logo-heading

เรื่องราวเส้นทางชีวิตของ 'เต้ยโศก' แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ไม่รู้ว่ายังมีเหล่าสาวก "เดอะ ค็อป" คนไหนยังสนใจและติดตามอยู่รึเปล่า? หลังจากเขาได้ย้ายออกจากรั้ว แอนฟิดล์ และไปหาความท้าทายครั้งใหม่กับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ในรูปแบบการยืมตัว

หัวหอกขาแด๊นซ์พิสูจน์ตัวเองมาแล้วว่าเขาเองก็ร้ายกาจไม่เบานะกับการระเบิดตาข่ายที่กระจุยกระจาย และก็เคยเกือบพา ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์ด้วยในฤดูกาล 2013-14 ตอนที่ยังเป็นคู่หู 'SAS' กับ หลุยส์ ซัวเรซ แต่จากนั้นชีวิตของ สเตอร์ริดจ์ ก็ถือว่าพลิกผันสุดๆ จากกราฟชีวิตที่กำลังพุ่งปี๊ดกลายเป็นดิ่วลงทะเลลึกแบบงมยังไงก็หาไม่เจอ เนื่องด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บที่ตามเล่นงานเป็นวิญญาณตามติดจนในที่สุดก็ต้องจบชีวิตลงกับ ลิเวอร์พูล สำหรับสถานการณ์ของ ลิเวอร์พูล ในปีนี้้ต้องบอกเลยว่าเป็นปีที่ดีกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา และเมื่อ สเตอร์ริดจ์ ไม่อยู่แล้วเรามาดูกันดีกว่าว่าชีวิตของเขาต้องเจอกับอะไรบ้างและพลาดอะไรบ้างหลังได้ก้าวออกไปจากถิ่น เมอร์ซี่ย์ ไซด์ เจ็บอีกแล้ว! เมื่อแทบไม่ได้โอกาสกับ ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็เลยต้องระเห็จย้ายไปอยู่กับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ช่วงเดือน มกราคม ปี 2018 แต่กลับเหมือนโดนโชคะชะตากลั่นแกล้งเพราะ สเตอร์ริดจ์ ได้ลงเล่นไปเพียงแค่ 3 เกมเท่านั้นจากนั้นก็เจอปัญหาอาการบาดเจ็บตามเล่นงานซ้ำที่แฮมสตริงและต้องพักยาว แถมเจ็บในเกมทีี่บุกไปแพ้ทีมเก่า เชลซี 3-0 อีกต่างหาก เป็นได้แค่ตัวอะไหล่เท่านั้น การย้ายจากทีมใหญ่มาทีมเล็กไม่ได้การันตีว่าคุณจะได้เล่นบ่อยเสมอไป การมาของ สเตอร์ริดจ์ คาดหมายว่าเขาจะเป็นเบอร์หนึ่งเหนือ ซาโลมอน รอนดอน หรือไม่ก็เล่นคู่กัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคืนเขาดันเป็นตัวเลือกอันดับ 4 ของทีมด้วยซ้ำเป็นรองทั้ง รอนดอน, เจย์ โรดริเกซ หรือแม้แต่มือ 3 อย่าง ฮัล ร็อบสัน-คานู โดยเจ้าตัวได้ลงเล่นไปแค่ 5 เกมเท่านั้น คิดเวลารวมอยู่ที่ 99 นาที หรือเฉลี่ยที่ 1 เกมถ้วน อดมีส่วนร่วมในรอบชิงดำ แชมเปี้ยนส์ ลีก ลิเวอร์พูล ปีนี้มาดีเกินกว่าที่คาดเอาไว้กับการตีตั๋วเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งจะพบกันแชมป์เก่า เรอัล มาดริด และโอกาสก็ไม่ได้น้อยเลยกับการเป็นแชมป์สมัยที่ 6 เพราะบอลนัดเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้ และถ้าเกิดได้แชมป์ขึ้นมา สเตอร์ริดจ์ ก็จะไม่ได้โอกาสสัมผัสถ้วยโทรฟี่ใบนี้ และก็จะไม่ถูกจารึกชื่อว่าได้แชมป์ดังกล่าวกับทีมด้วย ดูแล้วคงไม่ได้ไปบอลโลก ปีนี้ถืือเป็นปีที่นักเตะทุกคนต้องจริงจังมุ่งมั่นทำผลงานให้ดีเป็นพิเศษเพื่อโอกาสที่จะถูกเรียกตัวไปรับใช้ชาติเกิดลุยศึก ฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายที่ประเทศ รัสเซีย ซึ่งนักเตะสายเลือดอังกฤษก็โชว์ฟอร์มได้เข้าตาหลายคนโดยเฉพาะแนวรุกอย่าง แฮร์รี่ เคน, เจมี่ วาร์ดี้, มาร์คัส แรชฟอร์ด, เกล็น เมอร์เรย์ ส่วนในรายของ สเตอร์ริดจ์ ได้ลงเล่นไปไม่ถึง 100 นาทีน่าจะไม่ได้ไป ยิงประตูก็ไม่ได้สักลูก ถ้าเกิดฟิตทันและถูกเรียกตัวขึ้นมานีก็เด็กเส้นแล้วล่ะ ไม่มีอนาคต! ต่อให้จะกลับคืนสู่รั้ว แอนฟิลด์ ในช่วงซัมเมอร์นี้หลังหมดสัญญายืมตัวกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน แต่ดูแล้วการเบียดแย่งโอกาสกับเหล่าแนวรุกในทีมคงยาก เพราะ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ กำลังเล่นกันได้เข้าขากันสุดๆ แถมยังช่วยกันยิงประตูได้แบบถล่มทลายอีกด้วย ดังนั้นดูแล้ว สเตอร์ริดจ์ ไม่โดนขายทิ้งก็นั่งสำรองยาวจนถูกลืม  

-HaMuDosSantos-

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline