logo-heading

การจับสลาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย ประจำฤดูกาล 2021-22 มีดราม่าให้พูดกันเยอะมากครับ โดยเฉพาะความโป๊ะของเจ้าหน้าที่ หลังใส่ลูกบอลผิดโถ จนเกิดความวุ่นวาย ให้ต้องประกบคู่กันอีกรอบ ทั้งๆที่มันได้คู่แข่งขันไปแล้ว เรียกว่าอดเห็น 2 ซูเปอร์สตาร์ของโลก เผชิญหน้ากันในสังเวียน

เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ไม่อยากพูดพร่ำอะไรมากมาย เอาเป็นว่า การจับสลาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หนนี้ มีอะไรน่าสนใจ และ ต้องพูดถึงกันบ้าง ไปติดตามกันเลยครับ

- ยูฟ่า โดนจับโป๊ะ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับ ว่าจะมีเหตุการณ์ที่ ยูฟ่า โดนจับโป๊ะ ระหว่างถ่ายทอดสด การจับสลาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย เพราะหลังจากเสร็จสิ้นผลประกบคู่ไปแล้ว แต่โดนร้องเรียนอย่างหนักถึงความไม่โปร่งใส เหมือนจงใจล็อคคู่ให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปะทะ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เจอกัน อารมณ์อยากเห็น ลิโอเนล เมสซี่ เชือดเฉือนกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อีกครั้ง จน ยูฟ่า อยู่เฉยไม่ได้ ยอมให้การจับสลากเป็นโมฆะ เหตุการณ์โดนจับโป๊ะครั้งนี้ มีสาเหตุมาจากเจ้าหน้าที่ ยูฟ่า ดันมือลั่นเอาลูกบอล แมนฯ ยูไนเต็ด มาใส่ในโถที่ต้องจับเจอ บียาร์เรอัล ทั้งๆที่มาจากกลุ่มเดียวกัน เท่านั้นไม่พอ ยังท็อปฟอร์มต่อเนื่อง เพราะทำผิดพลาดอีกครั้งตอนจับชื่อ แอต. มาดริด ขึ้นมา แต่ลืมเอาลูกบอลของ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับเข้าไปในโถ ที่จะจับมาเจอกัน ทำให้ ตราหมี ต้องไปเจอ บาเยิร์น มิวนิค แทน เมื่อโดนจับผิดคาหนังคาเขา ทำให้ แอตเลติโก มาดริด ประท้วงทันที เพราะพวกเขาอาจจะจับเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นได้ สุดท้ายการร้องเรียนเป็นผล จน ยูฟ่า ต้องประกาศขอจับสลากใหม่อีกครั้ง นับว่าเป็นอะไรที่โป๊ะมาก และ สมควรถูกด่าเหลือเกิน เพราะเป็นองค์กรลูกหนังชื่อเสียงระดับโลก แต่ปล่อยให้ความผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้น

- เชลซี เจอคู่แข่งทีมเดิม

ไม่ว่าทีมอื่น จะเปลี่ยนหน้าเจอคู่แข่งกันไปมากเยอะแค่ไหน หลังมีการจับสลากประกบคู่เทค 2 .. บ้างก็เจอแข็งขึ้น บ้างก็เจอง่ายลง แต่กระนั้นสำหรับ เชลซี และ สาวก สิงห์บลูส์ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หรือ รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะรอบแรก สิงห์บลูส์ จับสลากเจอกับ ลีลล์ ซึ่งเป็นงานไม่ที่ไม่ได้ยากมากนัก ต่อให้มีสถานะมีดีกรีเป็นแชมป์ ลีก เอิง ฝรั่งเศส ก็ตาม แต่ถ้าสอดส่องดูแล้ว การเข้าเป็นอันดับ 2 และ เจอกับ ลีลล์ ถือว่ามีโอกาสผ่านเข้าสู่รอบต่อไป แต่พอมีการจับสลากใหม่อีกครั้ง เชลซี ก็ต้องแอบเสียวๆว่าจะต้องพบใคร อย่างไรก็ตาม กลายเป็นว่า สิงห์บลูส์ ยังโคจรมาพบกับทัพ "ตราหมา" เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นโอกาสเข้ารอยังสูงอยู่ โดยย้อนกลับไป 2 ฤดูกาลก่อน ทั้งคู่ก็เคยเจอกันมาแล้ว และ เป็น เชลซี เอาชนะทั้งไป-กลับ ด้วยสกอร์ 2-1 ทั้ง 2 นัด

- เมสซี่ ไม่ได้ปะทะ พี่โด้ แต่หวนเจอโจทย์เก่า

ตอนเทคแรก ที่มีการจับสลาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ไฮไลท์ของรอบนี้ คงหนีไม่พ้นคู่ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เพราะมันจะเป็นการฟาดฟันของ "ศัตรูที่รัก" ระหว่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กับ ลิโอเนล เมสซี่ ซึ่งจะหวนกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง เรียกว่ามีการทั้งถูกพูดถึง และ โปรโมทไปทั่วทุกสารทิศ อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแฟนบอลก็ฝันสลาย เพราะต้องมาจับสลากใหม่อีกครั้ง คราวนี้กลายเป็นว่า ปารีส ไม่ได้เผชิญหน้ากับ ปีศาจแดง อีกแล้ว แต่ถึงกระนั้นคู่แข่งทีมใหม่ ที่เตรียมเจอกันในรอบ 16 ทีมสุดท้าย องศาความเผ็ดร้อนไม่ได้ลดน้อยถอยลงไปเลย เพราะ เปแอสเช ถูกจับมาดวลกับ เรอัล มาดริด นั่นหมายความว่า เมสซี่ จะได้กลับมาเจอคู่อริอีกครั้ง เพราะสมัยอยู่กับ บาร์เซโลน่า เขาฟาดฟันชิงดีชิงเด่นกับ มาดริด มาโดยตลอด เพื่อครองความยิ่งใหญ่บนเวที ลา ลีกา สเปน ขนาดย้ายทีมมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึง 1 ปี เขาก็คัมแบ็กดวลกับ ราชันชุดขาว จนได้ แต่มันจะไม่ใช่ เมสซี่ คนเดียวครับ ที่จะเป็นจุดโฟกัส มันยังมี เซร์คิโอ รามอส ปราการหลังทีมชาติสเปน ซึ่งจะหวนกลับไปเจอทีมเก่า ที่เขาอยู่สร้างความสำเร็จมานานถึง 16 ปี เหมือนว่าชะตาฟากำหนดมาแล้ว ส่วนอีกรายคงจะเป็น คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ เพราะเขาตกเป็นข่าวย้ายไปอยู่ ราชันชุดขาว มาตลอด ดังนั้นเกมที่จะไปเยือน ซานติอาโก้ เบร์นาเบว คงเหมือนการชิมลางตามรอยความฝันของเขา

- เจอร์เก้น คล็อปป์ จะกลับไปเยือน ซาน ซิโร่ อีกครั้งในรอบ 3 เดือน

เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์หลังจับสลากเจอกับ อินเตอร์ มิลาน เจ้าของแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ว่า ก่อนหน้านี้เขาต้องใช้เวลารอคอยนานถึง 54 ปี ถึงจะได้มาสังเวียน ซาน ซิโร่ สนามที่ใฝ่ฝันจะมาเยือนทั้งชีวิต และแล้วความฝันของ คล็อปป์ ก็เป็นจริง เพราะเพิ่งนำลูกทีมบุกไปเอาชนะ เอซี มิลาน มาได้ 2-1 เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งพอได้มาเยือนแล้ว ก็ต้องมาเยือนอีก เนืองด้วยคู่แข่งในรอบ 16 ทีม ลิเวอร์พูล จับสลากมาพบกับ อินเตอร์ มิลาน ที่ใช้สังเวียนเดียวกันกับ "ปีศาจแดง-ดำ" เท่ากับว่า คล็อปป์ จะได้ไปเยือน ซาน ซิโร่ เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน เรียกว่าไปบุกถิ่นทีมจากเมืองมิลาน ให้หนำใจกันไปเลย ซึ่ง หงส์แดง เคยปะทะกับ งูใหญ่ มาแล้ว 4 ครั้ง ทั้งในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูโรเปี้ยน คัพ (ชื่อเดิม) โดย ลิเวอร์พูล ชนะไป 3 ครั้ง และ แพ้ 1 ครั้ง ซึ่งครั้งล่าสุดที่เจอกัน คือรอบ 16 ทีม เมื่อซีซั่น 2007-08 วันนั้น เครื่องจักรสีแดง ชนะไปด้วยสกอร์รวม 2 นัด 3-0

- บาเยิร์น ฟัดทีมน้อง ไลป์ซิก

ถึงแม้ว่า ไลป์ซิก จะกระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่กระนั้นในเรื่องของร่างเงา ซัลซ์บวร์ก ก็พอจะเป็นตัวแทนได้เหมือนกัน เพราะมี "เร้ดบูลล์" เป็นสปอนเซอร์ใหญ่เช่นเดียวกัน ซึ่งในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยักษ์ใหญ่จากลีกออสเตรีย ต้องโคจรมาพบกับ บาเยิร์น มิวนิค จะว่าไปแล้วไม่มีดีกรีอะไรที่ ซัลซ์บวร์ก จะไปสู้กับ บาเยิร์น มิวนิค ได้เลย เพราะทัพ เสือใต้ ไม่เคยแพ้ให้กับทีมจากออสเตรีย เลยสักนัดเดียว โดยสามารถเอาชนะได้ทั้ง 4 นัด ไม่ว่าจะเจอกับทีมอะไรก็ตาม แถมมีดีกรีคว้า่แชมป์เป็นว่าเล่น แต่กระนั้นด้วยหัวใจความเป็นนักสู้ ซัลซ์บวร์ก ไม่แพ้ทาง บาเยิร์น อย่างแน่นอน เพราะพวกเขาเองก็อยากจะพิสูจน์เหมือนกัน ว่ามีดีพอต่อกรกับทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรปได้หรือไม่ เพราะในรอบแบ่งกลุ่มก็ผลงานก็ไม่ธรรมดา เข้าเป็นอันดับ 2 โดยเขี่ยทั้ง เซบีย่า และ โวล์ฟสบวร์ก ตกรอบไปได้ อย่างไรก็ตามต้องยอมรับตามตรง เสือใต้ มีโอกาสเข้ารอบแบบสดใสมากกว่า หากดูจากชื่อชั่นและทฤษฎี เพราะในรอบแบ่งกลุ่ม ลูกทีม ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ เก็บชัยชนะรวด 6 นัด

- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังฉมังในเรื่องการจับสลาก

สังเกตกันไหมครับว่า เวลามีการจับสลากประกบคู่ ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลถ้วย รายการใดก็ตาม ในรอบแรกๆ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มักจะไม่ได้เจอกับคู่แข่งที่สูสีมากนัก และ ได้พบกับทีมที่ดูรองบ่อนมากกว่า เรียกว่าดวงเฮงเหลือเกินเวลาต้องลุ้นอะไรพวกนี้ อย่างปีก่อนก็พบกับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค รอบ 16 ทีมสุดท้าย จริงๆแล้วศักยภาพ เรือใบสีฟ้า เจอทีมไหนก็ได้บนโลกใบนี้ แต่ซีซั่น 2021-22 พวกเขาก็ยังเจอคู่แข่งไม่ได้แข็งแกร่งมาก ในรอบ 16 ทีม หากเทียบกับทีมอื่นๆที่เข้าเป็นอันดับ 1 โดยเป็น สปอร์ติ้ง ลิสบอน ทีมดังจากลีกโปรตุเกส ซึ่ง เรือใบสีฟ้า ไม่ได้ฟาดแข้งกับ ลิสบอน มานานถึง 10 ปีแล้ว ครั้งสุดท้ายก็คือ ยูโรปา ลีก ฤดูกาล 2011-12 โดยเจอกันในรอบ 16 ทีมสุดท้าย วันนั้นเป็น สปอร์ติ้ง ผ่าน แมนฯ ซิตี้ ไปด้วยกฎประตูทีมเยือน หลังเสมอกัน 3-3 ตอนนั้นเป็นยุค โรแบร์โต้ มันชินี่ คุมทีม นำโดย เซร์คิโอ อเกวโร่ แต่เวลาผ่านมานานแล้ว ต้องมารอดูว่า แมนฯ ซิตี้ จะล้างแค้นได้หรือไม่

ฮาย ฮาวดี้-

logoline