logo-heading

ไม่มีพลิกล็อคไม่มีปาฏิหารย์อะไรเกิดขึ้นที่กรุงโรมทั้งนั้น แม้ว่า อาแอส โรม่า จะสามารถเปิดบ้านเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปได้ 3-2 ประตู ก็ตามที แต่สกอร์รวมก็แพ้ขาด 8-5 ประตู ส่งผลให้ "ผีแดง" ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปรอเจอกับ "เรือดำน้ำสีเหลือง" บียาร์เรอัล แต่เกมนี้มันมีจังหวะและประเด็นน่าสนใจเยอะแยะ เรามาไล่เรียงดูกันดีกว่า

  เริ่มต้นที่การจัดทีมกันก่อนเลย เกมนี้เจ้าถิ่น อาแอส โรม่า ของ เปาโล ฟอนเชก้า ที่จะอำลาทีมไปหลังสิ้นซีซั่นนี้ เพื่อหลบทางให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ยังจัดทีมมาแบบขอสู้สุดใจให้มันถึงเฮือกสุดท้าย ใส่ชุดใหญ่สุดเท่าที่จะไหว แม้ว่าจะโดนกดยับมา 6-2 ในเลกแรก นำมาโดย คริส สมอลลิ่ง และ เฮนริค มคิห์ทาร์ยาน 2 เด็กเก่าของทัพ "ปีศาจแดง" ผนึกกำลังกับ ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่ และ เอดิน เชโก้ ที่ชอบนักชอบหนากับการยิงใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด ขณะที่ทางฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่อย่างที่เรารู้กันว่ามีโปรแกรมชุก 4 นัดใน 7 วันรออยู่ แต่แทนที่ น้าโอเล่ จะพักตัวหลักในนัดนี้เพราะตุนสกอร์ไว้เยอะแล้ว กลับกลายเป็นว่าพักจริงๆ แค่ไม่กี่ตัว ดาบิด เด เคอา ที่หลุดไปเป็นนายด่านมือ 2 เรียบร้อยแล้วลงเฝ้าเสา แล้วก็ส่ง เอริค ไบยี่ ที่ฟิตพอลงมายืดเส้นยืดสาย ตรงกลางให้โอกาส ดอนนี่ ฟาน เดอ เบค ได้พิสูจน์ตัวเอง ส่วนหน้าเป้าก็ให้ เอดินสัน คาวานี่ รับหน้าที่นายพรานมือสังหารไป นอกนั้นชุดใหญ่จัดเต็ม ซึ่งคาดว่าน่าจะอยากให้ลงเล่นยืดเส้นยืดสายเพราะสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้เล่น เริ่มเกมมาได้ไม่ทันไรเจ้าถิ่นก็โหมบุกทักทายได้โหดก่อนเลย ตั้งแต่นาทีที่ 3  จานลูก้า มานชินี่ ตวัดยิงติดเซฟ ดาบิด เด เคอา ไบรอัน คริสตันเต้ พยายามตามมาซ้ำแต่ก็ยังติดบล็อคสุดท้ายโดนเคลียร์ทิ้งออกไป รอดตัวไปสำหรับ ผีแดง จังหวะต่อมา โรม่า ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาไม่ได้ยอมแพ้ และไม่ได้มาเล่นๆ เตะมุมเปิดมา บรูโน่ แฟร์นันเดส โขกผิดเหลี่ยมกลายเป็นไปเข้าทาง มคิห์ทาร์ยาน เด็กเก่าได้โขกแต่ก็หลุดกรอบไปนิดเดียว เท่านั้นไม่พอช่วง 20 นาทีแรกต้องบอกเลยว่า โรม่า มาแบบโหมเข้าใส่แบบเอาตาย มีเกือบได้ทั้งจาก เปโดร และ เปลเลกรินี่ แต่ก็พลาดไป นาทีที่ 21 ผีแดง มามีจังหวะได้ลุ้นบ้าง เฟร็ด ทำได้ดีดักบอลได้ก่อนจะวางมาให้ เอดินสัน คาวานี่ ที่รออยู่ในเขตโทษยิงชิปแต่ไม่หายดันย้ายไปตกลงบนคาน ทำให้ แมนฯ ยู ยังไม่ได้ประตูขึ้นนำ เท่านั้นไม่พออีก 5 นาทีถัดมา คาวานี่ ก็พลาดอีก ได้หลุดเดี่ยวไไปซัดเต็มข้อล่อเต็มแข้งแต่บอลพุ่งแรงไปโดน อันโตนิโอ มิรานเต้ ปัดทิ้งไปได้  โรม่า ยังคงเป็นฝ่ายที่พยายามเปิดเกมรุกบุกเข้าใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด มากกว่า นั่นก็เพราะว่าสกอร์ที่ตามหลังมากเหลือเกิน แล้วก็เกือบได้อีกครั้ง จากจังหวะที่ เอดิน เชโก้ ซัดไปติดบล็อค เอริค ไบยี่ แล้วบอลก็เข้าทาง เปลเลกรินี่ วิ่งมายิง แต่ เด เคอา ก็ยังเซฟเอาไว้ได้ ในเมื่อทำได้ดีกว่าแล้วหาประตูขึ้นนำไม่ได้ ผีแดง ก็ลงโทษเข้าให้แล้วก็เป็น คาวานี่ ที่ไม่ยอมพลาดโอกาสเหน่งๆ เป็นครั้งที่ 3 คราวนี้สวมบทนายพรานจอมแม่นปืน ตะบันเต็มข้อบอลพุ่งเข้าตาข่ายหายไปในพริบตา ในนาทีที่ 39 แมนฯ ยู บุกกนำ 1-0 สกอร์รวมกลายเป็น 7-2 ยากมากที่ โรม่า จะกลับมาได้ แต่ท้ายครึ่งแรก มิคกี้ เด็กเก่าก็พยายามจะตวัดยิงด้วยซ้ายแต่ก็ยังติดเซฟเพื่อนเก่า เด เคอา คนดีคนเดิม เข้าสู่ครึ่งหลัง แมนฯ ยู ที่นำห่าง 7-2 เปลี่ยนตัวทีเดียว 2 รายและเป็นในตำแหน่งที่สำคัญซะด้วยนั่นคือ ฟลูแบ็ก ถอด ลุค ชอว์ กับ อารอน วาน-บิสซาก้า ออก แล้วส่ง อเล็กซ์ เตลลิส กับ แบรนดอน วิลเลี่ยมส์ ลงมาแทน และการแก้เกมครั้งนี้ของ โซลชา นี่เองเกือบเป็นหายนะของ ผีแดง ซะแล้ว เพราะ เตลลิส นี่รั่วหนักหน่วงมาก เกมรุกที่เป็นจุดเด่นนัดนี้ก็แทบไม่มีอะไรดี แถมเกมรับรั่วโคตรๆ จากเกมที่ควรจะได้เปรียบเล่นชิวๆ กลับกลายมาเป็นต้องซีเรียสซะอย่างงั้น เกมครึ่งหลัง หลังจากที่ โรม่า พยายามบุกเจาะอยู่นานในที่สุดก็มาได้ประตูตีเสมอจนได้ จากจังหวะที่ มิคกี้ จ่ายให้ เปโดร กึ่งยิงกึ่งผ่านให้ เชโก้ เจ้าเก่าเจ้าเดิมที่ชอบยิง แมนฯ ยู เป็นชีวิตจิตใจ โขกเข้าไปไม่เหลือไล่มา 1-1 ซึ่งแม้หนทางการพลิกกลับมาเข้าสู่รอบชิงจะยังอีกไกล แต่ตอนนี้ใจมาแล้ว 3 นาทีหลังตีเสมอ "หมาป่ากรุงโรม" ก็ออกนำได้สำเร็จ เพราะความผิดพลาดของ เฟร็ด ที่ทำท่าจะโชว์เหนือหน้าปากประตูตัวเองแต่โดนแย่งไป แล้วเป็น ไบรอัน คริสตันเต้ ที่ซัดเข้าไปไม่เหลือ เจ้าถิ่นแซงนำ 2-1 ต้องการอีก 3 ประตู กับอีก 30 นาทีที่เหลือ โดยห้ามเสียประตู เพื่อผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งความหวังนี้ที่ดูเหมือนจะยากมันก็เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาเหลือเกิน เพราะพอผีแดงโดน 2 ซ้อนก็ดูเหมือนว่าจะเป๋ไปเยอะ แล้วก็มาเกือบโดนลูก 3 ซะด้วยในนาทีถัดมาเลย แต่ก็ต้องขอบคุณ ดาบิด เด เคอา อีกแล้วที่ช่วยเซฟมหัศจรรย์ 2 ต่อ ทั้งจาก เชโก้ และ เปโดร ซึ่งเป็นช็อตต่อเนื่อง เท่านั้นยังไม่พอ รออีกไม่นาน เด เคอา ก็เซฟลูกชาร์จจ่อๆ ของเพื่อนเก่าอย่าง มคิห์ทาร์ยาน อีกแล้ว! พอมีโอกาสแล้วทำไม่ได้โดนเซฟมหัศจรรย์เข้าไป 3 ดอกติดในเวลาไม่ถึง 3 นาที ผู้เล่น โรม่า ก็ใจเสีย เริ่มถอดใจกันไปแล้ว ทำให้ ผีแดง กลับฟื้นคืนมาจากหลุมอีกครั้ง แล้วก็ทำได้สำเร็จซะด้วย เอดินสัน คาวานี่ หนีกับดักล้ำหน้ารับบอลเปิดมาของ บรูโน่ แฟร์นันเดส พุ่งโขกเข้าประตูไป กลายเป็นตีเสมอ 2-2 สกอร์รวม 8-4 แทบไม่มีความเป็นไปได้เลยที่ โรม่า จะพลิกกลับมาได้ อย่างไรก็ตาม โรม่า ยังไม่ยอมง่ายๆ โดยเฉพาะ เฮนริค มคิห์ทาร์ยาน ที่ดูทุ่มเทสุดตัวเพื่อจะยิงทีมเก่า เก็บตกบอลได้ก่อนจะตวัดยิงที่มุมแคบ แต่ก็ยังเป็น ดาบิด เด เคอา คนเดิมที่ปฏิเสธลูกยิงลูกนี้เอาไว้ได้ เข้าสู่ช่วงท้ายเกม ทั้ง 2 ทีมที่บดบี้ขยี้กันแหลก ก็ดูเนือยๆ กันไปเหมือนว่าจะพอใจกับผลเสมอแล้วหละ ทว่า โรม่า ยังคงไว้ลาย แล้วก็มาได้ประตูจากการประสานงานกันของ 2 ตัวสำรอง ดาวิเด้ ซานตอน เปิดครอสมาให้ นิโกล่า ซาลิวสกี้ ยิงแฉลบ  อเล็กซ์ เตลลิส ซึ่งถือเป็นตัวเกมของ ผีแดง ในนัดนี้เลยก็ว่าได้เพราะเล่นได้แย่มาก เข้าประตูไป ทำให้ โรม่า พลิกขึ้นนำอีกครั้งเป็น 3-2 แล้วก็เป็นประตูแรกในอาชีพค้าแข้งของเจ้าหนู ซาลิวสกี้ ด้วย

แต่สุดท้ายการไล่มา 3-2 ก็ไม่ได้ช่วยให้ปาฏิหารย์เกิดขึ้น จบ 90 นาทีลงไปด้วยสกอร์นี้ แล้วก็เป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปตามคาดด้วยสกอร์รวม 8-5 ประตู โดย "ปีศาจแดง" จะลงเล่นในนัดชิงเจอกับ บียาร์เรอัล ที่เอาชนะ อาร์เซน่อล มาได้ด้วยสกอร์รวม 2-1 ประตู ซึ่งจะตะบันแข้งกันในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้

 

ชิน ชินพัฒน์

 
logoline