logo-heading

การแย่งชิงท้อปโฟร์ของศึก พรีเมียร์ลีก ได้ลุ้นกันมันส์ยันนัดสุดท้ายแน่นอน หลังจากที่ เชลซี เปิดบ้านถอนแค้นเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 2-1 ประตู ขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 3 แล้วถีบ จิ้งจอกสยาม หล่นมาที่ 4 เกมนี้มีอะไรน่าสนใจให้พูดถึงกันบ้างไปดูกันเลย

  เริ่มต้นที่การจัดทีม นัดนี้ เชลซี เจ้าถิ่นที่ตัวผู้เล่นโคตรพร้อมไร้เจ็บไร้แบนจัดหนักจัดเต็มหวังถอนแค้นจากนัดชิง เอฟเอ คัพ พร้อมกับแซงขึ้นที่ 3 กลับมาใช้ เอดูอาร์ เมนดี้ เป็นมือ 1 หลัง 3 ตัวมี ติอาโก้ ซิลวา, รีช เจมส์ และ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ แบ็ก 2 ฝั่งเป็น เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า กับ เบน ชิลเวลล์ ที่เจอทีมเก่า กองกลางวาง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่เจอทีมเก่าเช่นกันจับคู่กับ จอร์จินโญ่ 3 แนวรุกใช้ เมสัน เมาท์, คริสเตียน พูลิซิช และ ติโม แวร์เนอร์ ตัดสลับมาดูฝั่ง เลสเตอร์ ทีมเยือนบ้าง เกมนี้ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ตัดสินใจดรอป เคเลียชี่ อิเฮียนาโช่ ที่กำลังฟอร์มแรง แล้วให้ อโยเซ่ เปเรซ ลงเล่นเป็นตัวจริงในแนวรุกร่วมกับ เจมส์ แมดดิสัน และ เจมี่ วาร์ดี้ กองกลางวาง ยูริ เตเลม็องส์ ฮีโร่ที่ซัดดับ “สิงห์บลูส์” ในนัดชิง เอฟเอ คัพ ที่ผ่านมา ยืนคู่กับ วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ เข้าสู่เกมการแข่งขัน เชลซี ไม่รอช้าเปิดเกมรุกบุกเข้าใส่ผู้มาเยือนทันที นาทีที่ 3 เบน ชิลเวลล์ ได้หลุดไปในกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนจะกึ่งยิงกึ่งผ่านมาหน้าประตู คริสเตียน พูลิซิช สไลด์ตัวมาชาร์จไม่ทันบอลเลยหลุดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย นาทีถัดมา เมสัน เมาท์ ได้เปิดเข้าเขตโทษ แต่ ก็องเต้ กับ อัซปิลิกวยต้า โหม่งพลาดทั้งคู่บอลเลยออกหลังไป จากนั้น เชลซี ก็ยังคงโหมบุกกระหน่ำเป็นพายุ ได้ลุ้นจากลูกยิงไกลของ รีช เจมส์ ต่อด้วย คริสเตียน พูลิซิช และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ แต่ก็ยังไม่ขึ้นนำสักที จนกระทั่งนาทีที่ 21 แฟนสิงห์บลูส์ ใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ที่วันนี้ได้กลับเข้ามาชมเกมสดๆ ในสนามอีกครั้งก็ได้เฮจนได้ เมื่อ ติโม แวร์เนอร์ ตวัดตัวยิงบอลผ่านมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เสียบเสาเข้าไป ทว่าสุดท้ายกลายเป็นเฮเก้อ เพราะ var ฟ้องว่า แวร์เนอร์ นั้นยืนอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า ไม่ได้ไม่เป็นไร เชลซี ยังไม่ย่อท้อโหมบุกหนักต่อเนื่อง แล้วก็มาเกือบได้จากลูกยิงของ เมสัน เมาท์ ที่ไปติดเซฟ ชไมเคิ่ล และลูกโขกเตะมุมของ ซิลวา ที่ข้ามคานไป จนกระทั่งนาทีที่ 35 แวร์เนอร์ คนดีคนเดิมได้โขกจ่อๆ หน้าประตูบอลติดเซฟ ชไมเคิ่ล แต่โกลไลน์บอกว่าบอลข้ามเส้นไปแล้ว ทว่าแฟนสิงห์ ยังเฮไม่ทันสุดเสียง var ก็ฟ้องว่าบอลนั้นไปโดนแขนของ ดาวยิงทีมชาติเยอรมัน ไม่ได้โดนหัวสุดท้ายโดนจับแฮนด์บอลแทนไปซะอย่างงั้น ถ้าเป็นไปได้น่ามาทำบุญล้างซวยบ้านเราเหลือเกิน  ทำให้จบครึ่งแรก เชลซี ที่บุกแรกมีโอกาสยิง 10 กว่าครั้งยังขึ้นนำไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตามกลับมาเล่นต่อในครึ่งหลังได้แค่ 2 นาที เชลซี ก็มาได้ประตูที่รอคอยหลังจากพยายามอย่างหนักจากจังหวะเตะมุม เบน ชิลเวลล์ เปิดเข้ามา วาร์ดี้ โขกสกัดไม่ดีหล่นมาตกตรงต้นขาของ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ปลิ้นเข้าประตูไป สิงห์บลูส์ ออกนำ 1-0 หลังโดนนำ เลสเตอร์ ก็ดูจะยังไม่กระเตื้องเป็น เชลซี ที่ทำได้ดีกว่าเหมือนเดิม และได้ลุ้นประตูเพิ่มจากลูกยิงของ แวร์เนอร์ แต่ก็ยังเข้ามือของ ชไมเคิ่ล จนกระทั่งนาทีที่ 66 ประตู 2-0 ก็มาจนได้ แวร์เนอร์ โดน เวสลี่ย์ โฟฟาน่า แนวรับ จิ้งจอกสกัดล้มบริเวณเส้นเขตโทษ var เช็คแล้วว่าโดนสกัดในกรอบ จอร์จินโญ่ รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่เหลือ หลังโดนไป 2 ดอก เลสเตอร์ ก็เหมือนจะตื่นขึ้นมานิดๆ ได้ลุ้นบ้างจากลูกยิงของ เคเลียชี่ อิเฮียนาโช่ ที่ยิงถากเสาออกไป ในนาทีที่ 76 แต่นาทีถัดมา อิเฮียนาโช่ ที่ลงมาเป็นสำรองได้ไม่นานก็ซัดใส่ เชลซี จนได้ด้วยการยิงโล่งๆ จากการเปิดให้ของ วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ จิ้งจอกสยาม ไล่มาเป็น 2-1 กลับเข้าสู่เกมอีกครั้ง เวลาที่เหลือ เชลซี จากที่บุกกระหน่ำมาทั้งเกม เริ่มหมด ถอยไปเน้นตั้งรับเน้นชัวร์เน้นเหนียวแน่นมากขึ้น ส่วน เลสเตอร์ ก็พยายามบุกหวังตีเสมอให้ได้ แล้วก็เกือบได้ด้วย ในช่วงท้ายเกม ริคาร์โด้ เปเรยร่า ปาดบอลเข้ามากลางประตูให้ อโยเซ่ เปเรซ วิ่งมาซัดเหินข้ามคานออกไป สุดท้ายก็ไล่ไม่ทันจบ 90 นาที เชลซี ทำสำเร็จเก็บ 3 คะแนนเต็มแซงหน้า เลสเตอร์ ขึ้นไปอยู่ที่ 3 แถมก่อนจบเกมยังจะมีมวยแถมด้วยจนเวลาต้องทดเกินกันมาหลายนาทีเลยทีเดียว 

ผลจบแบบนี้การลุ้นท้อปโฟร์ยิ่งมันขึ้นไปใหญ่ ลิเวอร์พูล อันดับ 5 ตามหลัง เลสเตอร์ 3 แต้ม แต่แข่งน้อยกว่า 1 นัด แถมลูกได้เสียดีกว่าด้วย นั่นหมายความว่า เผลอๆ เลสเตอร์ ที่เดิมทีมีดีกรีเป็นรองจ่าฝูง อาจโดนถีบหลุดท้อปโฟร์ในนัดสุดท้ายของฤดูกาลก็เป็นได้. .. 

ไฮไลต์นัดสุดท้ายของศึก พรีเมียร์ ลีก จะดุเดือดเลือดพล่านหรือไม่ มาดูกันครับ ผลการแข่งขันคืนนี้จะตัดสินทุกสิ่ง 

 

ชิน ชินพัฒน์

logoline