logo-heading

การเป็นแชมป์ว่ายากแล้วครับ แต่การป้องกันแชมป์ยากยิ่งกว่า เหมือนอย่างเช่น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หัวหอกตัวเทพของ บาเยิร์น มิวนิค เพราะถ้าเขาไม่สามารถรักษามาตรฐานการเล่นระดับโลกเอาไว้ได้ ก็คงไม่มีวันได้คว้ารางวัล ฟีฟ่า เดอะ เบสต์ สาขานักเตะชายยอดเยี่ยมแห่งปี 2 สมัยซ้อน อย่างแน่นอน

หากมองผิวเผินอาจดูเป็นเรื่องง่าย แต่ไม่ใช่แบบนั้นเลยนะครับ เพราะ เลวานดอฟสกี้ คว้ารางวัล ในวันที่ ลิโอเนล เมสซี่ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สองซูเปอร์สตาร์ ยังยิงประตูเป็นกอบเป็นกำ หรือแม้กระทั่งมีดาวเด่นเต็มโลกลูกหนังไปหมด อาทิ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เนย์มาร์, คีเลี่ยน เอ็มบัปเป้ หรือ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์

แต่ เลวานดอฟสกี้ ก็ยังยืนหนึ่งอย่างสง่าผ่าเผยเหมือนเดิม ถึงแม้เขาจะไม่เคยครอบครอง บัลลง ดอร์ สักครั้งเดียวในชีวิต ทั้งๆที่คู่ควรกับมันเหลือเกิน โดยเฉพาะผลงานเมื่อ 2 ซีซั่นก่อน ที่ยิงประตู จนพาทัพ เสือใต้ ซิวทริปเปิ้ลแชมป์แบบไร้เทียมทาน ทว่าเจ้า โควิด-19 ตัวร้าย เป็นคนทำลายความฝันนั้น อย่างไรก็ตาม รางวัล เดอะ เบสต์ คือโทรฟี่เกียรติยศส่วนตัวที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน แบบที่ เลวานดอฟสกี้ เคยคว้ารางวัลนี้ไปครอง โดยไม่มีใครทัดเทียม เนื่องด้วยปีนั้น หัวหอกทีมชาติโปแลนด์ โชว์ฟอร์มได้สะแด่วแห้วเหลือเกิน เพราะนอกจากคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ ทั้ง บุนเดสลีกา เยอรมัน, เดเอฟเบ โพคาล และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก  เลวานดี้ ยังสร้างสถิติยิง 55 ประตู จากการลงสนามแค่ 47 นัด เมื่อซีซั่น 2019-20 โดยควบตำแหน่งดาวซัลโวทั้ง 3 รายการ เรียกว่าเหมาหมดทุกอย่างที่เข้าร่วมการแข่งขัน เป็นเอกฉันท์แบบไม่มีข้อคัดค้าน ด้วยการมีคะแนนโหวตถึง 52 คะแนน เหนือกว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อันดับ 2 ถึง 14 แต้ม จากความยอดเยี่ยมปีนั้น ก็คงมีบ้างที่ผลงานอาจดูดรอปๆไป ไม่มีใครเพอร์เฟ็คต์ไปตลอดกาลหรอกครับ ทุกคนคือมนุษย์ย่อมมีความผิดพลาด แต่อยู่ที่ว่าใครจะปรับปรุง และ พัฒนาต่อไป ซึ่งสำหรับ เลวานดอฟสกี้ ถึงแม้จะเป็นชายวัย 30 ต้นๆ แต่เขายังมีความหิวกระหายไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ เลวานดี้ จะไม่สามารถช่วย บาเยิร์น ป้องกันแชมป์ยุโรปไว้ได้ในซีซั่นก่อน แต่เขาก็มีส่วนสำคัญยิ่งในการนำ เสือใต้ ครองเมือง บุนเดสลีกา ต่อไป ด้วยการคว้าแชมป์ลีกมาครองเป็นสมัยที่ 9 ติดต่อกัน แน่นอนว่ามันอาจเป็นเรื่องธรรมดาในสายตาของแฟนบอลไปแล้ว เพราะ เยอรมัน แทบไม่มีใครต่อกร บาเยิร์น ได้เลย แต่กระนั้นมีไม่กี่คนหรอกครับ ที่บ้าคลั่งยิงประตูในเกมลีก นับเฉพาะแค่ 1 ซีซั่น มากเกินกว่า 40 ลูก ซึ่ง เลวานดอฟสกี้ คือหนึ่งในนั้น เมื่อเขาจารึกชื่อตัวเองลงบน "พงศาวดาร" บุนเดสลีกา เยอรมัน ด้วยการยิง 41 ตุง เมื่อฤดูกาล 2020-21 ทำลายสถิติของ แกร์ด มุลเลอร์ ตำนานดาวยิงทีมชาติเยอรมัน ที่อยู่ยงคงกระพันมานานถึง 49 ปี ซึ่งต้องไม่ลืมด้วยว่า บุนเดสลีกา โม่แข้งกันแค่ 34 นัด เท่านั้น ซึ่งการคว้ารางวัล เดอะ เบสต์ ของ เลวานดอฟสกี้ ก็คงมีหลายคนแคลงใจเหมือนกัน เพราะก็ต้องมีแฟนๆมองว่า ลิโอเนล เมสซี่ ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติอาร์เจนติน่า สมควรได้มากกว่า เนื่องจากเป็น เดอะ แบก คว้าแชมป์ โคปา อเมริกา 2021 มาครองได้เป็นสมัยแรกของตัวเอง พร้อมกับมีรางวัล บัลลง ดอร์ การันตีมาแล้ว แน่นอนฟอร์มของ เมสซี่ และ การคว้าแชมป์ โคปา อเมริกา คือโมเมนต์แห่งปี และ คู่ควรแก่การยกย่อง เพราะแฟนบอลทั่วโลกต่างรอคอยความสำเร็จในทีมชาติ ไหนจะสามารถลากสังขาร บาร์เซโลน่า ที่เต็มไปด้วยปัญหา ซิวโทรฟี่ โกปา เดล เรย์ มาครองได้ซะอย่างงั้น แต่กระนั้นหากพูดถึงความสม่ำเสมอ นับตั้งแต่เริ่มซีซั่น 2021-22 จนถึงปัจจุบันผ่านมาแล้ว 6 เดือน เมสซี่ ยังมีผลงานไม่เป็นชิ้นเป็นอันมากนัก มีทั้งเรื่องอาการบาดเจ็บ และ โควิด-19 เข้ามารบกวน เมื่อย้ายมาอยู่กับ เปแอสเช ขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงจาก ลิเวอร์พูล ก็มาร้อนแรงแบบสุดขีด ในช่วงออกสตาร์ทซีซั่นนี้ ยิงประตูเป็นว่าเล่น 16 ตุงเข้าไปแล้ว นำโด่งเป็นดาวซัลโวบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ว่ากันตามตรง ช่วงครึ่งปีแรก บังโม เงียบไปหน่อย มีช่วงปืนฝืด จนเกือบไม่ได้พา หงส์แดง ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้วเหมือนกัน ดังนั้นในความเข้าใจของตัวผม มองว่า เมสซี่ ฟอร์มร้อนแรงเหลือเกินในช่วงครึ่งปีแรกของ 2021 ส่วน ซาลาห์ ผลงานแจ่มจรัสในช่วงครึ่งปีหลัง มิเช่นนั้นทั้งคู่คงไม่มีชื่อเข้ามาชิงรางวัล 3 คนสุดท้าย จากการโหวตของ กัปตันทีมชาติ และ โค้ชทีมชาติ จากประเทศที่อยู่ในสมาชิก ฟีฟ่า รวมถึงสื่อมวลชนที่ได้รับเลือก อย่างไรก็ตาม เลวานดอฟสกี้ คือนักเตะที่ฟอร์มสม่ำเสมอตลอดทั้งปี ซึ่งในค.ศ 2021 ดาวยิงรายนี้ซัลโวคู่แข่งไปมากถึง 69 ประตู รวมทุกรายการ ทั้งกับสโมสร และ ทีมชาติ เทียบเท่ากับสถิติที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยทำเอาไว้เมื่อปี 2013 69 ประตู ตลอดปี 2021 ที่ทำได้นั้น เฉลี่ยแล้วทุกๆ 71 นาที เลวานดอฟสกี้ จะซัลโวให้กับทีมได้เสมอ มีเพียงแค่ 14 นัด เท่านั้นที่ทำประตูไม่ได้ ฉะนั้นทุกแมตช์ที่เจ้าตัวลงสนาม มีเปอร์เซ็นต์สูงถึง 76 % ที่ เลวานดี้ จะลงสนามไปพังตาข่ายคู่แข่งได้อย่างแน่นอน เรียกว่าทั้ง เมสซี่, ซาลาห์ และ เลวานดอฟสกี้ คือเทพแห่งลูกหนัง แต่ถ้าเอาความสม่ำเสมอ เลวานดอฟสกี้ เหนือกว่าทั้ง 3 คน และ นั่นคงเป็นปัจจัยหลักทำให้เขาได้รับการเทคะแนนโหวตเป็นส่วนใหญ่ เลวานดอฟสกี้ จึงเป็นบุคคลลูกหนังอีกราย ที่ฉีกกฎเกณฑ์ที่ว่าคนอายุ 30 ปีขึ้นไป มักผ่านจุดสูงสุดในอาชีพมาแล้ว และ คงย้ายไปลีกต่างแดน เพื่อโกยเงินในช่วงสุดท้าย แต่ เลวาน ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง เขายังคงมุ่งมั่น และ หิวกระหายความสำเร็จไม่เปลี่ยนแปลง เพราะตั้งแต่ เลวานดอฟกี้ เข้าสู่หลักไมล์วัย 30 ปี เขาทำผลงานได้ดีกว่าตอนสมัยหนุ่มๆเสียอีก ซีซั่น 2019-20 : 55 ประตู จาก 47 นัด ซีซั่น 2020-21 : 48 ประตู จาก 40 นัด ซีซั่น 2021-22 : 34 ประตู จาก 26 นัด ซึ่งเพิ่งผ่านมาแค่ครึ่งฤดูกาลเท่านั้น มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการคว้ารางวัล เดอะ เบสต์ สาขานักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ของ เลวานดอฟสกี้ ไม่ใช่แค่ผลงานที่เป็นประจักษ์เท่านั้น แต่มันคือแบบอย่างที่คนรุ่นหลังควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง โดยเฉพาะเรื่อง "ความพยายาม" ถ้าคุณยังไม่ดีพอ .. คุณก็แค่พยายามให้มากกว่าเก่า .. ฝึกซ้อมให้มากกว่าเดิม .. พัฒนาไปเรื่อยๆ อย่าหยุดนิ่ง ทุกประตูที่เขาทำไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เกิดจากการยิงอันเฉียบคม, หาช่องว่างเก่ง และ จบสกอร์ได้ทุกรูปแบบ รางวัลแด่ความเก่งกาจ และ ความพยายาม "โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้"

ฮาย ฮาวดี้-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline