logo-heading

"Rose War" สงครามดอกกุหลาบ จบลงไปแบบจืดสนิทศิษย์ส่ายหน้า ลีดส์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านเจ๊า แมนฯ ยูไนเต็ด ไป 0-0 แบบที่ทั้ง 90 นาที แทบไม่มีโอกาสหวาดเสียวบอลเลี้ยวเข้าประตูให้พูดถึงกันเลย เฉยๆ มาก แต่มันก็ยังพอมีประเด็นที่จะเก็บมาเหลากันได้อยู่ ว่าแล้วไปดูกันดีกว่า

 

- การจัดทีม

  เริ่มต้นที่การจัดทีมกันก่อนเลยเกมนี้ ลีดส์ ยูไนเต็ด เจ้าถิ่น หมดสิทธิ์ใช้งาน โรดริโก้ แนวรุกค่าตัวแพงสุดเป็นสถิติสโมสรที่ยังเจ็บอยู่ เช่นเดียวกับ ราฟินญ่า ปีกจอมพริ้วที่ก็มีอาการบาดเจ็บเช่นกัน ไม่แค่นั้น เลียม คูปเปอร์ กองหลังตัวหลักก็มาติดโทษแบนอีก โดยเกมรุกก็ฝากความหวังเอาไว้ที่ แพทริค แบมฟอร์ด, ไทเลอร์ โรเบิร์ต และ เอลแดร์ คอสต้า ขณะที่ทางฝั่งของ ผีแดง ทีมเยือน เกมนี้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นายใหญ่หน้าเด็กของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจดรอป ปอล ป็อกบา กับ เอดินสัน คาวานี่ 2 แข้งที่กำลังฟอร์มดีไว้เป็นแค่ตัวสำรอง กองกลางวาง เฟร็ด คู่ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ แนวรุกซ้ายขวาใช้ ดาเนียล เจมส์ กับ เมสัน กรีนวู้ด เพลย์เมกเกอร์เป็น บรูโน่ แฟร์นันเดส และหน้าเป้าเข็น มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่เพิ่งหายเจ็บลงเล่น  

- ครึ่งแรก ผี พยายามทำเกมบุก ส่วน ลีดส์ เน้นรับรอสวน

  ซึ่งพอเริ่มเกมมา ก็โอเคแหละ ผีแดง ทำเกมได้ดีกว่าเจ้าถิ่นชัดมาก ทั้งการครองบอลและการเดินหน้าหาจังหวะบุก แต่ ลีดส์ ที่ระยะหลังเริ่มปรับตัว ยอมกลืนน้ำลายตัวเองเล่นเกมรับเป็นหลักเวลาเจอทีมใหญ่ ก็แพ็คเกมรับได้อย่างเหนียวแน่นทำให้เจาะเข้าไปได้ยากเหลือเกิน ส่วนเกมสวนกลับของ "ยูงทอง" เอง ก็ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ กดดัน แมนฯ ยู ไม่ได้ ทำให้จบครึ่งแรกไปแบบจืดสนิท แทบไม่มีโอกาสที่หวังผลลุ้นประตูได้เลย แม้ว่า ผีแดง จะทำได้ดีกว่าทั้งการครองบอล และการหาโอกาสยิง  

- โซลชา แก้เกมช้ามาก 

  รูปเกมในครึ่งแรกแสดงให้เห็นชัดแล้วว่า แมนฯ ยู ดูดีกว่าขาดแค่จังหวะเข้าทำจบสกอร์จังหวะสุดท้ายเท่านั้น ซึ่งมันก็น่าจะแก้ไขได้ด้วยการส่ง เอดินสัน คาวานี่ กับ ปอล ป็อกบา ลงมา ทว่า โซลชาก็ยังนิ่ง ปล่อยให้เกมวิ่งไปเรื่อยๆ เหมือนครึ่งแรก เนิบๆๆ กว่าจะแก้เกมเปลี่ยนตัวแรกก็ปาเข้าไปนาทีที่ 76 เอา ปอล ป็อกบา ลงแทน ดาเนียล เจมส์ ซึ่งจริงๆ เจมว์ เนี่ยควรโดนเปลี่ยนออกตั้งนานแล้ว เพราะไม่ได้ทำประโยชน์ห่าอะไรให้ทีมเลย ได้แค่ความทุ่มเทยอมโดนเตะเรียกฟาล์วเท่านั้น  พอ ป็อกบา ลงมา เกมของ ผีแดง ก็ดูดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนแจ่มแจ้งอะไรขนาดนั้น แล้วกว่าที่ โซลชา จะแก้เกมอีกทีก็รอจนนาทีที่ 86 ค่อยส่ง คาวานี่ ลงมาแทน แรชฟอร์ด ที่ไม่ฟิตแถมโดนเตะทั้งเกมจนกรอบสัส ถามว่าเวลาแค่นี้มันจะเปลี่ยนเกมอะไรได้มั้ย นาทีที่ 89 ก็โชว์เก๋าเอา เฟร็ด ออกแล้วส่ง ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค ลงมา ทั้งที่รู้อยู่ว่าทดเวลาแม่งก็ไม่กี่นาที ถ้านี่เป็น ฟาน เดอ เบค คงอยากจะสบถใส่หน้า น้าโซลชา ว่า ส่งกูลงตอนนี้หาพ่องมึงหรอ!! สุดท้ายก็นั่นแหละจบเกมลงไปแบบจืดชืดดีที่แม่งเตะ 2 ทุ่ม ไม่ใช่ตี 2 ไม่งั้นจะหัวเสียและชวนง่วงนอนมากกว่านี้อีก   

- ลีดส์ ทำได้ดีกับทีมใหญ่

  โดยผลเสมอในเกมนี้ทำให้ ลีดส์ ยูไนเต็ดของ มาร์เซลโล่ บิเอลซ่า ทำผลงานได้ดีมากในการเจอกับ 3 ทีมใหญ่ แบบ 3 เกมติด ถ้าก่อนหน้านี้มีใครมาบอกว่า 3 นัดนี้ที่ ลีดส์ จะต้องบุกไปเยือน แมนฯ ซิตี้ และ เปิดบ้านเจอ ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด จะไม่แพ้เลย คงไม่มีใครเชื่อ เพราะ "ยูงทอง" ทำได้ บุกไปชนะ "เรือใบสีฟ้า" ว่าที่แชมป์ พรีเมียร์ลีก ถึงถิ่น 2-1 ไล่ตามตีเสมอ ลิเวอร์พูล ท้ายเกม 1-1 และยันเสมอ "ผีแดง" ได้ 0-0 ถือว่าเป็นผลงานที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง  

- เป้าหมายชัดเจน

  สุดท้ายการจัดตัวและการแก้เกมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในเกมนี้ รวมถึงความมุ่งมั่นและความทุ่มเทของนักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมนี้ ก็ดูเหมือนว่าจิตใจจะล่องลอยไปอยู่กับการลงเล่นรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก มากกว่าซะแล้ว เหมือนแบบแอบเก็บแรงเก็บของไว้เจอ โรม่า พฤหัสนี้ยังไงก็ไม่รู้ ก็อย่างว่าแหละถ้ามองกันตามความจริง ดูแล้วยังไงพรีเมียร์ลีก แมนฯ ซิตี้ ก็คงไม่พลาด ส่วนอันดับ 2 หรือ ท้อปโฟร์ ผีแดง ก็คงไม่หลุด ตอนนี้จิตใจมันน่าจะไปหยุดที่ ยูโรปา ซะแล้ว เรียกได้ว่าการแสดงออกแบบนี้ของ โซลชา ก็บอกได้ว่าเป้าหมายชัดเจนมากทีเดียว อยากจะคว้าแชมป์แรกในฐานะกุนซือกับ แมนฯ ยู แต่จะทำได้มั้ย เดี๋ยวอีกไม่นานเราได้รู้กัน  

ชิน ชินพัฒน์

 
logoline