logo-heading

เบอร์เสื้อหมายเลข 7 ถือเป็นเบอร์ยอดฮิตประจำทีมที่นักเตะหลายคนใฝ่ฝันว่าอยากจะใส่ เพราะเป็นเบอร์ที่ชี้ชัดว่าคุณคือนักเตะคนสำคัญของทีม เฉกเช่นเดียวกับเบอร์ 9 และ 10 ซึ่งในวงการลูกหนังที่ผ่านมานี้ ก็มีนักเตะระดับตำนานที่สวมเสื้อเบอร์ 7 มาแล้วมากมาย แต่วันนี้เราจะขอคัดเอา 10 นักเตะเด็ดๆ ที่ใส่เบอร์ 7 แล้วฟอร์มเผ็ด มาดูกันดีกว่าว่าจะมีใครบ้าง

 

อังเดร เชฟเชนโก้ - เอซี มิลาน

Topten! 10 แข้งตำนานเบอร์ 7 เจ๋งสุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง เชฟเชนโก้ ย้ายจาก ดินาโม เคียฟ มาอยู่กับ เอซี มิลาน เมื่อปี 1999 ด้วยค่าตัว 30 ล้านยูโร เป็นสถิติสโมสรในเวลานั้นด้วย ซึ่งตอนที่ เชว่า ย้ายเข้ามา เสื้อเบอร์ 7 อิบราฮิม บา ปีกขวาของทีมใส่อยู่ แต่สุดท้ายมันก็ย้ายมาปักบนหลังเสื้อของ เชว่า ซึ่งต่อมา เชฟเชนโก้ ได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า "ผมจำได้ว่าตอนผมย้ายมา อิบราฮิม บา เดินเข้ามาหาผม แล้วถามผมว่า 'นายอยากได้เสื้อเบอร์ 7 หรอ? ถ้านายอยากได้ ผมก็จะให้แล้วไปใส่เบอร์อื่นแทน' ผมต้องขอบคุณเขามากจริงๆ มันยอดเยี่ยมมาก" ซึ่ง 7 ฤดูกาลที่ เชฟเชนโก้ ลงล่าตาข่ายให้ เอซี มิลาน นั้น มันคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่ "ปีศาจแดง-ดำ" ยอมเสียไปเลย เพราะพี่แกกระหน่ำไปทั้งสิ้น 173 ประตู จาก 296 นัด คว้าแชมป์ เซเรีย อา, โคปปา อิตาเลีย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้อย่างละ 1 สมัย และเป็นเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ ปี 2004 ด้วย แถมตอนย้ายออกไปยังทำกำไรให้ทีมได้อีกมหาศาลด้วยเพราะย้ายไปอยู่กับ เชลซี ในปี 2005 ด้วยค่าตัว 73 ล้านยูโร   

บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ - ทีมชาติเยอรมัน

Topten! 10 แข้งตำนานเบอร์ 7 เจ๋งสุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง แม้ว่าตลอดอาชีพค้าแข้งของ ชไวนี่ ในระดับสโมสรทั้ง 13 ฤดูกาลกับ บาเยิร์น มิวนิค, 2 ฤดูกาลกับ แมนฯ ยูไนเต็ด และ 3 ฤดูกาลกับ ชิคาโก้ ไฟร์ เจ้าตัวจะใส่แต่เสื้อหมายเลข 31 แต่ที่ถูกจัดเข้ามาอยู่ในลิสต์นี้ได้ เพราะถือว่าเป็นตำนานเบอร์ 7 ของทีมชาติเยอรมัน! อดีตกัปตันทัพ "อินทรีเหล็ก" ถูกเรียกติดธงครั้งแรกเมื่อปี 2004 จากนั้นก็กลายเป็นขาประจำของทีมชาติเรื่อยมา มันอาจจะแปลกๆ กว่าชาวบ้านหน่อยตรงที่ว่า ปกติแล้วผู้เล่นหมายเลข 7 จะต้องเล่นเกมรุกเป็นหลัก แต่กับ บาสตี้ มันไม่ใช่แบบนั้น เขาเป็นมิดฟิลด์มันสมอง ที่คอยดักจังหวะตัดเกมคู่แข่ง แต่ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม จนขึ้นชั้นตำนาน และถูกยกให้เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทัพ "อินทรีเหล็ก" คว้าแชมป์โลกเมื่อปี 2014 ก่อนที่ ชไวนี่ จะประกาศอำลาทีมชาติไปในปี 2016 ลงเล่น 121 นัด ซัด 24 ประตู  

ฟรองค์ ริเบรี่ - บาเยิร์น มิวนิค

Topten! 10 แข้งตำนานเบอร์ 7 เจ๋งสุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง ริเบรี่ ย้ายจาก โอลิมปิก มาร์กเซย มาอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อปี 2007 ด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร ซึ่งเป็นสถิติสโมสร ณ เวลานั้น แต่บอกเลยว่า "ปีกหน้าบาก" ตอบแทน "เสือใต้" ได้คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม โดย ริเบรี่ เข้ามาสวมหมายเลข 7 แทนที่ของ เมห์เม็ต โชล ที่ประกาศแขวนสตั๊ดพอดี การแบกค่าตัวเป็นสถิติสโมสร พร้อมกับรับหมายเลข 7 ต่อจากตำนานอย่าง โชล มันก็ย่อมทำให้ ริเบรี่ ที่ตอนนั้นอายุแค่ 24 ปี มีความกดดันอย่างแน่นอน แต่เจ้าตัวก็จัดการมันได้อย่างยอดเยี่ยม ใช้เวลาแค่ 2 เกมก็เปิดซิงยิงประตูแรกใน บุนเดสลีกา ได้แล้วทำให้คลายความกดดันไปได้เยอะ และจากนั้นเป็นต้นมา ถ้าไม่โดนอาการบาดเจ็บลักพาตัวไป ปีกเฟร้นซ์แมนผู้นี้คือคีย์แมนคนสำคัญที่ "เสือใต้" จะขาดไปไม่ได้ เช่นเดียวกับ อาร์เยน ร็อบเบน คู่หูของเขา สรุปแล้ว ริเบรี่ ร่วมหัวจมท้ายกับ บาเยิร์น 12 ฤดูกาล กวาดแชมป์ บุนเดสลีกา 9 สมัย, เดเอฟเบ โพคาล 6 สมัย และ แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 สมัย ก่อนจะย้ายออกไปอย่างตำนาน หลังจบฤดูกาล 22018/19 ลงเล่นไป 425 นัด ซัด 124 ประตู  

เอริค คันโตน่า - แมนฯ ยูไนเต็ด

Topten! 10 แข้งตำนานเบอร์ 7 เจ๋งสุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจทุ่มเงิน 1.25 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าแพงมากในเวลานั้นคว้าตัว เอริค คันโตน่า จาก ลีดส์ เข้ามาร่วมทีมในปี 1992 โดยให้สวมเสื้อหมายเลข 7 แทน ไบรอัน ร็อบสัน ที่ยอมเปลี่ยนไปใส่เบอร์ 12 แทน และเพียงฤดูกาลแรกที่เขาย้ายเข้ามา ก็กลายเป็นกำลังสำคัญในเกมรุก ผู้ปลุกให้ "ปีศาจแดง" กลับมาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดแดนผู้ดีได้อีกครั้ง หลังห่างหายจากความสำเร็จในถ้วยนี้ไป 18 ปีเต็ม นอกจากฟอร์มการเล่นที่ร้อนแรงแล้ว คาร์แร็คเตอร์ความเป็นผู้นำ ความเท่ การยิงเข้าแล้วดึงปกเสื้อ ก็ยิ่งทำให้ "ก็องโต้" ถูกพูดถึงมากขึ้นไปอีก น่าเสียดายที่พี่แกติสต์แตกไปหน่อย ตัดสินใจแขวนสตั๊ดเร็วไปนิดตอนอายุเพิ่งจะ 30 และยังเล่นได้โคตรดีอยู่เลย แต่ 5 ฤดูกาลที่อยู่กับ "ผีแดง" แค่นี้ก็เพียงพอที่จะเป็นตำนานของทีม พร้อมกับได้รับฉายาจากแฟนผีว่า "เอริค เดอะคิง" ด้วย โดยลงเล่นไปทั้งสิ้น 185 นัด ซัด 82 ประตู แอสซิสต์อีกบาน คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 4 สมัย และ เอฟเอ คัพ อีก 2 สมัย  

เคนนี่ ดัลกลิช - ลิเวอร์พูล

Topten! 10 แข้งตำนานเบอร์ 7 เจ๋งสุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง ดัลกลิช ย้ายจาก เซลติก ทีมดังในลีกบ้านเกิดสก็อตแลนด์ มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 1977 สวนทางกลับ เควิน คีแกน อีกหนึ่งตำนานของ ลิเวอร์พูล ที่ย้ายออกไปพอดี ทำให้ ดัลกลิช สวมช่วงใส่เบอร์ 7 ต่อจาก คีแกน ไปเลย ตำนานแข้งทีมชาติสก็อตแลนด์ แทบไม่ต้องใช้เวลาปรับตัวกับทีมใหม่เลย เพราะมาถึงก็ฟอร์มเปี้ยง พา "หงส์แดง" คว้าแชมป์ลีกสูงสุดแดนผู้ดี 6 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย, ลีกคัพ 4 สมัย และ ยูโรเปี้ยน คัพ อีก 3 สมัย ตลอด 13 ฤดูกาลที่อยู่กับทัพ "หงส์แดง" ลงเล่นไป 515 นัด ซัด 172 ประตู โดยเหล่าสาวก "เดอะคอป" ได้ตั้งฉายาให้ ดัลกลิช ว่า "คิง เคนนี่" และถูกยกให้เป็นนักเตะเบอร์ 7 ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลของสโมสร ลิเวอร์พูล อีกด้วย  

เดวิด เบ็คแฮม - แมนฯ ยูไนเต็ด

Topten! 10 แข้งตำนานเบอร์ 7 เจ๋งสุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง เป็นไปไม่ได้เลยที่ลิสต์นี้จะขาดชายผู้นี้ไป เดวิด เบ็คแฮม คือซูเปอร์สตาร์ดาวค้างฟ้าตลอดกาลของวงการลูกหนัง ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลา สาวๆ ที่ไม่ดูบอลยังต้องรู้จัก ส่วนหนุ่มๆ นี่ก็พยายามตัดผมตามแฟชั่นของพี่เบ็คส์กันพรึ่บ กลับเข้ามาเรื่องในสนามกันดีกว่า เบ็คแฮม ถือเป็นหนึ่งในตำนานหมายเลข 7 ของทัพ "ปีศาจแดง" โดดเด่นอย่างยิ่งในเรื่องลูกครอสจากริมเส้นฝั่งขวา และลูกฟรีคิกสุดฉมัง "พี่เบ็คส์" เป็นเด็กปั้นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 1992 แต่ตอนนั้นใส่เบอร์ 21 ก่อน จนกระทั่ง เอริค คันโตน่า ตัดสินใจแขวนสตั๊ดไปในปี 1997 เบ็คแฮม ก็ได้รับเกียรติให้มาสานตำนานต่อจาก "ก็องโต" ซึ่ง อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง อยู่กับ "ผีแดง" 11 ฤดูกาล ลงเล่น 394 นัด ซัด 85 ประตู คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 6 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย และ แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 สมัย ก่อนจะย้ายออกไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ในปี 2003 หลังเกิดเหตุการณ์สตั๊ดบินอย่างที่เรารู้ๆ กันดี  

หลุยส์ ฟิโก้ - บาร์เซโลน่า, อินเตอร์ มิลาน, ทีมชาติโปรตุเกส

Topten! 10 แข้งตำนานเบอร์ 7 เจ๋งสุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง ฟิโก้ เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักก็ตอนย้ายมาใส่เบอร์ 7 ลงเล่นให้ บาร์เซโลน่า นี่แหละ แต่จริงๆ แล้ว พี่แกสวมเบอร์ 7 มาตั้งแต่สมัยที่เล่นให้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน แล้ว เรียกได้ว่าเป็นเบอร์ประจำตัวเลย ตอนอยู่กับ สปอร์ติ้ง แม้จะเล่นดี แต่ไม่มีความสำเร็จ ผิดกับตอนย้ายมาอยู่กับ บาร์ซ่า 5 ฤดูกาล คว้าแชมป์ ลา ลีกา กับ โกปา เดล เรย์ ไปอย่างละ 2 สมัย ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และ คัพ วินเนอร์ส คัพ อีกอย่างละ 1 สมัย ก่อนจะย้ายแบบช็อคโลกไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ในปี 2000 แต่ไม่ได้สวมเบอร์ 7 ก่อนที่ในปี 2005 ฟิโก้ ได้กลับมาสวมเบอร์โปรดอีกครั้ง ตอนที่ย้ายมาอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน ซึ่งแม้จะย้ายมาในช่วงบั้นปลายอาชีพค้าแข้ง เพราะตอนนั้นก็ปาเข้าไป 33 ปีแล้ว แต่ ฟิโก้ ก็ยังโชว์เก๋า และเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยให้ อินเตอร์ มิลาน กวาดแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา 4 สมัยซ้อน และ โคปปา อิตาเลีย อีก 1 สมัย ตลอด 4 ฤดูกาลที่พี่แกลงเล่นให้ "ไอ้งูใหญ่" ส่วนในนามทีมชาติ ฟิโก้ ถือว่าเป็นแข้งระดับตำนานของทัพ "ฝอยทอง" ใส่เบอร์ 7 ลงรับใช้ชาติมานมนาน น่าเสียดายที่ไม่เคยคว้าแชมป์ระดับชาติมาประดับบารมีได้เลย โดนครั้งนึง ฟิโก้ เคยเป็นนักเตะที่ติดทีมชาติโปรตุเกสมากที่สุดด้วย ที่จำนวน 127 นัด แต่ตอนนี้โดน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ชูเอา มูตินโญ่ แซงไปแล้ว   

จอร์จ เบสต์ - แมนฯ ยูไนเต็ด

Topten! 10 แข้งตำนานเบอร์ 7 เจ๋งสุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง คงไม่ผิดนักหากจะบอกว่า จอร์จ เบสต์ คือซุเปอร์สตาร์และตำนานเบอร์ 7 คนแรกของทัพ "ปีศาจแดง" เบสต์ เป็นเด็กปั้นของ แมนฯ ยู ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 17 ปี ว่ากันว่าเขาเป็นนักเตะที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ และครบเครื่องเรื่องฝีเท้ามากที่สุดคนนึงในโลกลูกหนัง หากหลายท่านที่เกิดไม่ทัน ไม่เคยเห็นฟอร์ม จินตนาการไม่ออกว่า เบสต์ ผู้ล่วงลับ เก่งขนาดไหน ก็เก่งถึงขนาดที่มีวลีว่า "Maradona Good, Pele Better, George Best" หรือแปลเป็นไทยคือ "มาราโดน่า เก่ง, เปเล่ เก่งกว่า แต่ จอร์จ เก่งที่สุด (Best)" เบสต์ อยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งสิ้น 11 ปี ลงเล่นไป 470 นัด ซัด 179 ประตู คว้าแชมป์ลีกสูงสุดเดิม (ดิวิชั่น 1) 2 สมัย และ ยูโรเปี้ยน คัพ อีก 1 สมัย และคว้ารางวัลบัลลงดอร์ มาครองได้ด้วยในปี 1968 ปีเดียวกับที่คว้าแชมป์ยุโรปนั่นแหละ เบสต์ ย้ายออกจาก แมนฯ ยู ไปในปี 1974 และแขวนสตั๊ดในปี 1984 ก่อนจะเสียชีวิตด้วยอาการปอดติดเชื้อเมื่อปี 2005 ขณะอายุ 59 ปี  

ราอูล - เรอัล มาดริด

Topten! 10 แข้งตำนานเบอร์ 7 เจ๋งสุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง ราอูล เป็นเด็กปั้นของทัพ "ราชันชุดขาว" และถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุแค่ 17 ปี และในปีถัดมาก็ได้รับความไว้วางใจให้สวมเสื้อหมายเลข 7 ต่อจาก เอมิลิโอ บูตราเกนโญ่ อีกหนึ่งตำนานดาวยิงของ มาดริด ที่ย้ายออกไป แต่เจ้าตัวก็รับมือกับความกดดันได้อย่างดีเยี่ยม เพราะจากนั้นอีก 15 ปี ราอูล ไม่เคยเปลี่ยนเบอร์เสื้อเลย แถมระเบิดตาข่ายได้อย่างถล่มทลายจนขึ้นชั้นตำนาน พาทัพ "ราชันชุดขาว" คว้าแชมป์ ลา ลีกา 6 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัย ตลอด 16 ฤดูกาลที่ค้าแข้งให้ เรอัล มาดริด ก่อนจะย้ายออกไปอยู่กับ ชาลเก้ 04 ในปี 2010 หยุดสถิติรับใช้ "ราชันชุดขาว" เอาไว้ที่ 741 นัด มากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ซัดไป 323 ประตู เป็นรองดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสร  

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - แมนฯ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด และ ยูเวนตุส

Topten! 10 แข้งตำนานเบอร์ 7 เจ๋งสุดตลอดกาลของโลกลูกหนัง อันดับที่ 1 คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าของรางวัล บัลลงดอร์ 5 สมัย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ผู้นี้นี่เอง เกียรติประวัติความเก่งกาจคงไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาว ฝีเท้าดูดีเป็นที่ประจักษ์กันอยู่แล้ว แต่คนที่ "พี่โด้" ต้องขอบคุณเลยก็คือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เห็นแววกระชากตัว "ซีอาร์ 7" มาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เท่านั้นไม่พอยังเชื่อมั่นยัดเยียดให้ใส่เบอร์ 7 เบอร์ตำนานของทัพ "ปีศาจแดง" อีกด้วย ส่วนผลงานก็ไม่ต้องพูดถึง ถลุงตาข่ายให้ แมนฯ ยูไป 118 ลูก กวาดแชมป์ พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, ลีกคัพ 2, เอฟเอ คัพ และ แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกอย่างละ 1 สมัย ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลก 80 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2009 แต่ฤดูกาลที่ พี่โด้ ย้ายไปอยู่กับ มาดริด เบอร์ 7 ยังไม่ว่าง เพราะ ราอูล ยังอยู่ เจ้าตัวเลยเลือกใส่เบอร์ 9 แก้ขัดไปแทน ก่อนที่ซีซั่นต่อมา ราอูล จะโบกมือลาทัพ "ราชันชุดขาว" ไปอยู่กับ ชาลเก้ เบอร์ 7 ก็ตกทอดมาอยู่บนหลังเสื้อของ พี่โด้ และสวมยาวมา ซึ่งตลอด 8 ฤดูกาลที่ใส่เสื้อเบอร์ 7 กับ เรอัล มาดริด ไม่มีปีไหนเลยที่ฟอร์มตก กดไม่ต่ำกว่า 40 ประตูทุกซีซั่น เป็นกำลังสำคัญพา ราชันชุดขาว คว้าแชมป์ ลา ลีกา กับ โกปา เดล เรย์ อย่างละ 2 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 4 สมัย ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส ในปี 2018 หยุดสถิติกับ เรอัล มาดริด ไว้ที่ลงเล่น 438 นัด ซัด 450 ประตู เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์สโมสร เท่านั้นไม่พอ พอย้ายมา ยูเวนตุส พี่โด้ ในวัย 30 กว่า ก็ยังแกร่งและเก่งเหมือนเดิม และได้สวมเบอร์ 7 เหมือนเดิมด้วย เพราะ ฮวน กวาดราโด้ เจ้าของเบอร์คนเดิมยินดีสละให้ยอดแข้งซูเปอร์สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส  ปัจจุบัน โรนัลโด้ ในวัย 36 ปี ลงเล่นให้ "ไอ้ม้าลาย" ไปแล้ว 127 นัด ซัด 97 ประตู คว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา มาได้ 2 สมัย เรียกได้ว่าเก่ง และประสบความสำเร็จทุกที่ที่ย้ายไปจริงๆ รวมถึงทีมชาติทุกวันนี้พี่แกก็ถือครองสถิติทั้งดาวซัลโวสูงสุด และนักเตะที่ติดธงมากสุดด้วย และเป็นกัปตันทีมพาทัพ "ฝอยทอง" คว้าแชมป์ยูโร 2016 มาครองได้ ซึ่งก็ใส่เสื้อหมายเลข 7 นี่แหละ ฉะนั้นอันดับ 1 ถ้าไม่ใช่ พี่โด้ แล้วมันจะเป็นใครไปได้หละ!?

ชิน ชินพัฒน์

 
logoline