logo-heading

เรียกได้ว่ากลายเป็นของชอบไปแล้วสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ออกมาเล่นเกมเยือนทีไร มักจะต้องโดนนำกระตุ้นต่อมซะก่อน หลังจากนั้นค่อยพลิกนรกกลับมาเอาชนะได้สำเร็จ แล้วนี่ก็เป็นอีกเกมที่ "ผีแดง" ทำได้สำเร็จ หลังโดน แอสตัน วิลล่า นำก่อน 1-0 ในครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังรัว 3 เม็ด เผด็จศึก "สิงห์ผงาด" ชนะไป 3-1 ซึ่งเกมนี้มีอะไรน่าสนใจบ้างไปตามดูกันเลย

  เริ่มต้นที่การจัดทีมกันก่อนเลยเจ้าถิ่น ดีน สมิธ กุนซือ แอสตัน วิลล่า เกมนี้ยังคงไม่มี แจ็ค กรีลิช กองกลางกัปตันทีมตัวเก่ง ที่ตกเป็นเป้าหมายของ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะยังมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ ส่วนแนวรุกนัดนี้ก็ฝากความหวังไว้ที่ อันวาร์ เอล กาซี่, เบอร์ทรานด์ ตราโอเร่ และ โอลลี่ วัตกิ้นส์ ตัดสลับกลับมาดูี่ "ผีแดง" กันบ้าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือของ แมนฯ ยูไนเต็ด ถือว่าจัดหนักจัดเต็มอยู่แม้มีโปรแกรมหนักรออยู่ ที่จะต้องเจอกับ ลิเวอร์พูล และ เลสเตอร์ ซิตี้ ภายใน 5 วันข้างหน้า โดยเกมนี้ยังใช้ ดีน เฮนเดอร์สัน เฝ้าเสา แม่้ว่า ดาบิด เด เคอา จะโชว์เซฟอุตลุดในเกมกลางสัปดาห์ที่เจอกับ โรม่า แนวรับจัดเต็ม แม็คไกวร์, ลินเดเลิฟ, ชอว์ และ วาน บิสซาก้า กองกลางวาง เฟร็ด คู่ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ตามสูตร บรููโน่ แฟร์นันเดส เป็นเพลย์เมกเกอร์ ขนาบข้างด้วย ปอล ป็อกบา และ เมสัน กรีนวู้ด กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด สลับกันเล่นปีกขวากับหน้าเป้า เริ่มเกมมาเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทำได้ดีกว่าชัดเจน นาทีที่ 6 ลุค ชอว์ หาจังหวะหลุดเข้าไปซัดเต็มข้อในเขตโทษได้แต่ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ก็ยังปัดป้องออกมาได้ ไม่กี่นาทีถัดมา เฟร็ด ก็ได้โอกาสยิง แต่ก็ยังเป็น มาร์ติเนซ ที่รับเข้าซองอยู่ แล้วก็มีจังหวะได้ลุ่นอีกเรื่อยๆ เรียกได้ว่า ผีแดง เหนือกว่าทุกกระบนท่าในช่วง 20 นาทีแรก ขาดแค่ประตูขึ้นนำเท่านั้น แล้วมันก็ตามสูตรครับผม ในเมื่อบุกเยอะ ยิงแยะแล้วฉกฉวยไว้ไม่ได้ สุดท้ายก็มาโดนลงโทษในนาทีที่ 24 จากจังหวะเล่นพลาดกันเองของทั้ง เฟร็ด และ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ สุดท้ายเสียบอลปล่อยให้ ตราโอเล่ หลุดเข้าไปในเขตโทษซึ่ง วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ก็เหมือนว่าจะสกัดได้แล้ว แต่มันไม่ได้สุดท้ายกลายเป็นโดนพลิกหลอกแล้ว ตราโอเล่ ก็ยิงเข้าไปแบบโคตรคมส่งให้ "สิงห์ผงาด" ผงาดขึ้นนำ "ผีแดง" ก่อน 1-0 หลังจากโดนนำ แมนฯ ยู พยายามจะทำเกมรุกบุกเข้าใส่ แต่ก็ไร้พิษสง ไม่ได้มีอะไรให้น่าสนใจ สุดท้ายก็จบครึ่งแรกลงไปด้วยสกอร์นี้ ครึ่งหลัง again and again อีกแล้ว และ อีกแล้ว ไม่รู้ แมนฯ ยู เป็นอะไร ชอบเหลือเกินเวลาเล่นเกมเยือนแล้วโดนนำก่อน จากนั้นค่อยตามทวงคืนในครึ่งหลัง และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่พวกเขาทำได้สำเร็จ ครึ่งหลังพลพรรค ผีแดง เริ่มมาแบบโคตรคึกคักบุกหนักเข้าใส่หวังเอาประตูตีเสมอ แล้วก็รอไม่นานเพียงแค้่ 5 นาทีเท่านั้น ดั๊กลาส ลุยซ์ ก็มาทำพลาดไปเตะ ปอล ป็อกบา ในเขตโทษ ผู้ตัดสินไม่รอช้าแบบแทบไม่ต้องเช็ค VAR เป่าจุดโทษ แล้วก็เป็น บรูโน่ แฟร์นันเดส มือสังหารเบอร์ 1 กระโดดยิงท่าประจำเข้าประตูไป ผีแดง ตีเสมอสำเร็จเป็น 1-1 ซึ่งพอตีเสมอได้ โมเมนตั้มของเกมก็พลิกกลับมาเข้าทาง แมนฯ ยู แล้ว กลายเป็น แอสตัน วิลล่า เสียกระบวนลงไปเน้นรับแล้วโต้ แต่ก็ทำได้ไม่ดี เท่านั้นไม่พอเพียงแค่นาทีที่ 56 หรือแค่ 6 นาทีจากที่โดนตีเสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็พลิกกลับขึ้นนำได้สำเร็จอีกแล้ว จากจังหวะที่ อารอน วาน-บิสซาก้า จ่ายเข้าไปให้ เมสัน กรีนวู้ด ในเขตโทษ พลิกหลอกแนวรับ วิลล่า ก่อนจะตะบันแบบลูกถนัดซัดเข้าประตูไป ส่งให้ ผีแดง พลิกขึ้นนำเป็น 2-1 แต่พอได้ประตูขึ้นนำแล้วเกมรุกของ แมนฯ ยู ก็ดูจะแผ่วลงไป ไม่ไฉไลเหมือนช่วงต้นครึ่งหลัง หนำซ้ำยังปล่อยให้ วิลล่า บุกมาอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ต้องชมน้อง ดีน เฮนเดอร์สัน ที่ช่วยเซฟชีวิตไม่ให้โดนตีเสมอเอาไว้ โดยเฉพาะจังหวะที่ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ โขกสกัดพลาดไปตรงกรอบ เกือบจะเข้าประตูตัวเองอยู่แล้วแต่ น้องดีน ยังปัดป้องออกไปได้  จากนั้นนาทีที่ 75 ผีแดง ก็ต้องมาเสียกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลก แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า พยายามฝืนแล้วแต่เล่นต่อไม่ไหว ต้องส่ง เอริค ไบยี่ ลงมาเล่นแทน ซึ่งมันก็ทำให้แฟนผีมีเสียวเหมือนกัน เพราะ วิลล่า เองพอเห็นว่า แม็คไกวร์ ไม่ไหวก็ส่ง เวสลี่ย์ กับ แรมซี่ย์ 2 ตัวรุกซึ่งรูปร่างเหมือนหอคอยสูงปรี๊ดลงมากะหวังเล่นงานด้วยลูกโด่ง ซึ่งจะว่าไปมันก็มีจังหวะให้เสียวๆ ได้เหมือนกัน แต่แล้วความหวังที่จะตีเสมอของ วิลล่า ก็ต้องมลายหายสิ้นไปในช่วงท้ายเกม เพราะ เอดินสัน คาวานี่ ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง โชว์ความคมกริบและหาช่องได้อย่างยอดเยี่ยมให้เห็นอีกแล้ว รับบอลเปิดของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ทางฝั่งขวา ก่อนจะวิ่งแซงหน้่าแนวรับของ วิลล่า โขกสะบัดเข้าประตูไป ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด นำห่างเป็น 3-1 จบปึ้งทุกประเด็น เวลาที่เหลือ ไม่มีอะไรน่าสนใจเคาะบอลไปมารอหมดเวลา 3 คะแนนนี้ของ ผีแดง ทำให้ แมนฯ ซิตี้ ยังไม่ได้ฉลองแชมป์แบบเต็มตัว ยังคงต้องรอต่อไป ส่วน ผีแดง เกมนี้ก็ถือว่ากรอบพอสมควรได้พักไม่เท่าไหร่ วันพฤหัสนี้ก็ต้องทำศึกแดงเดือด ดวลกับ ลิเวอร์พูล แล้ว สภาพร่างกายของนักเตะจะเป็นอย่างไร ไหวมั้ย แล้ว แฮร์รี่ แม็คไกวร์ จะหายทันแดงเดือดรึป่าว เราต้องมาตามดูกัน

ชิน ชินพัฒน์

logoline