logo-heading

"ถ้าคุณถามว่า ผมจะเป็นหนึ่งในหัวหอกที่ดีที่สุดในโลกได้หรือเปล่าผมคงต้องตอบว่า ได้ เพราะผมเชื่อเช่นนั้นจริงๆ" นี่คือวาทะเด็ด และเป็นวลีสุดคลาสสิคที่ นิคลาส เบนท์เนอร์ ได้กล่าวเอาไว้เมื่อปี 2011 ซึ่งตอนนั้นเขาอายุ 22 ปี จนถึงตอนนี้เวลาผ่านไป 10 ปีเต็ม เบนท์เนอร์ ที่เพิ่งจะประกาศแขวนสตั๊ดไปก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เขาทำได้ไม่ใกล้เคียงกับที่พูดมาเลยสักนิด!

  เรื่องฝีเท้าโดยรวม มันก็อาจจะไม่ได้ถึงขั้นย่ำแย่ สุนัขไม่รับประทานอะไรขนาดนั้น ทว่าคำพูดเป็นนายตัวเองเสมอ ในเมื่อพูดด้วยความมั่นใจ แต่ฟอร์มการเล่นกลับหดหาย หนำซ้ำเจ้าตัวก็ยังแสดงความมั่นใจในฝีตีนตัวเองออกมาอยู่บ่อยๆ ทำให้คนเริ่มมองเป็นเรื่องขบขัน เอามาล้อ เอามาทำมีมกันสนุกสนานกันใหญ่ในโลกโซเชี่ยล จน เบนท์เนอร์ ได้รับฉายาว่า "ลอร์ดเบนท์" หรือ "ท่านลอร์ด"  เท่านั้นไม่พอ นอกจากฝีเท้าจะไม่ได้ดีเด่นอย่างที่อวดอ้างสรรพคุณแล้ว วีรกรรมวีรเกรียนนอกสนามของพี่แกก็ยังมีอีกเยอะแยะมากมายหลายสิ่ง วันนี้ในฐานะที่พี่แกเพิ่งจะประกาศแขวนสตั๊ดไป ก็เลยขอรวบรวมวีรกรรมวีรเวรแสบๆ ของ อดีตหัวหอกทีมชาติเดนมาร์กมารวมมาเล่ามาเขย่าให้ฟังกันหน่อย ว่าแล้วไปลุยกันเลย ย้อนกลับไปในปี 2009 เบนท์เนอร์ ในวัย 20 ปี ที่ตอนนั้นกำลังเป็นกองหน้าดาวรุ่งพุ่งแรงของ อาร์เซน่อล ก็ได้สร้างวีรกรรมแรกในชีวิตค้าแข้งที่ทำให้ตกเป็นข่าวฉาว ด้วยการเมาปลิ้นเละเทะในผับ หลังเกมที่แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-1 ประตู ร่วงตกรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไอ้การดื่มเพื่อลืมความพ่ายแพ้ ลบความผิดหวังมันไม่เป้นอะไรหรอก ทำได้ไม่มีใครว่า ทว่า "ลอร์ดเบนท์" ดันเมาปลิ้นชนิดที่เรียกว่า "เก็บทรงไม่อยู่" จนถูกการ์ดของร้านหิ้วปีกออกมากองข้างหน้า เท่านั้นไม่พอเพราะอยู่ๆ เบนท์เนอร์ ก็ถอดกางเกงยีนส์ที่สวมอยู่ออก มากองเอาไว้ที่เข่า โชว์ให้เห็นกางเกงในสีดำตัวจิ๋วซะงั้น แล้วพอคนบอกให้ใส่กางเกงยีนส์กลับก็ไม่ยอมใส่กลับซะด้วย สุดท้ายก็เลยหิ้วปีกขึ้นรถไปทั้งแบบนั้นนั่นแหละ  ต่อมาในปี 2012 เบนท์เนอร์ ก็สร้างเรื่องฉาวอีกครั้ง แถมครั้งนี้ถ่ายทอดสดให้คนทั่วโลกเห็นด้วย ย้อนกลับไปในศึกยูโร 2012 เกมที่ เดนมาร์ก แพ้ โปรตุเกส ไป 3-2 ประตู ซึ่งนัดนั้น เบนท์เนอร์ โชว์เทพ เหมาคนเดียว 2 ตุง แม้สุดท้าย "โคนม" จะพ่ายแพ้ แต่ "ลอร์ดเบนท์" ก็ได้พื้นที่สื่อไปเต็มๆ เพราะหลังจากยิงได้ พี่แกก็ดึงเสื้อขึ้น แล้วถกกางเกงลงโชว์ขอบกางเกงในที่มีชื่อ "แพดดี้ พาวเวอร์" บ่อนชื่อดังของแดนผู้ดีเขียนอยู่ กะจะมาโฆษณาเนียนๆ แต่ ฟีฟ่า ไม่เห็นด้วย มันมีกฏชัดเจนอยู่แล้วว่าห้ามทำแบบนี้ ซึ่งสุดท้าย เบนท์เนอร์ ก็ถูกแบน 1 นัด และปรับอีก 80,000 ปอนด์ ไม่น่าคุ้มค่าสปอนเซอร์ที่รับมาด้วยซ้ำ วีรกรรมถัดมาก็ยังคงวนเวียนอยู่กับการแก้ผ้านี่แหละ ดูพี่แกจะชอบซะเหลือเกิน ในปี 2014 พี่เบนท์ น่าจะเหงาและว่างจัด หรือไม่ก็เพี้ยนไปแล้ว หลังจากถูก อาร์เซน่อล ลอยแพปล่อยฟรี แล้วยังไม่มีสังกัดใหม่อยู่ เพราะอยู่ๆ แกก็โพสต์ภาพตัวเองแก้ผ้าหมดนั่งชิวรับแดด เอาแค่ยกทรงมาปิดอวัยวะเพศเอาไว้แค่นั้น พร้อมเขียนแคปชั่นว่า "นี่คือวิธีปกป้องร่างกายจากแสงอาทิตย์" สร้างความฮือฮาอย่างมากในตอนนั้น คือมึงชอบแก้ผ้าอะไรขนาดนั้น ยังครับ ยังไม่หมด เรื่องแก้ผ้าของพี่แกยังมีอีก ปี 2018 คงเหงาเหมือนเดิม เพราะอยู่ระหว่างรักษาอาการบาดเจ็บ อดช่วยทีมชาติเดนมาร์ก ไปลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ประกอบกับตอนนั้นหนัง Aquaman กำลังดัง เจ้าตัวก็เลยเปลือยกายโชว์บั้นท้ายขาวๆ เดินลงน้ำ พร้อมเขียนแคปชั่นสั้นๆ ว่า "Aquaman!" เรียกยอดไลค์จากแฟนบอล หญิงแท้ หญิงเทียมได้บานเบอะ เพราะตูดพี่แกขาวจั๊วะจริงๆ ตอนอยู่กับ โวล์ฟสบวร์ก ช่วงปี 2014-2016 "ลอร์ดเบนท์" ก็สร้างเรื่องมากกว่าสร้างประตู เพราะมีรายงานว่า พี่แกมักจะกวนตีนขับรถ Mercedes Benz ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Volkswagen สปอนเซอร์หลักของสโมสรมาซ้อมแบบหน้าตาเฉย ไม่สนกฏของทีมอะไรใดๆ ทั้งนั้น โดนปรับแล้วปรับอีกก็ยังไม่แคร์ แถมยังมาซ้อมสายเป็นประจำ โดยมักจะอ้างง่ายๆ ว่าลืมตั้งนาฬิกาปลุก ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ก็ไม่แปลกใจที่ โวล์ฟสบวร์ก ไม่ทน อยู่ได้ 2 ฤดูกาล ลงเล่นรวมไป 47 นัด ซัดแค่ 9 ประตู สุดท้ายก็โดนเขี่ยทิ้งไปให้ น็อตติ้งแฮม ฟอร์เรสต์ วีรกรรมสุดท้าย อันนี้เริ่มไม่ฮา ไม่เกรียนแล้วหละ เพราะมันไม่ได้ทำร้ายแค่ตัวเอง แต่นี่คือการทำร้ายร่างกายคนอื่น และสุดท้ายผลของการกระทำนี้ของ "ลอร์ดเบนท์" ก็ส่งผลให้เจ้าตัวต้องเข้าไปนอนในซังเตได้รับสัมผัสใหม่แห่งการนอนอยู่เกือบ 2 เดือนเลยด้วย!  เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงเดือนกันยายน 2018 เบนท์เนอร์ ที่ตอนนั้นค้าแข้งให้กับ โรเซนบอร์ก ได้ไปท่องราตรีกับแฟนสาวที่ โคเปนเฮเก้น บ้านเกิด แล้วเกิดเมาจัด หลังจากซัดเหล้าเข้าไปไม่หยุด สุดท้ายไม่ไหวเรียกแท็กซี่กลับบ้าน ทว่าอยู่ๆ ก็ไปหาเรื่องพี่โชเฟอร์ ไม่ยอมจ่ายค่าโดยสาร 5 ปอนด์ (ราว 220 บาท) แถมซัดหน้าคนขับกรามหักหลับคารถซะอย่างงั้น ซึ่งประเทศเดนมาร์ก ไม่ใช่บางประเทศแถบนี้ที่มีชื่อเสียง มีเงินทองแล้วจะทำอะไรก็ได้ เบนท์เนอร์ ดังแค่ไหนก็ไม่รอดครับ ตำรวจมารอบตัวไปทันที และสุดท้ายคดีก็สิ้นสุดที่ "ลอร์ดเบนท์" ต้องนอนคุก 50 วัน แถมเสียค่าทำขวัญให้คู่กรณีอีก 1 พันปอนด์ด้วย ทั้งหมดนี้คือวีรกรรมแสบๆ เด่นๆ ของ "ลอร์ดเบนท์" ที่ก่อขึ้นตลอด 15 ปีในอาชีพค้าแข้ง วันนี้แม้เจ้าตัวจะแขวนสตั๊ดไปแล้ว แต่ก็ยังยืนยันว่าจะไม่ทิ้งวงการลูกหนัง และกำลังร่ำเรียนงานโค้ชอยู่ "ผมอยากเรียนโค้ชมากเลยนะ เพราะผมหวังจะทำงานตรงนี้ในอนาคต ผมหวังว่าเมื่อถึงช่วงอายุ 40-45 ผมจะมีโอกาสได้คุม อาร์เซน่อล ซึ่งเป็นสโมสรแรกและเป็นทีมที่ผมรักที่สุดที่ผมเคยเล่นมา" นี่คือบทสัมภาษณ์ของ "ท่านลอร์ด" เมื่อช่วงสงกรานต์ปีที่แล้ว. .. ไม่แน่ว่าในอนาคต อาร์เซน่อล อาจมีกุนซือที่พาทีมคว้าแชมป์ยุโรปและทวงบัลลังก์แชมป์ พรีเมียร์ลีก ที่ชื่อว่า นิคลาส เบนท์เนอร์ ก็เป็นได้. ..

ก็เป็นการปิดฉากตำนานเทพเจ้าลูกหนังของวงการคนแรกไปด้วยประการฉะนี้ครับผม

 

ชิน ชินพัฒน์

logoline