ และเหนือสิ่งอื่นใดคือได้ความมั่นใจกลับมาแน่ๆ  

9-0 พูลสวัสดิ์ ไม่ใช่ว่าจะจัดกันได้ง่ายๆ 

  ปิดท้ายกันด้วยประเด็นของเรื่องระเบิดถังขี้ขยี้ 9-0 ละกัน สกอร์นี้นี่เป็นเพียงแค่ครั้งที่ 3 ของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เท่านั้นนะครับ ที่มีการกระหน่ำประตูกันถึง 9 ดอก โดย 2 ครั้งก่อนหน้านี้ เกิดขึ้นในปี 1995 ซึ่งตนนั้น "ปีศาจแดง" เปิดรังถล่ม อิปสวิช ทาวน์ ไป 9-0 แล้วก็มีอีกทีในปี 2019 ไม่นานมานี้ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ขยี้ เซาธ์แฮมป์ตัน นี่แหละไป 9-0  

ชิน ชินพัฒน์

logoline