logo-heading

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถพลิกสถานการณ์จากที่เป็นรองอยู่นิดๆ กลับมาผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกยูฟ่า ยูโรปา ลีก ได้สำเร็จ หลังจากบุกไปยัดเยียดความปราชัยให้ เอซี มิลาน ถึงรัง ซาน ซีโร่ 1-0 ทำให้ผลรวม 2 นัด ผ่านเข้ารอบไปด้วยสกอร์รวม 2-1 ประตู เกมนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้างมาไล่เรียงดูกันดีกว่า

  เริ่มต้นที่การจัดทีมเกมนี้ สเตฟาโน่ ปิโอลี่ กุนซือทัพ "ปีศาจแดง-ดำ" มีการปรับเปลี่ยนทีมจากเกมแรกพอสมควรโดยได้ ฮาคาน คัลฮาโนกลู กองกลางคนสำคัญหายเจ็บกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริง แบ็กซ้ายถอด ดิโอโก้ ดาโลต์ เป็นสำรองแล้วใช้ เตโอ เอร์นานเดซ ลงเล่นแทน ขณะที่แบ็กขวาก็เปลี่ยนเช่นกันใช้ ปิแอร์ คาลูลู ยืนประจำการ ส่วนกองหน้าก็ส่ง ซามู กาสตีเยโฆ ลงเป็นตัวความหวังแทน ราฟาเอล เลเอา โดยมี ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กลับมามีชื่อเป็นตัวสำรองด้วย ตัดสลับกลับมาดูทางฝั่งทีมเยือน "ผีแดง" ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เกมนี้น้าแกเลือกใช้นักเตะชุดเดียวกับที่เปิดบ้านเชือด เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 ในศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแบบไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่คนเดียว เรียกได้ว่าใช้งานให้ขาแข้งกรอบกันไปข้าง ดีน เฮนเดอร์สัน ยังคงเฝ้าเสา แบ็กซ้าย ลุค ชอว์ ขวาเป็น วาน-บิสซาก้า เซ็นเตอร์ใช้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ จับคู่กับ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ กองกลางวาง สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ คู่ เฟร็ด เพลย์เมกเกอร์แน่นอนว่าเป็น บรูโน่ 'เดอะแบก' แฟร์นันเดส ขนาบข้างด้วย มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ ดาเนียล เจมส์ และมี เมสัน กรีนวู้ด เป็นกองหน้าตัวเป้า แต่ก็คอยสลับตำแหน่งกับ แรชฟอร์ด โดยยังไร้ชื่อของ 2 หัวหอกอย่าง มาร์กซิยาล กับ เอดินสัน คาวานี่ ที่ไม่ผ่านความฟิต แต่ก็ได้ ปอล ป็อกบา และ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค กลับมาเป็นตัวเลือกบนม้านั่งสำรองอีกครั้ง เริ่มต้นเกมมาเป็น ผีแดง ที่เสียเปรียบอยู่เล็กน้อยเพราะโดนอเวย์โกลมาก่อนในเลกแรก เปิดฉากครองบอลบุกเข้าใส่ได้ดีกว่า นาทีที่ 12 บรูโน่ แฟร์นันเดส เล่นชิ่งกับ ลุค ชอว์ ทางฝั่งซ้าย สุดท้ายก็มาจบที่ บรูโน่ ได้ยิง แต่ก็ข้ามคานไปไกล แต่หลังผ่าน 15 นาทีแรกไป เกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เริ่มตื้อ และกลายเป็น เอซี มิลาน ที่ครองบอลได้มากกว่า  นาทีที่ 35 ฟรองค์ เคสซี่ มีโอกาสจะได้ยิงในกรอบเขตโทษ แต่ต้องชม วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ที่พุ่งมาสไลด์ดักบอลไว้ได้ทันเวลา อย่างไรก็ตามเกมรุกของเจ้าถิ่นก็ยังมาเรื่อยๆ แมนฯ ยูไนเต็ด เน้นรับแล้วโต้ แต่ก็โต้ไม่ขึ้น และเกือบเสียประตูในช่วงท้ายครึ่งแรก เคสซี่ คนเดิม จ่ายบอลให้ อเล็กซิส ซาเลเมเกอร์ส หน้ากรอบเขตโทษตะบันเต็มตีน แต่ ดีน เฮนเดอร์สัน ยังเซฟปัดป้องออกไปได้ ช่วงทดเจ็บ ผีแดง ก็เกือบโดนอีก ราเด้ ครูนิช ได้ตวัดยิงแต่บอลไม่ตรงกรอบ ลูกทีมของน้าโอเล่ เลยรอดตัวไปจบครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0 ด้วยรูปเกมที่ เอซี มิลาน ดูดีกว่าเล็กน้อย ครึ่งหลัง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ไม่รอช้า ตัดสินใจแก้เกมทันทีถอด มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่โชว์ฟอร์มไม่ออกตลอด 45 นาทีแรก ออกจากสนามแล้วส่ง ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์ดีกรีแชมป์โลกลงมาเล่นแทน และนี่เองก็เป็นจุดเปลี่ยนของเกม เพราะพอ ป็อกบา ลงมารูปเกมของ ผีแดง ก็ดูดีขึ้นทันตาเห็น ป็อกบา ใช้เวลาอยู่ในสนามไม่ถึง 5 นาที ก็แผลงฤทธิ์จนได้ จากจังหวะที่ ดาเนียล เจมส์ พลิกตัวตวัดซัดบอลเข้ามากลางหน้าประตู บอลขลุกขลิกพลิกไปพลิกมาจนสุดท้ายมาเข้าทาง ป็อกบา หลอกหน้าเท้าหนึ่งจังหวะดึงให้แนวรับ มิลาน หลงงงงวย ก่อนจะโชว์สเต็ปชิพบอลเข้าประตูไปอย่างเหนือชั้น ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด บุกมาขึ้นนำ 1-0 พลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบได้สำเร็จ หลังจากขึ้นนำ ผีแดง เองก็ไม่ได้ผ่อนเกมมากนัก อีกอย่างนึงคือพอ ปอล ป็อกบา ลงมาแล้วมันทำให้เกมแดนกลางสมบูรณ์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม็คโทมิเนย์ กับ เฟร็ด ที่ครึ่งแรกเล่นหมาไม่แดก ครึ่งหลังพอมี ป็อกบา เข้ามาช่วยแบก ก็เล่นง่ายขึ้นเยอะ นาทีที่ 51 ปอล ป็อกบา จ่ายให้ เมสัน กรีนวู้ด ได้ยิง แต่ก็ยังติดเซฟ จีจี้ ดอนนารุมม่า ชวดทิ้งห่างเป็น 2-0 จากนั้นเกมก็สู้กันได้สนุก เล่นกันกลางสนามผลัดกันรุกและรับ ต่างฝ่ายต่างยังไม่อยากเพลี่ยงพล้ำ จนกระทั่ง เอซี มิลาน ตัดสินใจเปลี่ยนตัว ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ลงมาแทน ซามู กาสติเยโฆ่ ในนาทีที่ 65 เกมรุกของ มิลาน ก็เริ่มกลับมาน่ากลัวอีกครั้ง แล้วก็เป็น ซลาตัน นี่แหละที่เกือบจะยิงทีมเก่า และตีเสมอให้ มิลาน ได้สำเร็จ จากจังหวะเทคตัวโหม่งลูกเปิดของ คัลฮาโนกลู บอลพุ่งแรงแต่ ดีน เฮนเดอร์สัน ยังโชว์ซูเปอร์เซฟ พุ่งปัดบอลเอาไว้ได้ ก่อนที่ ลุค ชอว์ จะรีบวิ่งมาเคลียร์ทิ้งออกหลังไป และนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของ เอซี มิลาน ในเกมนี้ 

สุดท้ายจบ 90 นาที ปีศาจแดง-ดำ ตีเสมอไม่สำเร็จ ต้องกระเด็นตกรอบไป พร้อมส่งให้ ผีแดง ที่เป็นเต็ง 1 ในรายการนี้ ทะลุผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ส่วนจะไปได้ไกลแค่ไหน โซลชา จะมีโทรฟี่แรกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฐานะกุนซือหรือยัง ก็มารอติดตามกันต่อไป

 

ชิน ชินพัฒน์ 

logoline