logo-heading

แฮปปี้ไปตามๆ กันสำหรับสาวก "สิงห์บลูส์" หลังจากสามารถยัดเยียดความปราชัยให้ แอตเลติโก มาดริด ได้สำเร็จ 1-0 ประตู ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก ซึ่งเกมนี้มีอะไรน่าสนใจและเกิดอะไรขึ้นบ้าง ขอบสนามจัดให้ มาไล่เรียงดูกัน

  เริ่มต้นที่การจัดทีม แอตเลติโก มาดริด จ่าฝูง ลา ลีกา สเปน ที่เกมนี้มาในฐานะเจ้าถิ่นแม้จะต้องเล่นที่สนามกลาง ส่งแนวรุกมาแบบจัดเต็มมีทั้ง โตมัส เลอมาร์, ชูเอา เฟลิกซ์, อังเกล คอร์เรอาร์ และ หลุยส์ ซัวเรซ ขณะที่ทางฝั่ง เชลซี ของ โธมัส ทูเคิ่ล ที่ผลงานดูดีขึ้นอย่างชัดเจน นับตั้งแต่ได้ เขาเข้ามาคุมทีมแทน แฟรงค์ แลมพาร์ด เกมนี้ขาดแค่ ติอาโก้ ซิลวา คนเดียวที่ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ โดยเกมรับเลือกใช้ อันเดรส ดรีสเตนเซ่น จับคู่กับ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ รวมถึง เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า อีกคนที่หุบเข้ามาเล่นเป็นเซ็นเตอร์ ส่วนเกมรุกก็ฝากความหวังไว้ที่ เมสัน เมาท์, ติโม แวร์เนอร์ และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ซึ่งพอเกมเริ่มด้วยความที่เป็นสนามกลาง มันก็เลยไม่ได้ทำให้ "ตราหมี" ของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ได้เปรียบอะไรเลยมากนัก เกมในช่วงแรกถือว่ายังทรงๆ สูสี ต่างฝ่ายต่างยังไม่กล้าผลีผลามบุกเข้าใส่ จนกระทั่งนาทีที่ 14 "ตราหมี" ก็ได้ลุ้นขึ้นนำก่อน จากจังหวะที่ หลุยส์ ซัวเรซ ลากเข้าไปจนสุดเส้นฝั่งขวา ก่อนเปิดตัดกลับเข้ามาให้ โตมัส เลอมาร์ พุ่งเข้าชาร์จ แต่บอลโดนไม่ดีหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย แต่ถัดจากนั้นแค่นาทีเดียว เชลซี ก็ได้ลุ้นคืนบ้าง และเป็นจังหวะที่คล้ายๆ กันเลย เมสัน เมาท์ เดอะแบกคนใหม่ของ "สิงห์บลูส์" ลุยขึ้นมาทางขวาก่อนจะเปิดให้ ติโม แวร์เนอร์ แหย่เท้าเข้ามายิง แต่ก็โดนเฉี่ยวๆ บอลเลี้ยวผ่านหน้าปากประตูออกไป นี่ก็น่าเสียดายชวดได้ประตูขึ้นนำเช่นกัน หลังจากต่างฝ่ายต่างได้ทักทายกันไปคนละที ก็เป็น เชลซี ที่เริ่มทำได้ดีกว่าชัดเจนทั้งการครองบอล จ่ายบอล และการหาโอกาสจบสกอร์ ไม่ว่าจะเป็นโอกาสยิงวอลเลย์นอกกรอบเขตโทษของ มาร์กอส อลอนโซ่ ในนาทีที่ 25 ที่ติดเซฟของ ยาน โอบลัค หรือนาทีที่ 39 ที่ แวร์เนอร์ ลากไปยิงยัดเสาแรกแต่ก็ยังติดเซฟของ โอบลัค อยู่ดี ทำให้สุดท้ายจบ 45 นาทีแรก ยังทำอะไรกันไม่ได้เสมอกันไป 0-0 เข้าสู่ช่วงครึ่งหลัง ด้วยความที่ว่ายังไม่มีประตูแรกเกิดขึ้น แล้วมันก็เล่นที่สนามกลางแบบไร้แฟนบอล ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายยังเล่นแบบเคาะบอลไปมา ถ้อยทีถ้อยอาศัย ได้ก็เอา ไม่ได้ก็วนกลับ เกมค่อนข้างสูสี แต่ไม่ได้มีโอกาสจบสกอร์กันสักเท่าไหร่ จะมีแบบได้ลุ้นหน่อยก็นาทีที่ 58 ชูเอา เฟลิกซ์ ได้โอเวอร์เฮดคิก แต่บอลก็ลอยหลุดหายไปในอวกาศ จนกระทั่งนาทีที่ 68 ประตูแรก และประตูเดียวของเกมนี้ก็มาจนได้ จากจังหวะที่ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ กองหน้าดีกรีแชมป์โลก โชว์จักรยานอากาศแบบสุดสวยบอลย้วยหนีมือ โอบลัค เข้าประตูไป ซึ่งจังหวะที่ ชิรูด์ และผู้เล่นสิงห์บลูส์กำลังจะวิ่งฉลองนั้น ผู้กำกับเส้นก็ยกธงล้ำหน้า เลยต้องมาย้อนดู VAR กันอีกที ซึ่งจากภาพช้าเห็นได้ชัดเลยว่า ชิรูด์ นั้นยืนล้ำหน้าเหลื่อมไลน์แนวรับของ แอต.มาดริด อยู่ ทว่าบอลจังหวะสุดท้ายก่อนที่จะกระดอนมาให้ ชิรูด์ ตะบันเข้าไปนั้นมันดันไปโดน มาริโอ เฮอร์โมโซ่ กองหลัง "ตราหมี" เป็นคนสุดท้าย ฉะนั้นลูกนี้ก็เลยไม่ล้ำหน้า กลายเป็นประตูขึ้นนำของ เชลซี ไปในที่สุด หลังจากโดนขึ้นนำ ช่วงเวลาที่เหลือ แอต.มาดริด พยายามเปิดเกมรุกบุกเข้าใส่ เชลซี แต่ก็เจาะกำแพงเกมรับของทัพ "สิงห์บลูส์" ไม่ได้ ทำให้หาจังหวะจบสกอร์แบบหวังผลไม่ได้เลย มิหนำซ้ำยังโดนเกมสวนกลับเล่นงานจนเกือบเสียประตูที่ 2 อีกด้วย จากจังหวะที่ แวร์เนอร์ ได้ยิงมุมแคบ แต่ยังดีที่ โอบลัค ช่วยเซฟไว้ได้อีกครั้ง สุดท้ายก็จบ 90 นาที กลายเป็น "สิงห์บลูส์" ที่กุมความได้เปรียบจากเลกแรกด้วยชัยชนะ และมีอเวย์โกลล์กลับไป 1 ลูก ก่อนจะดวลกันในเลกสองที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในวันพุธที่ 18 มีนาคมนี้

ซึ่งก็ต้องบอกว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ดีเหลือเกินสำหรับทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” ในลีก ก็ขยับอันดับขึ้นมาแล้ว ส่วน ใน ยูซีแอล โอกาสการเข้ารอบก็ช่างสดใสเหลือเกินจากที่คาดว่าจะเป็นปีที่ย่ำแย่ อาจจะเป็นปีที่มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นกับพวกเขาก็ได้  

 

ชิน ชินพัฒน์

logoline